“คุณปอยไม่สบายหรือเปล่าคะ”
“ค่ะ ปอยปวดหัวนิดหน่อย” เธอยกมือขึ้นบีบคลึงบริเวณขมับ จำต้องโป้ปดเพราะรู้ว่าคงหลบหลีกสายตาคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนไม่ได้
“ถึงว่าสิคะตาแดงเชียว งั้นคุณปอยไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยววันนี้ป้าจะจัดการทำความสะอาดให้เอง... ไม่ต้องห่วงค่ะ” ฉลวยมองไปบนโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยจานกับข้าวจำนวนมากไม่พร่องไปสักนิด เกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของนางกันแน่
“เอ่อ... ป้าฉลวย ได้เจอพี่วีร์ไหมคะ” คนถามเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น เธอไม่กล้าสู้สายตาคนที่ถาม
“ป้าสวนทางกับคุณวีร์ที่ประตูรั้วพอดีค่ะ”
เธอพยักหน้ารับรู้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทิ้งเธอให้อยู่ที่บ้านเพียงลำพังเมื่อคืน หญิงสาวยิ้มเศร้าให้กับคนทำความสะอาด ก่อนจะหมุนตัวกลับไปที่ชั้นบน ทิ้งตัวลงนอนบนฟูกนุ่มก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอีกครึ่งวัน ก่อนจะยอมลุกขึ้นมากินอะไรลงท้อง เพราะนึกขึ้นได้ว่าหากเธอไม่ยอมกินอะไรเลย ลูกในท้องก็คงจะหิว เธอจะไม่มีวันทำร้ายคนที่เธอรักเด็ดขาด
ตกค่ำเมื่อต้องอยู่เพียงลำพังหลังจากที่ฉลวยกลับไปแล้ว ปุณณดาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอไล่หารายชื่อเพื่อนที่สนิท แต่ก็เป็นอันต้องพับโครงการที่จะโทรไประบายความอัดอั้น
‘ความในไม่ให้ออกความนอกไม่ให้เข้า’
เธอจำคำสอนของวดีได้ดี หญิงสาวนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงท่ามกลางความมืดภายในห้อง อาศัยแสงสลัวจากหน้าระเบียงที่ฉลวยคงเปิดไว้ก่อนจะกลับไป
เสียงรถของสามีขับเข้ามาจอดในบ้าน ร่างบางถึงกับล้มตัวลงนอนดึงผ้าห่มขึ้นปิดถึงลำคอ เสียงฝีเท้าที่ดังเข้ามาใกล้ราวกับเสียงของมัจจุราชที่ตามคร่าชีวิต ปุณณดาหลับตาปี๋ยามที่ประตูถูกเปิดออกกว้าง แสงไฟหน้าประตูถูกเปิดขึ้น แต่ตำแหน่งอื่นยังคงปิดไว้เหมือนเดิม สักพักเธอได้ยินเสียงเรนชาวเวอร์กำลังทำงานดังมาจากห้องน้ำ นรวีร์คงกำลังอาบน้ำอยู่ หญิงสาวค่อย ๆวาดเท้าลงจากเตียงเดินไปที่ห้องแต่งตัว เธอหยิบเสื้อผ้าของเขาขึ้นมาดมกลิ่นแปลกปลอม แล้วน้ำตาก็ต้องไหลพรากเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมหวานขึ้นจมูก นี่ไม่ใช่กลิ่นของสามี เธอจำกลิ่นของเขาได้ เพราะเธอเป็นคนจัดหาทุกอย่างให้เขาเอง สัญชาตญาณยืนยันว่านี่เป็นน้ำหอมของผู้หญิง หัวใจบีบรัดแรงจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก หญิงสาวรีบวางเสื้อตัวเดิมลงในตะกร้า เมื่อได้ยินเสียงสายน้ำเงียบลง เธอจึงเดินกลับมาที่เตียงด้วยฝีเท้าที่เงียบกริบ ทำตัวนิ่งราวกับหลับไปแล้ว ไม่นานนักร่างสูงใหญ่ก็มาล้มตัวลงนอนอีกฟากของฟูก เธอรอจนเขาหลับสนิทจากเสียงหายใจที่ดังอย่างสม่ำเสมอ ปุณณดาพลิกตัวกลับมาหาคนเป็นสามี เธอกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ค่อย ๆ สอดมือเข้าไปในโอบกอดเอวหนาเอาไว้ ซบใบหน้าลงกับแผ่นหลังแข็งแกร่งแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา นรวีร์ลืมตาขึ้นในความมืด เขาอยากจะพลิกตัวกลับมาแล้วโอบกอดร่างบางเอาไว้ในอ้อมกอด อยากเช็ดน้ำตาให้หญิงสาว อยากปลอบประโลมเธอ แต่เขาก็ทำได้แค่คิด เพราะร่างกายไม่ได้ขยับเขยื้อน หัวใจของเขาไม่เหมือนเดิม แม้วันนี้ปุณณดายังยังคงอยู่ในใจดวงนั้น แต่เขาก็มีใครอีกอยู่ในนั้นเพิ่มอีกคน
สี่วันแล้วที่ปุณณดากับนรวีร์ใช้ชีวิตเหมือนคนแปลกหน้า ทั้งคู่ต่างหลบหน้าหลบตาอีกฝ่ายกลัวการเผชิญหน้ากัน ทั้งที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน ปุณณดารีบเข้านอนแสร้งทำเป็นหลับไปทุกคืน ในขณะที่เขาก็กลับบ้านดึกขึ้นและรีบออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ เขาไม่อาจรู้ได้ว่าตัวภรรยากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เท่าที่คุยโทรศัพท์กับปัฐน์... เพื่อนสนิทที่พ่วงตำแหน่งพี่ชายของภรรยา ทางนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้เรื่องราว ไม่อย่างนั้นคงบุกมาเอาเรื่องที่บริษัทเป็นแน่ ปัฐน์รักน้องสาวมาก เพื่อน ๆ ที่สนิทต่างรู้ดี แสดงว่าปุณณดาอาจจะยังไม่ได้เล่า อย่างไรเสียเรื่องของเขากับปุณณดาก็คงดำเนินไปต่อไม่ได้ ความรู้สึกที่เคยมีมันหลงเหลือแค่ความสงสารและเห็นใจเท่านั้น เขาก็ไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวด้วยการรั้งเธอเอาไว้ บางทีการปล่อยให้อีกฝ่ายไปมีชีวิตใหม่ก็เป็นทางออกที่ดีของคนทั้งสองคนเมื่อมันหมดรักกันแล้ว
“ปอย... พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับปอย”
นรวีร์รอหญิงสาวที่โต๊ะอาหารในตอนเช้า ซึ่งปุณณดาคิดว่าเขาคงไปทำงานเฉกเช่นทุกเช้า แต่วันนี้เธอคิดผิด ร่างบางชะงักกึกเมื่อคนที่นึกกลัวยืนอยู่ด้านหลัง
“แต่ปอยไม่มีอะไรจะคุยค่ะ ปอยขอตัวก่อนนะคะ ปอยจะรีบไปตากผ้า”
“พี่ให้ป้าฉลวยจัดการแล้ว”
“ปอยจะไปดูแปลงผัก”
เธอยังหาเรื่องที่จะหลบหลีกจากสามีให้ได้ แต่นรวีร์คงไม่ยอมแล้วจริง ๆ เขาเดินมาดักหน้าหญิงสาวเอาไว้ ก่อนที่เธอจะก้าวผ่านห้องนี้ออกไปได้
“พี่คิดว่า เราไม่ควรจะหนีความจริง”
“หนีความจริงเหรอคะ” หญิงสาวทวนคำ ก่อนจะจ้องหน้าคนเป็นสามีมองเขาให้เต็มตาอีกครั้ง
“พี่ขอโทษ... ที่พี่ไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับปอยว่าจะ...จะดูแลปอยไปตลอดชีวิตได้ แต่พี่สัญญาว่าพี่จะเลี้ยงดูปอยไม่ให้ปอยลำบาก แต่สถานะของเราอาจจะไม่เหมือนเดิม”