ท่านประธานมาดเข้ม2

1748 คำ
เมื่อได้เวลาผับปิดพราวฟ้า พสุธา และณัฐพงษ์ก็เดินออกมา จากผับโดยทั้งพราวฟ้าและพสุธาต่างช่วยกันประคองณัฐพงษ์ที่เมามากเดินมายังรถยนต์ที่จอดไว้ในลานจอดรถ “เฮ้อ...มาด้วยกันทีไรนัดหมดสภาพแบบนี้ทุกที” พราวฟ้าถอนหายใจอย่างโล่งอกที่สามารถประคองณัฐพงษ์มาส่งถึงรถได้ “แบบนี้ไงเราถึงต้องเที่ยวด้วยกันสามคน ช่วยกันแบกหามสมาชิกกลับบ้าน” พสุธาบอกพร้อมทั้งหัวเราะออกมา “นั่นน่ะสิ” พราวฟ้ากล่าวอย่างเห็นด้วยทั้งคู่จึงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ภาพที่บุคคลภายนอกเห็นจึงเป็นภาพที่พราวฟ้าและพสุธายืนหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างหวานชื่น “ถ้างั้นเราก็แยกย้ายกันตรงนี้นะ” พสุธาหันมาบอกกับพราวฟ้าเมื่อจัดแจงให้ณัฐพงษ์นั่งบนเบาะข้างคนขับเรียบร้อย “จ้ะ แล้วเจอกันนะดิน มามะขอกอดหน่อย” พราวฟ้ากางแขนออกและเป็นฝ่ายเดินเข้าไปกอดพสุธาอีกฝ่ายก็กอดตอบด้วยความเต็มใจ สำหรับเขาแล้วพราวฟ้าไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทแต่หญิงสาวเปรียบเสมือนพี่น้องและครอบครัว พราวฟ้าเป็นคนแรกและคนเดียวที่รับรู้ว่าเขาเป็นอะไร นอกจากจะไม่รังเกียจแล้วหญิงสาวยังให้กำลังใจและเป็นที่ปรึกษาในหลายๆ เรื่องเขาจึงรักพราวฟ้ามากไม่ต่างจากพี่น้องที่คลานตามกันมา ภาพหญิงชายที่โผเข้ากอดกันทำให้คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยในรถยนต์คันหรูที่จอดสนิทอยู่ฝั่งตรงข้ามรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก “พลอดรักกับผู้ชายไม่อายฟ้าอายดิน” ภาคภูมิคำรามและตบพวงมาลัยอย่างหงุดหงิดที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะทำตัวเป็นพวกถ้ำมองทำไม แทนที่จะขับรถออกไปจากตรงนี้เสียตั้งแต่แรกที่เห็นพราวฟ้าและเพื่อนชายเดินออกมา พสุธารอจนพราวฟ้าเปิดประตูขึ้นรถยนต์ของตัวเองเรียบร้อยจึงเคลื่อนรถจากไปโดยไม่รู้เลยว่าคล้อยหลังเขาไปเพียงนิดเดียวพราวฟ้าก็เปิดประตูลงมาจากรถเมื่อพบว่ารถยนต์ของเธอสตาร์ทไม่ติดเนื่องจากน้ำมันหมด “บ้าจริง มาน้ำมันหมดอะไรตอนนี้เนี่ย” หญิงสาวบ่นอย่างหัวเสียเพราะขณะนี้เป็นเวลาดึกมากแล้วและชุดที่เธอใส่ก็ล่อแหลมเหลือเกินหากต้องใช้บริการรถแท็กซี่ในเวลานี้ ครั้นจะโทรตามพสุธากลับมารับเธอก็รู้สึกเกรงใจเพราะบ้านของเขากับคอนโดของเธอนั้นอยู่คนละทางเลยทีเดียว หญิงสาวถอนหายใจและนึกแช่งชักหักกระดูกภาคภูมิที่ทำให้การประชุมยืดเยื้อจนเธอมีเวลาในการเตรียมตัวมาปาร์ตี้ไม่มากพอ แถมยังทำให้เธอลืมเติมน้ำมันรถเพราะรีบมาตามนัดเสียด้วย “เป็นเพราะคุณคนเดียวเลยคุณภาคฉันถึงต้องลำบากแบบนี้” พราวฟ้าบ่นพลางล็อครถแล้วเดินออกไปริมถนนเพื่อใช้บริการแท็กซี่โดยไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งแอบมองเธออยู่ตลอดเวลา หญิงสาวเดินออกมายังไม่ทันถึงถนนด้านหน้าของผับก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงบีบแตรดังมาจากด้านหลัง หญิงสาวหันไปมองอย่างไม่ชอบใจเมื่อคิดว่าถูกบีบไล่เพราะคิดว่าตัวเองเดินริมถนนไม่ได้เกะกะขวางทางอีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นทะเบียนรถเธอก็ต้องประหลาดใจเพราะจำได้อย่างแม่นยำว่าทะเบียนสวยที่ประมูลมาด้วยราคาแพงระยับนี้เป็นของท่านประธานหนุ่มแห่งวัฒนาเรียลเอสเตทที่เธอนึกแช่งชักหักกระดูกอยู่เมื่อสักครู่ หญิงสาวรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากเพราะไม่คิดว่าโลกจะกลมจนเธอและเขาบังเอิญมาเที่ยวสถานที่เดียวกันเห็นดังนั้นเธอจึงรีบเดินจ้ำอ้าวเพราะไม่อยากเสวนากับเจ้านายหนุ่มที่มักทำหน้าดุและมองเธอด้วยสายตาไม่ชอบใจตลอดเวลา แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องชะงักหยุดอยู่กับที่เมื่อภาคภูมิขับรถมาขวางหน้าและเปิดกระจกด้านข้างคนขับลงพร้อมสั่งให้เธอขึ้นไปบนรถ “ขึ้นมาสิ” พราวฟ้าหันไปมองรอบๆ ตัวว่ามีใครนอกจากเธอหรือเปล่า และก็ได้รับการยืนยันด้วยน้ำเสียงห้วนๆ จากเจ้าของรถยนต์คันหรูมาในทันที “ผมพูดกับคุณนั่นแหละคุณพราวฟ้า” “เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันกลับเองได้” พราวฟ้าปฏิเสธเพราะไม่อยากอยู่ใกล้ท่านประธานจอมโหดเพราะเธอกลัวว่าตัวเองจะขาดใจตายเสียก่อนเนื่องจากต้องเกร็งตลอดเวลาที่อยู่ใกล้เขา “ผมสั่งให้คุณขึ้นก็ขึ้นสิอย่าเรื่องมาก หรือว่าอยากจะเป็นเหยื่อโจรฆ่าข่มขืนแถวนี้ ดูจากการแต่งตัวของคุณแล้วคงไม่น่ารอด” พราวฟ้าเม้มปากแน่นเมื่อถูกต่อว่า แต่เมื่อคิดตามคำพูดของเขาก็อดกลัวไม่ได้ สุดท้ายเธอจึงยอมเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถสปอร์ตสีดำราคาแพงระยับของเจ้านายหนุ่ม สัมผัสแรกที่เธอรับรู้ได้เมื่อขึ้นมาบนรถคือกลิ่นหอมของน้ำยาปรับอากาศชั้นดีและที่ทำให้เธอรู้สึกใจสั่นแปลกๆ คือกลิ่นน้ำหอมจากจากร่างกายกำยำภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวของภาคภูมิ แม้เขาจะสวมแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนและกางเกงสแล็กสบายๆ แต่นั่นไม่อาจลดความน่าดูของเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว ภาคภูมิยังคงเป็นชายหนุ่มที่ดึงดูดเพศตรงข้ามได้อย่างดีเยี่ยมแม้เขาจะนั่งอยู่เฉยๆ ก็ตาม พราวฟ้าไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นขนาดนี้เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา ซึ่งอาการนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเมื่อเธอต้องใกล้ชิดกับภูดิศเจ้านายโดยตรงของเธอซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของเขาเลยสักนิด “รถเป็นอะไร” พราวฟ้าเรียกสติตัวเองกลับมาเมื่อภาคภูมิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึมตามสไตล์ของเขาที่เธอชินเสียแล้ว “น้ำมันหมดค่ะ” “หึ...ผู้หญิงจริงๆ” ภาคภูมิส่ายหน้ากับคำตอบของพราวฟ้าและเขาก็แอบเห็นว่าหญิงสาวเม้มปากด้วยความไม่พอใจ “ระวังปากจะขาดซะก่อนนะคุณเลขา กัดแน่นซะขนาดนั้น” “ท่านประธานส่งดิฉันลงที่ป้ายรถเมล์ข้างหน้าก็ได้นะคะ ดิฉันไม่อยากรบกวน” พราวฟ้าบอกกับเจ้านายหนุ่มเมื่อคิดว่าคงทนต่อการจิกกัดของเขาต่อไปไม่ไหว เขานั่นแหละที่เป็นสาเหตุให้เธอลืมเติมน้ำมันแล้วยังจะมาต่อว่าเธออีก “สองมาตรฐาน” “อะไรนะคะ” พราวฟ้าเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่ภาคภูมิกล่าว “ผมบอกว่าคุณน่ะสองมาตรฐาน กับเจ้าภูคุณแทนตัวเองว่าพราวอย่างนั้นพราวอย่างนี้ แต่กับผมคุณแทนตัวเองว่าดิฉันจะให้ผมคิดยังไง” “เอ่อ...” พราวฟ้าถึงกับไปไม่เป็นเพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จะให้เธอตอบได้อย่างไรว่าเธอกับภูดิศ สนิทสนมกันดีเพราะอีกฝ่ายใจดีและมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อลูกน้องมากกว่าเขาจนเทียบไม่ติด ในขณะที่ภูดิศยิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นกันเองกับลูกน้อง แต่ภาคภูมิกลับวางมาดนิ่งและทำหน้าดุตลอดเวลาจนลูกน้องกลัวหัวหด “พูดกับผมเหมือนที่คุณพูดกับเจ้าภูนั่นแหละ” “ค่ะ” พราวฟ้าเผลอกระแทกเสียงใส่เขาและเมื่อรู้สึกตัวก็ได้แต่กลั้นหายใจว่าจะโดนเขาเล่นงานอย่างไร แต่ผิดคาดไปมากเพราะนอกจากเขาจะไม่ต่อว่าแล้วยังเปลี่ยนไปถามเรื่องที่อยู่ของเธอแทน “บอกทางไปที่พักคุณมา ผมจะไปส่ง” “ไม่เป็นไรค่ะ พราวไม่อยากรบกวน” “คุณคิดว่าตัวเองจะกลับถึงที่พักไหมถ้าไปโบกแท็กซี่ด้วยชุดนี้น่ะ” ภาคภูมิตอบพลางกวาดสายตามองชุดแสนเซ็กซี่ของพราวฟ้า แต่เขาก็ต้องรีบเบนสายตาหนีโดยเร็วเพราะมันส่งผลถึงความรู้สึกบางอย่างของเขาอย่างรุนแรง แต่กิริยาเบนหน้าหนีกะทันหันของเขากลับทำให้พราวฟ้าคิดไปว่าเขารังเกียจจนไม่อาจทนมองต่อไปได้ ความรู้สึกน้อยใจพุ่งขึ้นมาอย่างที่หญิงสาวไม่อาจให้คำตอบกับตัวเองได้เช่นกันว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจบอกชื่อคอนโดที่ตัวเองพักอาศัยออกไปและนั่งกอดอกหันหน้ามองไปนอกหน้าต่าง ฝ่ายภาคภูมินั้นเมื่อได้ทราบถึงที่อยู่ของเธอเขาก็ขับรถไปเงียบๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก เครื่องปรับอากาศที่เปิดไว้จนเย็นฉ่ำและกลิ่นหอมๆ ภายในรถซึ่งไม่แน่ใจว่ามาจากเจ้าของรถหนุ่มหรือมาจากน้ำยาปรับอากาศ แต่มันทำให้ พราวฟ้ารู้สึกสบายจนเคลิ้มหลับไปโดยไม่รู้ตัว ภาคภูมิหันมามองคนหลับที่ใช้สองแขนกอดอกด้วยความหนาวจึงเอื้อมมือไปหรี่แอร์ลง แม้จะไม่ได้ตั้งใจฉวยโอกาสแต่สายตาของเขามันก็เหลือบไปเห็นว่าชายกระโปรงของชุดเดรสที่สั้นมากอยู่แล้วร่นขึ้นไปถึงไหนต่อไหนเมื่อหญิงสาวนั่งเอนกายหลับอยู่บนเบาะ ภาคภูมิรู้สึกได้ถึงความต้องการที่แล่นพล่านไปทั่วทั้งตัวทั้งๆ ที่เขาไม่เคยขาดเรื่องอย่างว่าเลยสักนิด พราวฟ้ามีเสน่ห์ดึงดูดและกระตุ้นเขาได้อย่างน่ากลัว เธอทำให้เขารู้สึกอยากลากขึ้นเตียงแล้วขย้ำให้หนำใจโดยที่ไม่ต้องออกแรงยั่วเลยสักนิด ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกหงุดหงิดที่หญิงสาวไม่รู้จักระวังตัวให้มากกว่านี้ ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้านายที่เธอคุ้นเคยแต่ยังไงก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชาย อย่างน้อยพราวฟ้าควรจะระมัดระวังตัวมากกว่านี้ ถ้าหากไม่ใช่เขาแต่เป็นผู้ชายคนอื่นพราวฟ้าอาจจะกลับไม่ถึงบ้านก็เป็นได้ แค่คิดเขาก็รู้สึกโกรธและโมโหอย่างบอกไม่ถูก “ผู้หญิงบ้า แต่งเนื้อแต่งตัวยั่วผู้ชายแล้วยังไม่รู้จักระวังตัวอีกมันน่านัก” ภาคภูมิได้แต่ฮึดฮัดอยู่คนเดียวเพราะตัวต้นเหตุนั้นหลับสบายไม่รู้เรื่องรู้ราว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม