เธอบอกและไม่คิดแปลกใจเลยสักนิดที่เขาไม่รู้ตารางการเดินทางของมารดา นั่นเพราะสองแม่ลูกไม่ค่อยจะลงรอยกันนักเรียกว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมาของกันและกันก็อาจจะว่าได้ และเมื่อไหร่ก็ตามที่มารดาของเขาไม่อยู่ในประเทศ จะเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขและอารมณ์ดีมากกว่าปกติเสียด้วยซ้ำ
“อ้อ...” เขาพยักหน้ารับรู้
“แล้วคืนนี้คุณซันต้องการให้ดรีมเตรียมของใช้พิเศษเอาไว้ให้ที่คอนโดรึเปล่าคะ”
ไม่ต้องขยายความเขาก็เข้าใจคำว่า ‘ของใช้พิเศษ’ ที่เธอบอกได้เป็นอย่างดี
“ไม่ต้องครับ ผมแค่จะกินข้าวเฉยๆ ไม่คิดจะกินอย่างอื่น”
“แต่คุณซันไม่ได้ทำกิจกรรมโปรดมาเกือบเดือนแล้วนะคะ”
อาทิตย์แทบจะสำลักกับคำว่า ‘กิจกรรมโปรด’ เพราะเธอพูดถึงมันได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่มันควรจะเป็นเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกเขินอายบ้างตามประสาผู้หญิงทั่วไป หรือเขาจะทำมันบ่อยจนเธอชินชาและไม่รู้สึกรู้สากับการที่จะเอ่ยถึงมันไปแล้วก็ไม่รู้
“ทำไมล่ะครับ คุณแปลกใจมากเหรอที่ผมห่างจากเรื่องนั้นมาเป็นเดือนน่ะ คงคิดว่าผมเป็นเจ้านายที่บ้ากามมากสินะ”
“เปล่าค่ะ ดรีมแค่กลัวว่าถ้าคุณไม่ได้ผ่อนคลายแล้วจะรู้สึกเครียดมากเท่านั้นเอง ช่วงนี้งานคุณก็ล้นมือดรีมเลยคิดว่าคุณน่าจะอยากปลดปล่อย หรือจะให้ดรีมโทรไปหาซ้อสี่เพื่อให้เธอเตรียม...”
“ไม่ต้องครับ ผมไม่อยากได้ใครทั้งนั้น มันก็แค่เบื่อๆ น่ะ”
“คุณซันคง...ไม่ได้ป่วยใช่มั้ยคะ ให้ดรีมนัดคุณหมอมาตรวจสุขภาพหน่อยดีรึเปล่า”
สายตาที่เธอมองมาอย่างห่วงใย ทำให้เขารู้สึกอยากจะเอาหัวโขกผนังลิฟต์ไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะมันเหมือนเธอกำลังคิดว่าเขาเป็นกามตายด้านไปแล้ว
นี่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอคงเห็นเขาเป็นไอ้บ้ากามที่ต้องนอนกับผู้หญิงทุกคืนไม่งั้นจะนอนไม่หลับอะไรแบบนั้นสินะ
เฮ้อ...เวรกรรมของไอ้คุณซันจริงๆ
“ผมสบายดีครับดรีม ผมแค่เบื่อไม่อยากนอนกับใคร แต่รับรองว่าความเป็นชายของผมยังแข็งแรงดีอยู่แน่นอน ถ้าไม่เชื่อคุณจะลองมานอนกับผมดูสักคืนมั้ยล่ะ ผมให้สองล้านเลยถ้าคุณกล้าพอ”
เขามองเธออย่างท้าทาย แต่หญิงสาวกลับส่งยิ้มบางๆ กลับมา
“ดรีมคงไม่กล้าเสนอตัวให้คุณซันหรอกค่ะ รู้ตัวดีว่าดรีมไม่ใช่ผู้หญิงในสเปคของคุณ อีกอย่างคุณก็คงไม่นิยมสาวบริสุทธิ์ จริงมั้ยคะ?” คำตอบของเธอทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างข้องใจ
“ไม่ใช่ว่าผมจะดูถูกคุณนะดรีม แต่คุณก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ ถ้าถอดแว่นคุณป้านี่ออกไปผมก็คิดว่าคุณคงเป็นคนสวยคนหนึ่ง มันจริงเหรอที่คุณยัง...ไม่เคย”
“ขอบคุณที่ชมว่าดรีมสวยค่ะ แต่คุณก็น่าจะเห็นว่าชีวิตดรีมถ้าไม่นับเรื่องงานก็มีแค่เรื่องของน้องชายเท่านั้น ดรีมไม่มีเวลาว่างไปหาแฟนหรอกค่ะ เพราะฉะนั้นเรื่องบนเตียง...ดรีมไม่มีประสบการณ์เลยจริงๆ”
“เอาเถอะ ผมแค่ถามดูน่ะ ไม่ได้คิดว่าคุณจะโกหกหรอก แต่ผมยังยืนยันคำเดิมนะ ถ้าคุณกล้าเมื่อไหร่ก็บอกผมได้เลย ผมยินดีสอนประสบการณ์เรื่องบนเตียงให้คุณเองพร้อมกับค่าเสียหายอีกสองล้านบาท และก็อย่าหาว่าผมเป็นเจ้านายบ้ากามนะดรีม แต่คนดีๆ แบบคุณน่ะไม่ควรมีครั้งแรกกับคนที่ไม่คู่ควร”
“ขอบคุณที่ให้เกียรติค่ะ แต่ดรีมขอทำหน้าที่เลขาฯ หน้าห้องต่อไปดีกว่า ไม่อยากให้คุณซันได้รับประสบการณ์เลวร้ายจากสาวบริสุทธิ์อย่างดรีม” เธอบอกยิ้มๆ
“คุณก็พูดไป สำหรับสาวคนอื่นผมอาจจะไม่แน่ใจนะ แต่สำหรับคุณผมว่าไม่น่ามีอะไรที่เลวร้ายหรอก”
เขามองเธออย่างเอ็นดู สิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบในตัวเธอก็คือเหมือนฝันไม่ใช่คนคิดมากและเข้าใจอะไรง่ายๆ เพราะหากเขาไปพูดเรื่องแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นก็คงจะโดนกล่าวหาว่าเขาเป็นพวกโรคจิตไปแล้ว แต่นอกจากเธอจะไม่โกรธยังพูดคุยอย่างชิลๆ เหมือนคุยเรื่องงานทั่วไปเท่านั้น
และที่สำคัญเธอเป็นคนที่รู้รสนิยมทางเพศของเขาเป็นอย่างดี ทั้งที่ไม่เคยขึ้นเตียงกับเขาเลยสักครั้ง แถมยังไม่เคยบ่นเวลาที่เขาต้องการความช่วยเหลือในบางครั้งอย่างการซื้อถุงยางอนามัยหรือที่เธอเรียกมันว่า ‘ของใช้พิเศษ’ มิหนำซ้ำยังคอยถามเขาเสมอว่าอยากให้เธอเตรียมของให้หรือไม่เหมือนในบทสนทนาเมื่อครู่นี้
“รู้มั้ยว่าทำไมผมถึงไม่อยากนอนกับสาวบริสุทธิ์”
“เพราะพวกเธอไม่มีประสบการณ์เท่านั้นรึเปล่าคะ”
“ไม่หรอก ประสบการณ์น่ะมันสอนกันได้ แต่ที่ผมไม่คิดจะนอนกับพวกเธอก็เพราะผมไม่อยากแบกรับความรู้สึกหลังจากที่นอนด้วยกันน่ะ พวกสาวบริสุทธิ์มักจะฝังใจกับครั้งแรกและคิดว่ามันคือความรัก ซึ่งนั่นจะทำให้มีปัญหาตามมาทีหลังอีกหลายอย่างเลยล่ะ”
“อ้าวแล้วทำไมคุณถึงกล้าบอกให้ดรีมลอง...”
“ผมมั่นใจว่าคุณจะไม่มองมันเป็นความรัก เพราะคุณไม่ได้รักผมและคุณก็รู้ว่าผมไม่มีวันรักใคร สำหรับผมแล้วการนอนกับผู้หญิงมันก็แค่การผ่อนคลาย เหมือนบางคนชอบไปเล่นกีฬาเป็นงานอดิเรก เพียงแต่ของผมถนัดกีฬาในร่มผ้ามากกว่าเท่านั้นเอง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องมีเซ็กส์ทุกวันหรอกนะ คนเรามันก็มีวันที่เบื่อและอยากพักร่างกายกันบ้างและช่วงนี้ผมก็กำลังอยู่ในอารมณ์แบบนั้น ไม่ได้แปลว่ากำลังป่วยอย่างที่คุณคิด”
“ดรีมขอโทษค่ะที่เข้าใจผิดไป ดรีมก็แค่เป็นห่วงคุณเท่านั้นเอง”
“ผมรู้ รู้ดีเลยล่ะ”
เขาหันมาบอกพลางส่งยิ้มบาง ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออกแล้วพวกเขาก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันอีกเลย