เช้าวันจันทร์อันแสนน่าเบื่อสำหรับใครหลายคนแต่ไม่ใช่สำหรับพราวฟ้าที่ก้าวเท้าเข้ามาในบริษัทด้วยความสดใสและยิ้มทักทายทุกคนที่เดินผ่าน เธอไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยสักนิดที่ต้องตื่นเช้ามาทำงานในขณะที่หลายๆ คนยังอยากซุกกายอยู่บนที่นอนนุ่มๆ ตำแหน่งเลขานุการของรองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ระดับประเทศอย่างภูดิศมีงานให้เธอทำมากมายในแต่ละวัน นอกจากงานเอกสารแล้วเธอยังได้มีโอกาสเดินทางติดตามเจ้านายหนุ่มไปพบกับคู่ค้านักธุรกิจเก่งๆ มากมายซึ่งทำให้เธอมีโอกาสได้ทำความรู้จักและเก็บเกี่ยวความรู้ไปด้วยในตัว หญิงสาวชอบการที่ได้พบปะผู้คนหลากหลายอาชีพเพราะนั่นทำให้เธอได้เปิดประสบการณ์ความรู้ของตัวเองให้กว้างขึ้น และสิ่งสำคัญที่ทำให้เธอทำงานได้อย่างมีความสุขคือการที่ภูดิศเป็นเจ้านายที่แสนดีมีความเข้าอกเข้าใจลูกน้อง เขาให้เกียรติและไม่เคยแสดงท่าทีในเชิงชู้สาวต่อเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว เธอรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ได้มาทำงานในบริษัทใหญ่อย่างวัฒนาเรียลเอสเตท มีเจ้านายที่แสนดีเพื่อนร่วมงานที่น่ารักและค่าตอบแทนสูง
“สวัสดีจ้ะน้องพราว มาแต่เช้าเหมือนเดิมนะ” ชยานีเลขานุการของภาคภูมิท่านประธานจอมเนียบแห่งวัฒนาเรียลเอสเตททักทายเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หญิงสาวเป็นรุ่นพี่เธอสามปีและทำงาน
ที่วัฒนาเรียลเอสเตทมานาน
“มาเช้าแต่ก็ยังช้ากว่าพี่นีนะคะเนี่ย”
“พี่ยอมตื่นเช้ากว่าคนอื่น ดีกว่าต้องนั่งติดแหง็กอยู่บนรถถ้าออกสายกว่านี้”
“นั่นน่ะสิคะ พูดถึงรถติดแล้วน่าเบื่อเนอะพี่นี” สองสาวเดินคุยกันไปตลอดทางที่เดินไปยังห้องพักผ่อนของพนักงาน ซึ่งจะเปิดบริการตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อให้พนักงานที่มาแต่เช้าได้เข้ามานั่งรับประทานอาหารหรือดื่มชากาแฟที่มีไว้ให้พร้อมสรรพตามประสาบริษัทใหญ่ที่มีสวัสดิการให้พนักงานอย่างดีเยี่ยม
“เอ่อ...พี่นีคะ พราวขอถามอะไรอย่างหนึ่งสิคะ”
“พี่นีเป็นเลขาของคุณภาคมานาน พราวอยากทราบว่าจริงๆ แล้วคุณภาคเขาเป็นคนยังไงกันแน่คะ” พราวฟ้าตัดสินใจเอ่ยถามชยานีซึ่งเป็นเลขาของภาคภูมิมาตั้งแต่ก่อนที่เธอจะเข้ามาทำงานที่นี่เสียอีก
“ทำไมถึงถามพี่อย่างนั้นล่ะจ๊ะ”
“คือว่า...” พราวฟ้าตัดสินใจเล่าเรื่องที่เธอเจอภาคภูมิที่ผับและเขาก็อาสามาส่งเธอยังที่พักทำให้ชยานีประหลาดใจไม่น้อย
“นี่ถ้าสาวๆ ในบริษัทรู้ว่าพราวเป็นผู้โชคดีได้นั่งรถคุณภาคกลับบ้านคงอิจฉาพราวกันถ้วนหน้าทีเดียว” ข้อนี้เธอไม่เถียงเพราะรู้ดีว่าสาวๆ ในบริษัทต่างคลั่งไคล้ในความหล่อและสมบูรณ์แบบของสองพี่น้องแห่งตระกูลวัฒนาวิวัฒน์กันทั้งนั้น ติดที่ว่าเขาอยู่ในตำแหน่งเจ้านายจึงทำได้แค่แอบกรี๊ดอยู่ในใจ
“พราวไม่รู้ว่าจะเรียกโชคดีหรือโชคร้ายน่ะสิคะ พี่นีก็รู้ว่าคุณภาคเขาชอบทำหน้าดุและชอบตำหนิพราวอยู่เรื่อยเรื่องการแต่งตัวทั้งๆ ที่พราวก็ไม่ได้แต่งตัวโป๊จนไม่ให้เกียรติสถานที่ เพียงแค่พราวตามแฟชั่นและไม่ชอบแต่งตัวเชยๆ เท่านั้น” พราวฟ้ากล่าวอย่างไม่เข้าใจที่ภาคภูมิมักแสดงอาการเหล่านั้นกับเธอทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
“คุณภาคถึงแม้จะชอบทำหน้านิ่งและดุจนพนักงานพากันกลัวหัวหด ต่างจากคุณภูที่ขี้เล่นใจดี แต่จากที่พี่ทำงานใกล้ชิดกับเขามาหลายปีคุณภาคก็เป็นเจ้านายที่ใช้ได้เลยทีเดียวนะ ถ้าจะดุก็ดุด้วยเหตุผลเช่นทำงานผิดพลาดหรือไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่มากกว่า พี่ไม่เคยเห็นคุณภาคต่อว่าใครแบบไม่มีเหตุผลนะ แถมตอนที่พี่ลาคลอดคุณภาคยังไปเยี่ยมด้วยตัวเองพร้อมทั้งใส่ซองรับขวัญให้ลูกพี่ด้วยนะ พี่และครอบครัวยังซึ้งใจมาจนถึงทุกวันนี้เลย”
“เหรอคะ” พราวฟ้ารู้สึกประหลาดใจกับเรื่องที่ได้รับรู้ เธอไม่คิดว่านักธุรกิจระดับหมื่นล้านที่มีเวลาเป็นเงินเป็นทองเช่นเขาจะลงทุนไปเยี่ยมพนักงานด้วยตัวเอง
“แต่จะว่าไปพี่ไม่เคยเห็นคุณภาคดุใครจริงจังสักทีนะ ยกเว้น
ในห้องประชุมที่แต่ละฝ่ายมีผลงานไม่ถูกใจท่านก็จะให้ชี้แจงสาเหตุและแนะนำวิธีแก้ปัญหา”
“ก็ไอ้ตอนถามหาสาเหตุและแนะนำด้วยหน้านิ่งๆ น้ำเสียงเรียบๆ นี่แหละค่ะที่ทำให้คนอื่นเขาเกร็งแทบหายใจหายคอไม่ออก” พราวฟ้าบอกอย่างที่คิดทำให้ชยานีหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ไม่น่าเชื่อนะคะว่าคุณภาคกับคุณภูจะเป็นพี่น้องคลานตามกันมา นิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว มีแค่หน้าตาเท่านั้นที่มีส่วนคล้ายกัน”
“แต่ดุๆ น่ากลัวแบบที่พราวว่าเนี่ยสาวๆ กรี๊ดและคลั่งไคล้อยากได้ตำแหน่งภรรยาคุณภาคกันทั้งเมืองนะจ๊ะ”
“พราวก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงคนไหนจะเป็นผู้โชคร้ายคนนั้น” พราวฟ้าบอกพร้อมทั้งหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
“พราวนี่ล่ะก็ ชอบเป็นไม้เบื่อไม้เมากับท่านประธานของพี่เสียจริง” ชยานีต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก
“พราวไม่ได้อยากเป็นนะคะ แต่ท่านประธานของพี่นีไม่ชอบพราวเองต่างหาก”
“ได้เวลาทำงานแล้วไปกันดีกว่า” ชยานีชักชวนพร้อมเก็บแก้วและจานชามไปล้างก่อนจะพากันเดินออกจากห้องพักผ่อนไปยังโต๊ะ
ทำงานของตัวเอง