รอแค่เวลา

1462 คำ
เอวาริณในวัย 20 ปีกำลังช่วยมารดาเลือกซื้อของในซุเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่งเพราะวันนี้มารดาของเธอตั้งใจจะอาหารไทยเพื่อฉลองวันเกิดให้กับหญิงสาว “แม่คะกินข้าวเย็นแล้วเอวาขอไปฉลองกับเพื่อนได้ไหมคะ” “เพื่อนที่ว่ามีใครบ้างล่ะ” “ก็กลุ่มเดิมค่ะแม่มีแต่เพื่อนผู้หญิงทั้งนั้น” “ปีนี้หนูอายุ 20 แล้วมีหนุ่มๆ ในมหาลัยมาจีบบ้างไหม” “ลูกสาวแม่สวยขนาดนี้จะไม่มีได้ยังไงล่ะคะ” “แล้วมีคนไหนเข้าตาบ้างหรือยังล่ะ” “ก็ดูๆ อยู่ค่ะแม่” เธอตอบไปเรื่อยแต่จริงๆ ไม่เคยคิดจะมองใครเลย “อย่าลืมพามาแนะนำให้แม่รู้จักบ้างนะ” “แม่ไม่ว่าเหรอคะถ้าเอวาจะมีแฟน” “ลูกสาวแม่โตแล้วจะมีแฟนก็ไม่ผิดอะไร แต่แม่ขอแค่อย่าให้เสียการเรียนก็พอ” “เอวาไม่ให้เสียการเรียนหรอกค่ะแม่” เอวาริณให้สัญญากับมารดาแต่จริงๆ แล้วเธอไม่คิดจะคบกับใครเลยเพราะยังไม่สามารถลืมธีรกานต์ได้ แม้ว่าจะไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปีก็ตาม “สุขสันต์วันเกิดนะครับเอวา” หนุ่มอังกฤษหอบดอกไม้ช่อโตมาให้หญิงสาวเมื่อเธอเดินเข้ามาในผับที่นัดกับเพื่อนๆ ไว้ “ขอบคุณนะเลโอ” หญิงสาวรับช่อดอกไม้แล้วกล่าวขอบคุณด้วยภาษาอังกฤษชัดแจ๋ว งานฉลองไม่ได้มีอะไรพิเศษเพราะเจ้าของวันเกิดบอกทุกคนว่าเธอไม่อยากได้เค้กหรือของขวัญอะไรเลย ขอแค่เพื่อนๆ ออกมาดื่มมาสนุกด้วยกันเท่านั้นก็พอ “ขอให้มีความสุขมากๆ นะเอวา” ชัญญานุชเพื่อนคนไทยเพียงคนเดียวในกลุ่มกล่าวอวยพรพร้อมทั้งชนแก้วก่อนจะยกขึ้นดื่ม “ขอบใจจ้ะชัญญ่า” เพื่อนคนอื่นก็ผลัดกันอวยพรจนครบจากนั้นทุกคนก็ดื่มและเต้นกันอย่างสนุกสนาน “เอวาผมขอคุยด้วยหน่อยสิ” เลโอก้มมากระซิบแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม “ว่ามาสิรอฟังอยู่” หญิงสาวพูดไปด้วยเต้นไปด้วย “ในนี้มันดัง ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเอวาจริงๆ นะ ไปคุยข้างนอกได้ไหม” เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขาเอวาริณก็หยุดเต้นและวางแก้วลงบนโต๊ะจากนั้นก็เดินตามเขาออกมานั่งบริเวณหน้าผับ “เอาล่ะ เลโจะคุยอะไรก็รีบคุยเลยนะ” “วันนี้วันเกิดผม” “อ้าว! ตายจริงเราไม่รู้มาก่อนเลยไม่ได้เตรียมของขวัญให้ สุขสันต์วันเกิดนะ ส่วนของขวัญเดี๋ยวเราให้ย้อนหลังนะ ขอเวลาไปซื้อก่อน” หญิงสาวอวยพรและรู้สึกผิดที่ไม่มีของขวัญให้เขา เธอกับเลโอเพิ่งรู้จักกันไม่นานเขาเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกทีและไม่ได้เรียนคณะเดียวกับเธอ “ไม่ต้องไปซื้อหรอก” “น้อยใจเหรอที่เพื่อนคนอื่นจำวันเกิดไม่ได้” “เปล่า ผมไม่สนใจคนอื่นผมสนใจแค่คุณ ผมอยากขออะไรสักอย่างได้ไหม” “อะไร” “ผมอยากขอเอวาเป็นแฟน” เมื่อได้ฟังแล้วเอวาริณก็เงียบเพราะคำพูดของเลโอทำให้หญิงสาวนึกถึงตนเองในวัย 15 ปี ในวันนั้นเธอก็ขอใครคนหนึ่งเป็นแฟนและถูกปฏิเสธเพียงเพราะยังเด็ก ซึ่งต่างจากตอนนี้ที่เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วและกำลังถูกผู้ชายขอเป็นแฟน อันที่จริงเลโอก็เป็นผู้ชายที่สาวๆ ในมหาวิทยาลัยให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย เขาทั้งหล่อรวยและยังเป็นถึงนักกีฬาฟุตบอลของมหาวิทยาลัย แต่สำหรับเอวาริณแล้วเธอมองเขาเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น “เลโอ” เธอมองหน้าและเรียกชื่อเขาเบาๆ “ได้ไหมเอวา” ชายหนุ่มถามย้ำ “เราไม่ได้รังเกียจเลโอเลยนะ” “หมายความว่าตกลงใช่ไหม” “เราขอโทษ ตอนนี้เรายังไม่คิดเรื่องมีแฟนเลย เราอยากรีบเรียนให้จบก่อน” “ไม่เป็นไรผมรอได้ อีกสองปีเราก็จะเรียนจบถึงตอนนั้นผมหวังว่าเราจะได้เป็นแฟนกันนะ” “ไม่โกรธกันใช่ไหม” หญิงสาวถามเพราะกลัวว่าจะเสียเพื่อนนิสัยดีอย่างเขาไป “จะโกรธทำไม เอวายังไม่ได้ปฏิเสธสักหน่อย ระหว่างนี้เราก็เป็นเพื่อนกันไปก่อน แต่เอวาห้ามมีแฟนนะ” “อือ” หญิงสาวรับปากเพราะตนเองก็ยังไม่คิดจะมีใครในตอนนี้ เธอจะรอให้เรียนจบอย่างที่บอกกับเลโอและจะกลับไปทวงสัญญาที่ธีรกานต์เคยให้ไว้ แม้จะไม่ได้ติดต่อกับเขาโดยตรงแต่ก็ยังได้ยินเรื่องราวของชายหนุ่มผ่านทางพีรกันต์น้องชายของเขาที่ยังติดต่อกับเธออยู่ตลอด หลังจากคุยกันแล้วทั้งสองคนก็เดินกลับเข้าไปในผับอีกครั้ง จากนั้นเอวาริณกับเพื่อนก็ดืี่มกันจนถึงเวลาผับปิด เอวาริณไปนอนค้างที่อพาร์ตเม้นท์ของชัญญานุชส่วนคนอื่นก็แยกย้ายกันกลับ “คุยอะไรกับเลโอเหรอ เห็นหายไปนานเลย” ชัญญานุชถามหลังจากอาบน้ำและปิดไฟเตรียมจะนอนกันแล้ว “เขาขอเป็นแฟน” “ในที่สุดเขาก็กล้าขอสักทีนะ” “ชัญญ่ารู้มาก่อนเหรอ” “รู้สิ เราดีใจด้วยนะ เลโอน่ะขวัญใจสาวๆ เลย แต่เขาเหมาะสมกับเอวาที่สุด คนหนึ่งก็หล่อมากอีกคนก็สวยมาก” “แต่เรายังไม่ตอบตกลง” “อ้าว ทำไมล่ะหรือเอวามีคนอื่นแต่เราไม่เคยเห็นเอวาคุยกับผู้ชายคนไหนเลยนะ” เพราะสนิทกันมาหลายปีแต่ก็ยังไม่เคยเห็นเพื่อนสนิทกับผู้ชายคนไหนเท่ากับเลโอมาก่อน “ไม่รู้เรียกว่ามีคนอื่นได้ไหม” “อะไร ยังไงเล่าให้ฟังหน่อยสิ” “อยากฟังจริงๆ เหรอ” “ใช่สิ เราอยากรู้ว่าเพราะอะไรเอวาถึงปฏิเสธเลโอ” “ฟังแล้วห้ามหัวเราะกันนะ” เอวาริณบอกกับเพื่อนจากนั้นเธอก็เล่าเรื่องของตนเองในวัย 15 ปีให้กับชัญญานุชฟัง เรื่องที่เธอเก็บเอาไว้คนเดียวมาตลอดห้าปี “ถ้าเขาจำเรื่องนี้ไม่ได้ เอวาจะเสียเวลารอเขาเปล่าๆ นะ” “พี่กานต์ไม่ใช่คนขี้ลืมนะ เขาต้องจำได้สิ” หญิงสาวบอกเพื่อนไปทั้งที่คนเองก็ยังไม่แน่ใจเพราะไม่ได้คุยกับเขานานแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ติดต่อกันก็ในวันเกิดตอนที่เอวาริณอายุได้ 16 ปีและหลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยติดต่อมาเลย แต่หญิงสาวก็ส่งอีเมลไปอวยพรวันเกิดให้เขาทุกปี “ถ้าเขามีแฟนแล้วล่ะ” “ยังนะ เขายังไม่มีแฟน บางทีเขาอาจจะรอเราอยู่” “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี แต่เอวาไม่คิดเหรอว่าเขาอาจจะมีแฟนแล้วแต่คนที่บ้านไม่รู้ ผู้ชายอายุขนาดนั้นไม่น่าจะยังโสด” “แต่น้องชายเขาบอกแบบนั้น” “เขาอาจจะไม่รู้หรือรู้แต่ไม่บอกเอวาก็ได้นะ” ชัญญานุชไม่เชื่อว่าธีรกานต์จะยังโสด “แล้วเราจะรู้ความจริงได้ยังไง” “ก็ต้องไปเห็นกับตาไงล่ะ” “แต่เรากลับไปตอนนี้ไม่ได้” เพราะไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรมาบอกมารดาว่าจะกลับเมืองไทย “ก็รอเรียนจบสิ กลับพร้อมกันเลย” “เราก็คิดจะกลับตอนเรียนจบ” “จะกลับไปหาพี่เขาจริงๆ เหรอ” “ก็แค่กลับไปถามเขาอีกครั้ง” “กลัวคำตอบไหม” “ก็นิดหน่อย แต่ถ้าพี่กานต์เขาลืมเรื่องของเราไปแล้วหรือปฏิเสธเราก็จะได้เคลียร์ความรู้สึกของตัวเองด้วย” “ตอนนั้นเอวายังเด็ก บางที่ความรู้สึกที่มีให้เขามันอาจจะแค่ความชื่นชอบก็ได้นะ” พี่กานต์ก็พูดแบบนั้นเหมือนกันเราเลยคิดว่าจะลองไปเจอเขาอีกสักครั้งจะได้แน่ใจด้วยว่าความรู้สึกของเรามันเปลี่ยนไปไหม “เหลือเวลาอีกตั้งสองปี ระหว่างนี้ไม่คิดจะลองคบใครบ้างเหรอ” “ถ้าเราจะคบกับใครเราก็อยากเต็มที่กับเขานะ แต่ถ้ายังมีเรื่องพี่กานต์ติดอยู่ในใจแบบนี้มันก็คงไม่แฟร์กับคนที่คบด้วย” “มันก็จริงนะถ้างั้นเวลาที่เหลือเราตั้งใจเรียนกันดีกว่านะเรียนจบจะได้กลับเมืองไทยพร้อมๆ กัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม