หลังจากเคลียร์งานอย่างหนักมาสองวันทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย พรุ่งนี้ธามนิธิก็ต้องบินไปต่างประเทศคืนนี้เขาเลยคลายเครียดโดยการออกมานั่งดื่มที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งนัดเพื่อนสนิทสองคนคือภากรและณัฐวิทย์ให้มานั่งดื่มด้วยกัน
ชายหนุ่มมาถึงก่อนเวลานัดเล็กน้อยเขาเดินขึ้นไปยังบริเวณชั้นสองซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเขาและก่อนที่จะมาที่นี่เขาก็โทรจองที่นั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มนั่งจิบเครื่องดื่มรสโปรดในมือสายตาก็มองลงไปด้านล่างซึ่งในคืนวันศุกร์แบบนี้ผู้คนค่อนข้างคึกคัก
แต่ก่อนตอนที่เป็นวัยรุ่นเขาก็มักจะลงไปอยู่ข้างล่างออกสเต็ปไปตามจังหวะดนตรีแต่พออายุมากขึ้นก็เปลี่ยนเป็นผู้นั่งมอง
“มานานแล้วเหรอวะธาม” เสียงทักทายทำให้เขาละสายตาออกจากกลุ่มคนด้านล่างแล้วหันมาตามเสียง
“สักพักแล้วล่ะแล้วไอ้ณัฐล่ะ” ธามนิธิถามภากรที่เดินมาคนเดียวซึ่งปกติแล้วเขากับณัฐวิทย์เพื่อนสนิทอีกคนมักจะมาพร้อมกันอยู่เสมอ
“มันเข้าห้องน้ำอยู่น่ะ ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้จะไปยุโรปเหรอ ครั้งนี้จะไปนานไหม”
“ก็คงเกือบสามอาทิตย์นั่นแหละ มีงานยาวหลายประเทศเลยสนใจจะไปด้วยกันไหมล่ะ”
“ไม่ดีกว่าช่วงนี้งานที่บริษัทก็ยุ่งอยู่” ภากรเปิดบริษัทรับผลิตกล่องและบรรจุภัณฑ์ต่างๆ บอกกับเพื่อน
“ครั้งนี้จะไปคนเดียวหรือพาผู้หญิงไปด้วยล่ะ” ภากรถามธามนิธิอย่างรู้ทันเพราะปกติแล้วเวลาเพื่อนเดินทางไปต่างประเทศก็มักจะพาคู่นอนไปด้วยอยู่เสมอ
“ครั้งนี้ไปคนเดียว”
“อ้าวทำไมล่ะหรือน้องจีน่าเขาไม่ยอมไปด้วย”
“ฉันกับจีน่าจบกันแล้ว”
“ไวเหมือนเดิมเลยนะ ตอนแรกฉันก็นึกว่าคนนี้จะคบนานกว่าคนอื่น”
“ก็เหมือนที่ทุกคนรู้นั่นแหละกำหนดสามเดือนก็คือสามเดือนไม่มีเกินจากนั้นเด็ดขาด”
“นายนี่ก็แปลกนะจีน่าทั้งสวยทั้งหุ่นดีและเอาใจเก่งทำไมไม่ลองคบต่อล่ะ”
“ไม่ล่ะฉันเป็นคนเบื่อง่ายน่ะ อีกอย่างช่วงหลังมาจีน่าอยากจะเปิดตัวว่าเป็นแฟนมากเหลือเกินฉันไม่อยากให้มีปัญหาตามมาทีหลัง”
“แล้วคนใหม่ล่ะได้มาหรือยัง”
“คุณจี๊ดเขาจัดการให้แล้วแต่ยังไม่ได้ให้เริ่มงานหรอก”
“นี่แสดงว่าคุณธามนิธิสุดหล่อจะห่างหายจากผู้หญิงนานถึงสามอาทิตย์แล้วจะทนได้เหรอ”
“ไม่ได้ก็ต้องได้ครั้งนี้ไปติดต่องานจริงๆ คงไม่มีเวลาหรอก”
“ว่าแต่คุณใหม่ชื่ออะไรสวยไหม”
“ชื่อเกรซ”
“ชื่อน่ารักซะด้วยไหนขอดูรูปหน่อยมีไหม”
“มีสิ” ธามนิธิหยิบโทรศัพท์ของตนเองแล้วส่งให้เพื่อนดู
“โอ้โหสวยนะแต่หน้าเด็กมากแน่ใจนะธามว่าจะไม่หาเรื่องเข้าคุก”
“ไม่หรอกคุณจี๊ดตรวจสอบให้แล้วคนนี้อายุยี่สิบสาม”
“ยี่สิบสามแต่หน้าเด็กอย่างกับเด็กม.ปลาย”
“ดูอะไรกันอยู่ว่ะ” อีกเสียงหนึ่งดังมาทำให้ให้สองคนที่นั่งอยู่หันไปตามเสียง
“ก็ดูผู้หญิงคนใหม่ของไอ้ธามน่ะสิ” ภากรตอบคำถามแทนเจ้าของโทรศัพท์
“ไหนขอดูหน่อย” ณัฐวิทย์หยิบโทรศัพท์มาดูแล้วตาเป็นประกาย
“มึงว่าสวยไหมณัฐ”
“สวยสิ ครบสามเดือนแล้วจองต่อเลยนะ”
“คิดอะไรอยู่ไอ้ณัฐ”
“ก็มันจริงนี่คนนี้สวยมากๆ เลย”
“แต่นั่นผู้หญิงของเพื่อนนะ” ภากรเตือน
“ก็รู้ไงว่าเป็นผู้หญิงของเพื่อนก็ไม่ได้จะแย่งเพื่อนนี่แค่บอกว่าจบงานแล้วอาจจะดิวต่อแค่นั้น”
“ปกติฉันไม่เคยเห็นนายสนใจจะรับช่วงต่อผู้หญิงคนไหนของเพื่อนเลยนี่หว่า ไหนบอกว่าไม่อยากทับทางกันไง” ภากรถามเพราะปกติแล้วเพื่อนในกลุ่มจะไม่นอนกับผู้หญิงคนเดียวกันอย่างเด็ดขาด
“ก็แค่พูดเล่นน่ะ” ณัฐวิทย์รีบบอกเพราะกลัวเพื่อนเข้าใจผิด
“พูดเล่นแต่หน้านายจริงจังมากเลยนะ”
“ก็น้องเขาสวยดี น่าเสียดายนะถ้าฉันเจอผู้หญิงคนนี้ก่อนไอ้ธามฉันอาจจะเข้าไปจีบได้คบหาอย่างจริงจังก็ได้”
“ไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของณัฐวิทย์ผู้ชายที่แสนจะเจ้าชู้ได้” ถามนิธิมองหน้าเพื่อนแล้วหัวเราะก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“คนเจ้าชู้มันก็มีวันหยุดเจ้าชู้ถ้าหากเจอคนที่ใช่หรือพวกนายไม่คิดจะหยุดเจ้าชู้ล่ะ” ณัฐวิทย์ถามเพื่อนอีกสองคน
“ฉันคิดว่าการอยู่เป็นโสดแบบนี้มันดีกว่ามีคู่นะ แล้วนายล่ะคิดว่ายังไง” ภากรหันไปถามธามนิธิ
“มันก็ถูกอยู่เป็นโสดแบบพวกเราสบายใจดีจะตาย จะคบผู้หญิงคนไหนจะควงผู้หญิงคนไหนก็ไม่มีใครตามมาหึงหวง” ธามนิธิชอบชีวิตที่เป็นอิสระมาก
“ทำเป็นพูดดีไปนะธาม นายมีคู่หมั้นอยู่แล้วนะลืมไปหรือเปล่า”
ณัฐวิทย์พูดขึ้นมาทำให้ธามนิธินึกไปถึงคู่หมั้นของตัวเองที่ตอนนี้ไปเรียนปริญญาโทอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้สองปีแล้วและตอนนี้หญิงสาวก็เรียนจบแต่ยังไม่ยอมกลับมาที่เมืองไทยเพราะอยากจะทำงานหาประสบการณ์ที่นั่นก่อน
เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะการหมั้นหมายของเขากับเธอมันเป็นการจัดการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายซึ่งเขาก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรเพราะเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับของทุกอย่างแต่ถ้าถามถึงความผูกพันทางใจระหว่างเธอกับเขามันก็แทบไม่มีเลย
“คู่หมั้นนายไปเรียนนานเกินไปแล้วนะเมื่อไหร่จะกลับ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะกร”
“เป็นคู่เหมือนกันไม่ได้คุยกันเหรอ”
“ก็คุยกันนานๆ ครั้ง พวกนายก็รู้ว่าเรื่องนี้พ่อกับแม่เป็นคนจัดการ”
“แล้วถ้าเธอกลับมาล่ะนายจะเอายังไงต่จะแต่งงานกับเธอไหม” ณัฐวิทย์ถามด้วยความอยากรู้
“ก็คงต้องคุยกันก่อนถ้าผู้ใหญ่อยากให้แต่งก็แต่ง”
“เห้ย! ได้ยังไงล่ะธาม เสียเชิงชายหมดนะ คนไม่ได้รักไม่ได้ชอบจะแต่งงานกันได้ยังไง” ภากรไม่เห็นด้วยเลยกับการถูกบังคับให้แต่งงานแบบนี้
“สำหรับฉันเรื่องความรักมันไม่มีอยู่แล้วครับพ่อกับแม่อยากให้แต่งงานกับใครฉันก็แต่ง”
“ขอถามหน่อยเถอะถ้าแต่งงานแล้วยังจะจ้างผู้หญิงมานอนด้วยอยู่ไหม”
“มันก็ต้องดูก่อนนะวิทย์ว่าแต่งงานแล้วยุ้ยเขาจะทำหน้าที่ภรรยาได้ดีแค่ไหน”
“นี่ตกลงคบกันมาหลายปียังไม่เคยนอนด้วยกันเลยใช่ไหม ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเสือผู้หญิงอย่างนายจะปล่อยให้เธอไปอยู่ต่างประเทศโดยที่ตัวเองยังไม่ได้เป็นเจ้าของ” ภากรถามอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่เพราะปกติเวลาคบกับใครพวกเขาก็ไม่เคยปล่อยให้เวลาผ่านไปนานขนาดนี้
“ไม่ใช่เพราะฉันไม่อยากจะเป็นเจ้าของเธอหรอกนะ แต่มันไม่มีโอกาสที่เราสองคนได้อยู่กันตามลำพังเลย ทุกครั้งที่ไปไหนมาไหนด้วยกันก็จะมีคนคอยจับตาอยู่เสมอ ยุ้ยเขาเกิดมาในครอบครัวผู้ดี ฉันก็ไม่กล้าจะทำเรื่องแบบนั้นก่อนวันแต่งงานหรอก แค่ได้จับมือมากพอแล้ว”
“หาได้ที่ไหนวะผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวแบบนี้” ณัฐวิทย์คิดว่ายากที่จะเจอผู้หญิงรักนวลสงวนตัว
“ก็คู่หมั้นของฉันไงล่ะ” ธามนิธิบอกกับเพื่อนอย่างเซ็งๆ เขากับธมลวรรณหมั้นกันมานานหลายปีแล้วแต่ก็ไม่เคยมีอะไรเกินเลยกัน อย่างมากก็แค่จับมือและกอดกันครั้งเดียวตอนที่หญิงสาวจะเดินทางไปเรียนต่อแค่นั้น
“ธามฉันขอถามอะไรหน่อยนะ อย่าโกรธก็แล้วกัน”
“จะถามอะไรว่ะณัฐ”
“นายคิดว่าเธอไปเรียนต่างประเทศตั้งหลายปีเธอจะยังเหมือนเดิมไหม”
“ให้ตอบตามตรงเลยนะฉันว่ายากว่ะ ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนั้นแหละไม่มีคนคอยจับตามองเหมือนอยู่เมืองไทย”
“แล้วถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ จะเอายังไงต่อ ถ้ายุ้ยเธอกลับมาแล้วยังจะแต่งงานกับเธอไหม”
“ฉันไม่เคยรังเกียจหรอกนะกรว่าผู้หญิงที่แต่งงานด้วยจะต้องเป็นสาวบริสุทธิ์ ฉันขอแค่ตอนที่เราแต่งงานกันเธอมีฉันแค่คนเดียวแค่นั้นแหละ”
“เฮ้ย...เห็นมันเป็นเสือผู้หญิงแบบนี้มันก็ใจกว้างว่ะ” ณัฐวิทย์ชมแล้วหัวเราะ
“แล้วถ้าเป็นนายล่ะณัฐถ้ารู้ว่าผู้หญิงที่จะต้องแต่งงานด้วยเคยเป็นแฟนคนอื่น เคยนอนกับคนอื่นจะทำยังไง”
“ฉันก็ไม่สนใจหรอก ขอแค่เขาคบกับเราไม่มีเราคนเดียวซื่อสัตย์ตอนที่คบกันก็น่าจะพอแล้ว แล้วนายล่ะกร” ณัฐวิทย์หันมาทำภากรบ้าง
“ไม่รู้สิเพราะฉันไม่เคยคิดจะแต่งงานอยู่แล้ว” ภากรตอบแล้วกระดกเหล้าเข้าปากเพราะชายหนุ่มไม่เคยคิดจะสร้างครอบครัวหรือมีผู้หญิงเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว เขาสนุกกับการใช้ชีวิตโสดและมีอิสระแบบนี้
ธามนิธินั่งดื่มกับเพื่อนจนตีหนึ่งก็ขอตัวกลับเพราะพรุ่งนี้เขาต้องเดินทางตั้งแต่เช้า