ตอนที่ 2 สะใภ้คนโปรด
“คุณแม่ทำอะไรครับ” ภารัญเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งที่ตัวยังเปียกดึงโทรศัพท์มือถือไปจากมือแม่
“ทำอะไร ก็จะเอาโทรศัพท์มาให้ แม่ลิตาเขาโทรมา แล้วนี่เข้าไปทำอะไรกัน ทำไมถึงได้เปียกไปหมดอย่างนั้น”
“คุณภารัญแกล้งหนูค่ะ เขาเอาน้ำมาฉีดใส่หนู คุณป้าดูสิคะเปียกหมดเลย” หน้ากลมชะโงกพ้นแผ่นหลังอันกว้างใหญ่ออกมาฟ้องทันที
“น้อย ๆ หน่อย ฉันไปแกล้งอะไรเธอ บ้าชะมัดเลย” ภารัญยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรกลับไปหาแฟนสาว หน้างอเดินออกไปจากห้องทิ้งให้หญิงสาวต่างวัยทั้งสองอยู่กันตามลำพัง
“คุณป้าคะ หนูว่าคุณป้าลองทบทวนเรื่องการแต่งงานของหนูกับคุณภารัญใหม่อีกสักรอบ สองรอบดีไหมคะ สภาพแบบนี้แต่งกันไปมีหวังตีกันตายค่ะ” มนตกานต์ก้มลงมองสภาพเนื้อตัวอันเปียกโชกเพราะถูกคนขี้โมโหฉีดน้ำใส่เนื่องจากเธอออกปากไล่เขาเมื่อครู่
“ไม่ตายหรอกลูก โบราณเขาว่าไว้ ผัวเมียทะเลาะกันบ่อย ๆ ลูกจะดก”
“หื้อออ”
ภารัญใช้เวลามากเกือบหนึ่งชั่วโมงในการโทรไปอธิบายเล่าเรื่องราวทั้งหลายให้กับลิตาฟัง กว่าอีกฝ่ายจะหายโกรธ โดยเขาสัญญาว่าจะไถ่โทษด้วยการซื้อกระเป๋า
แบรนด์เนมรุ่นใหม่ที่กำลังจะออกมาให้
“ภารัญพรุ่งนี้ว่างใช่หรือเปล่า” คุณหญิงเพียงเพ็ญเอ่ยถามขึ้นกลางโต๊ะทานอาหารมื้อค่ำ
“คุณแม่มีอะไรครับ”
“แม่จะให้พาหนูกานต์ไปลองชุดแต่งงาน แล้วก็แม่นัดช่างภาพกับทางสตูดิโอถ่ายพรีเวดดิงเอาไว้ให้ ไปถ่ายซะให้เรียบร้อยทางสตูดิโอเขาจะได้ทำวิดีโอเอาไว้เปิดในงาน กับพวกทีมออร์แกไนซ์ จัดดอกไม้เขาอยากได้ภาพตัวอย่างจะได้วางแผนจัดซุ้ม จัดอะไรให้มันเข้าธีมกัน”
“คุณแม่ ผมขอร้องนะครับ คุณแม่บังคับเรื่องอื่นกับผมเถอะ แต่อย่าทำแบบนี้เลย ผมไม่อยากแต่งงาน”
“หนูกานต์คืนนี้นอนเร็ว ๆ นะลูกพรุ่งนี้จะได้หน้าตาสดใส”
“เออ...” นิ้วชี้กลับไปยังลูกชายเพียงคนเดียวที่ยังนั่งหน้ายับพับหน้าผากค้านอยู่ฝั่งตรงข้าม
“คุณแม่ครับ”
“แม่รู้ว่าแกไม่อยากแต่งงาน แต่เชื่อแม่เถอะนะตารัญว่าเมื่อแกแต่งงานกันหนูกานต์ไปแล้ว แกจะไม่อยากหย่าทีเดียว”
“ภารัญคะ ลิตาเอารถมาคืนค่ะ” ลิตาเดินอ้อมโต๊ะทำงานเข้ามาสวมกอดคล้องรอบต้นคอของแฟนหนุ่ม จากนั้นฝังจมูกฝากรอยลิปสติกจาก ๆ ลงไปยังข้างแก้ม
“ขอโทษเรื่องเมื่อคืนด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ว่าเที่ยงนี้คุณต้องพาลิตาไปทานข้าวเป็นการชดเชยความผิดนะคะ”
“ได้สิ แต่ช่วงบ่ายผมต้องรีบกลับนะ”
“ทำไม มีงานด่วนอย่างนั้นหรือคะ” เสียงหวานเริ่มสะบัดสูงช่วงท้ายประโยค บ่งบอกว่าอารมณ์ของลิตากำลังขุ่นมัว
“คือ...ผมต้องไป เอ่อ ถ่ายรูป”
“ถ่ายรูป คุณคงไม่ได้หมายถึงพรีเวดดิงใช่มั้ยคะ แม่คุณนี่ก็แปลกนะคะ รู้ว่าคุณมีแฟนอยู่แล้วก็ยังบังคับให้ไปแต่งงาน ส่วนยัยเด็กนั่นก็คงอยากเป็นหนูตกถังข้าวสาร คิดจะจับผู้ชายรวย ถึงได้ไม่ยอมปฏิเสธ คุณเองถ้าไม่เห็นด้วยก็ควรหัวแข็งเข้าไว้ นี่มันหมดสมัยที่พ่อแม่จะมาบังคับลูก ๆ อย่างเราแล้วนะคะภารัญ ยังไงลิตาก็ไม่ยอมหรอกนะ ลิตาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เราสองคนคบหากันมาอย่างเปิดเผย ใครต่อใครเขาจะคิดยังไง ถ้าคุณมาทิ้งลิตาไปแต่งงานแบบนี้”
“น้องครับไม่ทราบว่า เจ้าบ่าวมาหรือยังครับ” ช่างภาพมืออาชีพเดินมาสอบถามว่าที่เจ้าสาวสวมชุดแต่งงานสวยหรู กำลังนั่งเท้าคางมองหน้าจอโทรศัพท์
“ฉันไม่ว่าง คงไปถ่ายรูปกับเธอไม่ได้”
ข้อความจากว่าที่เจ้าบ่าวส่งมาหาอย่างสั้น ๆ ไร้คำอธิบาย หากแต่อยู่ ๆ กลับมีข้อความจากใครบางคนที่มนตกานต์ไม่รู้จักส่งรูปมาให้ เมื่อกดเข้าไปจึงเห็นว่าเป็นภาพคู่หมั้นหนุ่ม โอบแขนกอดแฟนตัวเองเอาไว้แน่น
“เขาไม่มีวันแต่งงานกับเธอหรอก เพราะใจเขามีแค่ฉัน”
“หูยยย ฉากแบบนี้เหมือนในซีรีส์ เป๊ะเลย!” สาวน้อยดีดนิ้วเสียงดังเป๊าะ ก่อนจะยิ้มให้หน้าจอโทรศัพท์ นึกไปถึง
ซีรีส์จีนเรื่องโปรด
“น้องครับ..”
“เขาไม่มาแล้วค่ะ พี่ถ่ายหนูคนเดียวก็ได้” ยิ้มสดใสสว่างวาบมาจากใบหน้าหวาน
“หา ถ่าย....คนเดียวอย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะ ไปค่ะ...พี่ถ่ายสวย ๆ นะหนูจะส่งรูปไปอวดแม่”
สาวน้อยนัยน์ตากลมวิ่งไปกระโดดโพสต์ท่าน่ารัก ให้กับช่างภาพและทีมงาน ไม่มีสีหน้าอาการหม่นหมอง น้อยอก น้อยใจแม้แต่นิดเดียว มันเรื่องอะไรที่เธอจะต้องมานั่งเสียสุขภาพจิตให้กับคนที่เขาไม่คิดจะยอมรับเธอด้วย
ตั้งแต่ก่อนออกเดินทางมาจากบ้านนอก มนตกานต์เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าเธอจะต้องมาเจอกับอะไร ในเมื่อปฏิเสธการแต่งงานไม่ได้ ก็แค่พยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด ส่วนบทสรุปตอนสุดท้ายจะเป็นอย่างไร มนตกานต์เชื่อเหลือเกินว่าคุณหญิงเพียงเพ็ญและแม่ จะเป็นคนตัดสินเอง เมื่อนั้นเธอจะไม่รู้สึกผิดทั้งต่อตัวเองและคนที่เธอรักทั้งสอง ส่วนนายภารัญเขาจะคิดอย่างไรนั้นเธอไม่แคร์สักนิด
“เป็นยังไงลูก หนูกานต์วันนี้ถ่ายภาพเป็นยังไงบ้าง” เพียงเพ็ญเดินเข้ามากอดเอวสาวน้อยนัยน์ตาโต
“สนุกมากเลยค่ะ คุณป้าน่าจะไปด้วย”
“เอาไว้ครั้งหน้าหลังจากแต่งงานแล้ว เดี๋ยวป้านัดสตูดิโอถ่ายภาพครอบครัวดีหรือเปล่า”
“ดีค่ะ หนูยังอยากใส่ชุดสวย ๆ อีกตั้งหลายชุด”
มนตกานต์เพ้อไปถึงชุดแต่งงาน และชุดราตรีสวย ๆ มากมายที่ทีมงานนำมาให้เลือกใส่
“แล้วนี่พี่เขาไปไหนแล้วล่ะ ทำไมไม่กลับมาด้วยกัน”
“ไม่ทราบสิคะ เมื่อตอนบ่ายคุณภารัญบอกว่างานยุ่ง หนูก็ไม่ได้เซ้าซี้ถาม”
“เมื่อตอนบ่ายอย่างนั้นเหรอ หมายความว่ายังไง”
“เมื่อตอนบ่าย คุณภารัญส่งข้อความมาหาหนู บอกว่างานยุ่ง ให้หนูถ่ายรูปคนเดียวค่ะ”
“ถ่ายคนเดียว!!!”
“คุณป้าอย่าเพิ่งโมโหค่ะ อันที่จริงคุณภารัญเขาทำแบบนี้คงเพราะไม่อยากแต่งงานจริง ๆ ไหนจะแฟนเขาอีก หนูว่าคุณป้าลองเปลี่ยนเจ้าสาวสิคะ รับรองว่าคุณภารัญคงยิ้มแก้มฉีกแน่ ๆ”
“ลูกสะใภ้ของป้า มีแค่หนูคนเดียวเท่านั้น เอาละในเมื่อวันนี้ไม่ได้ถ่ายรูปกับตารัญก็ไม่เป็นไร อย่างนั้นมาถ่ายกับป้า” มือนุ่มคล้องเอวบางให้ขยับ ทำลายช่องว่างระยะห่างทั้งหมดให้หายไป
“เครื่องเพชรชุดใหญ่ ของขวัญพิเศษสำหรับ
หนูมนตกานต์ ลูกสะใภ้คนโปรด”
แคปชันพร้อมภาพถ่ายใบหน้าคู่ของคุณหญิงเพียงเพ็ญเด่นหรา สะดุดตาจนทำเอาคนที่เห็นโพสต์ตาลุกเป็นไฟด้วยเครื่องเพชรชุดใหญ่มูลค่าเกือบห้าสิบล้าน แถมยังแท็กลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ให้รับรู้โดยทั่วกันชนิดที่ไม่ต้องเสียเวลาป่าวประกาศอะไรให้มากความ
“บ้าที่สุด!!” ลิตามองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความเคียดแค้น เห็นอย่างนี้แล้วนั่นหมายความว่า ว่าที่แม่ผัวของเธอคงต้องการประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเวลานี้ตำแหน่งสะใภ้ได้ถูกล็อกเอาไว้แล้วจริง ๆ
ปัง ปัง ปัง เสียงเคาะประตูดังราวกับด้านนอกนั้นมีไฟกำลังลุกลามไล่มาไหม้ห้องของเธอ มนตกานต์ดีดตัวลุกขึ้นมาจากเตียงนอน เปิดประตูมาดูให้รู้แน่ว่าใครกันที่มารบกวนเวลาดูซีรีส์เรื่องโปรด
“คุณภารัญ”
“เธอไปพูดอะไรกับแม่ฉัน”
“พูด...พูดอะไรคะ”
“มนตกานต์ ไม่ว่ายังไง ฉันก็แต่งงานกับเธอไม่ได้ ฉันมีคนที่ฉันรักอยู่แล้ว” หน้าเข้มแสดงออกชัดเจนถึงอารมณ์กรุ่นโกรธ ตาถลน เส้นเลือดโปนปูดจนขึ้นขมับ
“นี่คุณโกรธหนูเหรอ คุณจะมาโกรธหนูได้ยังไงคะ คุณก็รู้นี่ว่าหนูก็ไม่อยากแต่งงานกับคุณเหมือนกัน” ปากบางเบะคว่ำแสดงอาการชัดเจนไม่ต่างกัน
“ในเมื่อไม่อยากแต่ง อย่างนั้นอย่าตามใจคุณแม่สิ ปฏิเสธทำทุกอย่างเพื่อล้มงานแต่งงานของเรา”
“คุณจะมาบังคับหนูได้ยังไง แล้วทีคุณล่ะเป็นลูกแท้ ๆ ยังไม่กล้าปฏิเสธทำร้ายจิตใจท่านเลย คุณจะมาให้หนูทำตัวเป็นคนทรพี ต่อผู้มีพระคุณได้ยังไงคะ”
“นี่เธอด่าฉันว่าลูกทรพี อีกแล้วหรือ”
“หนูไม่ได้ด่า หนูถามเฉย ๆ ว่าทำไมคุณไม่ทำ”
“ฉันมีคนรักอยู่แล้ว ลิตาเป็นผู้หญิงที่ฉันรัก เพียงคนเดียวเท่านั้น”
“แปลกจังเลยนะคะ คุณป้าดูเป็นคนฉลาดมาก อีกทั้งมีเมตตา ในเมื่อคุณมีคนรักอยู่แล้ว ทำไมยังมาบังคับให้แต่งกับหนูอีก หรือว่าแฟนของคุณเป็นคนไม่ดีคะ”
“หยุดพูดเลยนะ ลิตาเป็นคนดี ไม่อย่างนั้นฉันจะรักเขาหรือ”
“อ้าว คุณไม่เคยได้ยินหรือคะ ความรักทำให้คนตาบอด”
“นี่!!”
“หนูไม่อยากเถียงกับคุณแล้ว หนูมาที่นี่ ก็เพื่อตอบแทนบุญคุณของคุณป้ากับแม่ที่มีต่อหนู ส่วนคุณในฐานะลูก ก็ควรจะตอบแทนบุญคุณท่านสักนิดหนึ่ง ก็ยังดี”
“แต่ฉันไม่อยากแต่งงานกับเธอ”
“โอ๊ยยยย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูก็ไม่อยากแต่งกับคุณเหมือนกัน ผู้ชายดี ๆ กว่าคน มีตั้งเยอะตั้งแยะ”
“เธอว่ายังไงนะ มีคนที่ดีกว่าฉัน เยอะแยะอย่างนั้นหรือ”
“ค่ะ ทำไมคะ คุณคิดว่าคุณ ดีกว่าคนอื่นมากนักหรือ”
“ฉันคือนายภารัญ อัครเดชเดชา คนที่ผู้หญิงครึ่งค่อนประเทศ อยากได้เป็นสามี”
“เชอะ สงสัยหนูจะไม่ได้อยู่ครึ่งนั้นหรอกค่ะ เพราะสำหรับหนู คุณก็แค่ผู้ชายห่วย ๆ คนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นเลย อย่างมากก็แค่เกิดมารวยกับหน้าตาดีนิดหน่อย แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อคุณเป็นได้แค่ผู้ชายเฮงซวย ลูกทรพี ที่คิดอกตัญญู เห็นผู้หญิงอื่นดีกว่าแม่ที่คลอดตัวเองออกมาแท้ ๆ รู้ว่าแม่ป่วยนอนอยู่ในโรงพยาบาลคุณยังไม่มีแก่ใจมาดูแล ห่วงแต่ผู้หญิง ผู้ชายแบบนี้หนูไม่เอามาทำพันธุ์หรอกค่ะ มีผัวอย่างคุณ สู้หนูเก็บจิ๋มไว้นั่งฉี่ดีกว่า”
“นี่เธอ!!!”