บทที่ 2 สวมรอย

1416 คำ
ณ คฤหาสน์หรูในอิตาลี ยามค่ำคืน บรรยากาศยามค่ำในเขตชนบทของอิตาลีสงบงัน มีเพียงเสียงนกตีปีกไกล ๆ และลมพัดใบไม้ไหวเบา ๆ ใต้แสงไฟระเบียงสีส้มอ่อน มาร์คัส เบลเลโซ่ นั่งอยู่ที่ระเบียง คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย มือหนึ่งหมุนแก้วไวน์แดงช้า ๆ อีกข้างถือมือถือแนบหู สายเรียกเข้าจากเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ แต่เจ้าตัวรู้ดีว่าใครโทรมา “ว่าไง” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยนิ่งสนิท จนคนฟังแทบไม่แน่ใจว่าเขากำลังโกรธหรือไม่รู้สึกอะไรเลย เสียงจากปลายสายเร่งรีบบ่งบอกถึงความร้อนรน “คุณมาร์คัส… ผม..ผมคือเคน มือขวาของคุณเวย์เดนครับ…” มาร์คัสยังไม่พูดอะไร รอให้อีกฝ่ายอธิบายจนจบ เสียงปลายสายนั้นสั่นสะท้านจนเก็บไม่มิด “เจ้านาย… เขาถูกลอบยิงครับ อาการสาหัสมาก ตอนนี้ยังไม่รู้จะฟื้นไหม… เขา… เขาปกป้องผู้หญิงคนหนึ่งไว้…” มือของมาร์คัสที่จับแก้วไวน์ชะงักกลางอากาศ ดวงตาคมกริบหรี่ลงช้า ๆ น้ำเสียงยังเรียบเฉย แต่เริ่มเย็นชา “แล้ว?” ปลายสายอึกอักไปเล็กน้อย ก่อนพูดต่ออย่างรีบเร่ง “ศัตรูเริ่มเคลื่อนไหวครับ พวกมันจ้องจะฮุบคาสิโน กับโครงการอสังหาฯ ทั้งหมดของเจ้านาย… เราพยายามปิดข่าวไว้ แต่คงปิดได้ไม่นาน” “คุณหญิงย่ารู้เรื่องแล้ว… และคุณท่านอยากให้คุณกลับมา รับตำแหน่งแทนพี่ชายสักพัก จนกว่าเขาจะฟื้น…” มาร์คัสพิงหลังกับพนักเก้าอี้ สายตาจ้องนิ่งไปยังท้องฟ้ายามค่ำที่ว่างเปล่า ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความรู้สึกบางอย่าง “แล้วฉันจะได้อะไร?” เสียงปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยอย่างลังเล “คุณหญิงย่าบอกว่า… ถ้าคุณยอมกลับมา เธอจะจัดการให้คุณได้เจอกับคุณแม่…” เสียงเงียบกริบในทันที มือที่เคยหมุนแก้วไวน์หยุดนิ่ง เปลือกตาของมาร์คัสหลุบลงเล็กน้อย หัวใจที่สงบเย็นมาตลอดหลายปี เหมือนโดนบางอย่างกระตุกเบา ๆ “…แม่ยังมีชีวิตอยู่?” เขาถามเสียงแผ่วแต่หนักแน่น “ครับ… แต่เธออยู่ในที่ที่เข้าถึงยากมาก ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้พบ นอกจาก… คนที่ย่ารับรอง” มาร์คัสหัวเราะในลำคอเบา ๆ มุมปากยกขึ้นจาง ๆ อย่างเย้ยหยัน “ฮึ… เกมเก่า ๆ ของย่า แต่ก็ได้ผลทุกที” เขานั่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง วางแก้วไวน์ลงบนราวระเบียง แล้วทอดสายตามองดาวที่ส่องอยู่เบื้องบน “…อีกสามวัน เจอกัน” “ครับคุณมาร์คัส! ผมจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม!” ติ้ด! เสียงวางสายดังขึ้นเบา ๆ มาร์คัสยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที สายตาที่เคยว่างเปล่า…ตอนนี้มีบางอย่างซ่อนอยู่ข้างใน ความเจ็บลึก ความแค้น และคำตอบของอดีตที่เขาเฝ้าตามหามาทั้งชีวิต หลังจากวางสายชายหนุ่มก็มายังห้องทำงานส่วนตัว แสงไฟสีขาวนวลจากโคมตั้งโต๊ะส่องลงบนแฟ้มข้อมูลจำนวนมากที่ถูกเปิดกางอยู่บนโต๊ะไม้สัก มาร์คัสนั่งพิงพนักเก้าอี้หนังสีดำ มือหนึ่งถือซิการ์ที่แทบไม่ได้สูบ อีกมือถือมือถือแนบหู เสียงเรียกติดเพียงไม่นาน ก่อนจะมีเสียงตอบรับจากปลายสาย “คุณมาร์คัสครับ?” เสียงชายวัยกลางคนเรียบขรึมแต่เต็มไปด้วยความเคารพดังขึ้น ลูโค ลูกน้องคนสนิทที่ติดตามมาร์คัสมาตั้งแต่อายุยังน้อย “จองร้านสักให้ฉัน” เสียงมาร์คัสทุ้มนิ่ง แต่น้ำเสียงนั้นเด็ดขาดไม่มีช่องให้สงสัย “คืนนี้เลยเหรอครับ?” ลูโคถามด้วยความแปลกใจ “อืม…ที่อิตาลี…ร้านที่ดีที่สุด” ลูโคลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เข้าใจทันที “…จะให้สักลายเดียวกับคุณเวย์เดนใช่ไหมครับ?” มาร์คัสไม่ตอบในทันที เขาหันไปมองรูปภาพเก่า ๆ ของเขากับพี่ชายที่แขวนไว้ตรงผนัง รูปถ่ายตอนอายุ 5 ขวบ เขาสองคนเคยเหมือนกันแทบทุกอย่าง ยกเว้นเส้นทางชีวิต “ฉันต้องเป็นเขา…ทุกกระเบียดนิ้ว” เสียงทุ้มหยาบครางเบา ๆ แฝงความขมขื่นไว้จาง ๆ ปลายนิ้วแตะลงบนหน้าอกข้างซ้ายที่ยังว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยใด ๆ ทั้งสิ้น “บอกช่างให้ทำเหมือนต้นฉบับทุกจุด ไม่ผิดแม้แต่มิลเดียว” “ครับคุณมาร์คัส ผมจะเคลียร์คิวพิเศษให้ทันที” เสียงปลายสายเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะถามเบา ๆ “…แน่ใจนะครับ ว่าคุณจะไหว” คำถามนั้นทำให้มาร์คัสหลับตาลงช้า ๆ สูดลมหายใจลึก “ฉันไม่เคยไหว…แต่ฉันไม่มีสิทธิ์เลือก” เขาวางสายทันทีโดยไม่รอคำตอบ ณ ร้านสักชื่อดังกลางเมืองฟลอเรนซ์ เวลาตีหนึ่งครึ่ง เสียงเข็มสักเดินดังสนั่นปนเสียงหายใจหนัก ๆ มาร์คัสถอดเสื้อเปลือยท่อนบน นั่งนิ่งขณะที่ช่างเริ่มลงเข็มลายสัก ‘เงือกมีปีก’ แบบเดียวกับเวย์เดนบนหน้าอกซ้าย ดวงตาคมกริบจ้องตรงไปที่กระจกฝั่งตรงข้าม มองภาพสะท้อนของตัวเองที่กำลังแปดเปื้อนเลือดบาง ๆ และหมึกสีดำ “นายจะเป็นเขาได้จริง ๆ ไหมวะ มาร์คัส…” เขาพึมพำกับตัวเองในกระจก ก่อนจะหลุบตาลงอย่างหนักแน่น “…จนกว่าพี่จะฟื้น ฉันจะเป็นนายเอง” หลังจากที่สักเสร็จเรียบร้อยเป็นเวลาเกือบเช้า ชายหนุ่มแทบไม่ได้พักเลย ก็ตรงมายังคลินิกส่วนตัวกลางเมืองฟลอเรนซ์ เวลา 9 โมงตรง แสงแดดยามเช้าทาบทอลงบนโต๊ะไม้ในห้องจิตแพทย์ประจำตัวของมาร์คัส กลิ่นสะอาดของสมุนไพรอ่อน ๆ กับเสียงคลื่นสมาธิเบา ๆ ดังอยู่ในห้อง มาร์คัส เบลเลโซ่ นั่งอยู่ตรงโซฟาหนังสีเข้ม สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบแต่พับแขนถึงข้อศอก ใบหน้านิ่งสนิท ดวงตาคมดูลึกลับเหมือนซ่อนอะไรไว้เสมอ หมอโจวานนี ชายวัยกลางคนผมสีดอกเลา สวมแว่นบาง ๆ ท่าทางสุขุมแต่ใจดีนั่งตรงข้าม พลางเปิดแฟ้มประวัติคนไข้เก่าอายุกว่ายี่สิบปี “หายไปหลายเดือนเลยนะ มาร์คัส… เป็นยังไงบ้างช่วงที่ผ่านมา?” มาร์คัสยิ้มมุมปากจาง ๆ แต่ดวงตายังเย็นชา “อาการเบาลงมากแล้วครับหมอ… อย่างน้อยก็ไม่ฆ่าใครเวลาปวดหัว” หมอโจวานนีไม่ขำ แต่พยักหน้าเข้าใจ “ยังเจออาการเดิมอยู่ไหม? มึนหัว ปวดขมับ… แล้วเวลานั้นคุณยังควบคุมตัวเองได้ไหม?” มาร์คัสถอนหายใจเล็กน้อย “ถ้ามีคนอยู่ใกล้ ๆ… ผมไม่มั่นใจ” หมอพยักหน้าช้า ๆ แล้วจดบันทึกบางอย่างลงในแฟ้ม “อย่าลืมว่า…โรคของคุณ Dissociative Identity Disorder (โรคสองบุคลิก) มันไม่ได้หายขาด แค่สงบลงได้ ถ้ามีแรงกระตุ้น เช่น ความเครียดจัดหรือความทรงจำบางอย่างย้อนกลับมา… ตัวคุณอีกคนอาจโผล่ขึ้นมา” มาร์คัสนิ่ง หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย เหมือนต้องกลืนความจริงนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นคุณหมอก็วางซองยาลงบนโต๊ะ แล้วพูดต่อ “นี่เป็นยาระงับอาการปวดหัว ตั้งแต่ระดับเบาไปจนถึงรุนแรง อย่ากินเกินขนาด และอย่าใช้เวลาขับรถหรือมีอาวุธอยู่ใกล้มือ” มาร์คัสหยิบซองยา พลิกดูฉลากเงียบ ๆ “จะกลับไปนานแค่ไหน?” มาร์คัสเสียงเรียบ “ไม่รู้ครับ…จนกว่าทุกอย่างจะจบ” หมอพยักหน้าเข้าใจ “ถ้าอะไรเกิดขึ้น…อย่าลืมติดต่อผม อย่าเงียบหายเหมือนที่ผ่านมา” มาร์คัสสบตาหมอ “ผมเคยทำร้ายใครตอนกำเริบบ้างไหม?” หมอนิ่งไปครู่ ก่อนจะพูดช้า ๆ “เคย… แต่เป็นตอนยังเด็ก และคุณจำไม่ได้ แม่ของคุณถึงได้มาหาผมไง” มาร์คัสหลุบตาลง มือกำแน่นรอบขวดยา ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย หมอจึงพูดต่อ “อย่ากลัวสิ่งที่คุณเป็น มาร์คัส… แต่ระวังมันให้มากพอ” 15 นาทีผ่านไป มาร์คัสเดินออกมาท่ามกลางแสงแดดอุ่น ๆ หยุดยืนมองขวดยาในมืออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเก็บลงกระเป๋าเสื้อ สูดลมหายใจลึก “…ถ้าฉันกลายเป็นคนที่สองอีกครั้ง… ใครจะหยุดฉันได้ล่ะ” พูดจบ เขาก็ก้าวขึ้นรถสปอร์ตสีดำ ก่อนจะขับออกไปจากลานจอดอย่างรวดเร็ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม