ตอนที่ 2
ทำไมหายากจัง
เสียงนาฬิกาปลุกดังในเวลา 05.30 น. คีรินทร์นายแพทย์หนุ่มวัย 29 ปีกำลังงัวเงียลุกขึ้นจากที่นอนด้วยสภาพอิดโรยเพราะเมื่อคืนกว่าเขาจะเข้านอนก็เกือบจะตีสองเนื่องจากมีเคสของผู้ป่วยที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม
เขากำลังเรียนอายุรแพทย์ได้เกือบสามปีและตอนนี้ก็ขอทุนไปไปเรียนต่อเฉพาะทางเกี่ยวกับโรคมะเร็งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้แล้ว
คุณหมอหนุ่มอาบน้ำสระผมเรียกความสดชื่นก่อนจะเดินมาจากห้องนอนบ้านของเขาเป็นบ้านเดียวชั้นเดียวหลังเล็กอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลมากไม่นัก
เมื่อออกมาจากห้องก็รู้สึกว่างเปล่าซึ่งตามปกติแล้วป้าแจ่มแม่บ้านจะต้องเตรียมอาหารเช้าไว้รอแต่ตอนนี้ป้าแจ่มขอลาออกเพื่อกลับไปดูแลหลานที่ต่างจังหวัด
คีรินทร์กำลังหาคนมาทำงานแทนป้าแจ่มแต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะหาใครสักคนที่ไว้ใจได้มาช่วยดูบ้านหลังเล็กๆ และแมวของเขา
ถ้าเป็นคนอื่นการทำความสะอาดบ้านซักผ้ารีดผ้าคงเป็นเรื่องง่ายๆ แต่สำหรับคนที่แทบไม่มีเวลามันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากตอนนี้เขาเลยอาศัยป้าศรีจันทร์ที่อยู่ข้างบ้านให้มาช่วยทำความสะอาดสัปดาห์ละสองวันระหว่างที่ยังหาแม่บ้านประจำไม่ได้
“ทำไมแม่บ้านเดี๋ยวนี้หายากจังนะ” เขาบ่นก่อนจะหยิบอาหารแช่แข็งในตู้เข้าไมโครเวฟและหยิบกาแฟกระป๋องในตู้เย็นมาดื่ม ระหว่างรอชายหนุ่มนั่งอ่านตำราทางการแพทย์ฆ่าเวลา
พอเสียงเตือนจากไมโครเวฟดังก็เอาอาหารออกมาทานเขามักจะบอกคนไข้อยู่เสมอว่าการทานอาหารสำเร็จรูปไม่ดีต่อสุขภาพแต่สำหรับตนเองแล้วมันก็เลี่ยงไม่ได้เลย เพราะไม่อยากจะไปแย่งกับคนอื่นทานอาหารที่โรงอาหารในเวลาเช้า แต่ครั้นจะทำกับข้าวเองก็ไม่มีเวลามากพอ การไม่มีแม่บ้านอยู่ด้วยแบบนี้คีรินทร์จึงไม่ชอบเลย
เมื่อทานอาหารเสร็จก็เดินมายังมุมหนึ่งของบ้านที่ตอนนี้แมวส้มตัวอ้วนกลมกำลังนอนเล่นอยู่
“ฉันไปทำงานก่อนนะนุ่มนิ่มอย่าซนมากล่ะ แล้วก็อย่ากินเยอะด้วยนะเย็นนี้ฉันจะรีบกลับมาเล่นด้วย” คีรินทร์พูดกับแมวตัวอ้วนที่เก็บมาเลี้ยงเมื่อสองเดือนก่อน
คุณหมอหนุ่มขับรถออกจากบ้านในเวลาเจ็ดโมงจากนั้นก็ใช้เวลาอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดทั้งวัน
“จัดการเรื่องไปเรียนต่อไปถึงไหนแล้วคีย์” ปริณดาหรือหมอน้ำคนรักของหมอคีรินทร์ถามขึ้นระหว่างนั่งทานอาหารกลางวันด้วยกันที่โรงอาหารของโรงพยาบาล
“ใกล้จะเรียบร้อยแล้ว แต่น้ำจะไม่ลองคิดดูหน่อยเหรอเรื่องไปเรียนต่อผมอยากให้น้ำไปด้วยกันนะ” คีรินทร์อยากให้คนรักไปเรียนกับตนเองด้วยเพราะระยะเวลาที่ไปเรียนมันนานถึงสามปีเขาไม่อยากจะห่างกับเธอนานขนาดนั้น
“น้ำต้องดูแลแม่นะคีย์ไม่อยากทิ้งแม่ไปไกล”
“แต่ก็จ้างคนดูแลได้ ผมเองก็จะช่วยดูแลอีกคนก็ได้ถ้าหากน้ำจะไปเรียน” หมอวงศธรที่เป็นเพื่อนสนิทของทั้งสองคนพูดขึ้นมา
“มันก็ไม่เหมือนกับการดูแลเองหรอกนะอาร์ม น้ำคิดว่าเหนื่อยแล้วกับการเรียนจากนี้ขอทำงานดีกว่า ไปเรียนโดยไม่มีทุนค่าใช้จ่ายมันก็สูงมากด้วย แล้วอาร์มล่ะไม่คิดจะเรียนต่อเหรอ”
“ไม่ล่ะตอนนี้ขอทำงานก่อน ส่วนเรื่องเรียนค่อยว่ากันอีกที ฉันว่าจะเรียนต่อระบบทางเดินอาหารน่ะแต่ก็ต้องดูอีกทีว่าถึงตอนนั้นจะยังขยันอยู่ไหม ว่าแต่นายเถอะไปเรียนตั้งไกลไม่คิดถึงน้ำแย่เหรอ”
“มันแน่อยู่แล้วฉันก็ต้องคิดถึงน้ำสิ เราสองคนคบกันมาตั้งหลายปีไม่เคยห่างกันเลย”
“แบบนี้คงคิดถึงแย่ใช่ไหมล่ะ”
“ทำยังไงได้ล่ะ แต่ผมก็อยากไปเรียน”
“คีย์ไปเรียนเถอะนะ ไม่ต้องห่วงหรอกน้ำอยู่ได้”
“ทำไมนายกับน้ำถึงไม่แต่งงานก่อนล่ะ” วงศธรเห็นทั้งสองคนคบกันมานานหลายปีก็อยากเห็นเพื่อนได้แต่งงานกัน
“ฉันคิดเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่น้ำน่ะสิอยากรอให้ฉันกลับมาก่อน ฉันอยากจะแต่งงานจดทะเบียนสมรสทำทุกอย่างให้ถูกต้องเวลาไปเรียนที่นั่นจะได้สบายใจ”
“แต่เราอยู่ห่างกันแบบนี้น้ำไม่อยากให้คีย์รู้สึกว่าถูกบังคับหรือมีข้อผูกมัด” ปริณดาเข้าใจดีกว่าการห่างกันนานถึงสามปีนั้นโอกาสที่คีรินทร์จะไปเจอคนอื่นก็มีค่อนข้างมาก
“ผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยนะน้ำ”
“เรื่องแต่งงานน้ำว่าเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน กลับมาเราต้องค่อยคุยกันอีกนะคีย์ก็รู้นี้ว่าตอนนี้น้ำต้องโฟกัสแค่แม่” เพราะมารดาของปริณดากำลังป่วยเป็นอัลไซร์เมอร์เธอจึงอยากอยู่กับมารดาอย่างเต็มที่
“ผมเข้าใจนะน้ำ แต่ก็ไม่อยากจะห่างเลย แล้วก็ต้องขอโทษที่ไม่อยู่ด้วยตอนที่นำกำลังลำบาก ผมเห็นแก่ตัวมากเลยใช่ไหม”
“ไม่หรอก ถ้าคีย์ไม่ยอมไปเรียนน้ำต้องรู้สึกผิดมากๆ แน่”
“นายไม่ต้องห่วงหรอกนะคีย์ ฉันก็อยู่ที่นี่ทั้งคน ฉันจะทำหน้าที่แทนนายเองนะ” วงศธรให้สัญญากับเพื่อน
“ขอบใจนะอาร์ม ถ้ายังไงฉันฝากนายช่วยดูแลน้ำด้วยนะ” คีรินทร์หันมาบอกเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม เขาสองคนมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด กระทั่งเรียนเฉพาะทางก็เลือกเรียนแผนกอายุรกรรมเหมือนกันอีกด้วย
“ไม่ต้องห่วงหรอกคีย์ฉันจะช่วยดูแลแฟนนายให้ก็แล้วกันนะ”
“แล้วนายไม่คิดจะมีแฟนบ้างเหรออาร์มอายุก็เยอะแล้วนะ”
“ฉันยังไม่เจอคนที่ถูกใจ แต่ก็ไม่แน่นะนายไปเรียนตั้งหลายปีกลับมาฉันอาจจะแต่งงานแล้วก็ได้”
“ได้ที่ไหนนายต้องรอฉันมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวสิ”
“ก็นายไปเรียนตั้งหลายปีฉันคงไม่รอหรอกนะถ้าเจอคนที่ถูกใจจริงๆ” เขาพูดแล้วหัวเราะ
“นี่พวกเราพูดเหมือนกับว่าฉันจะไปพรุ่งนี้เลยนะ มันอีกตั้งหลานเดือนเลย”
“ก็วางแผนไว้ก่อนไงล่ะ พอถึงเวลาเกินทางจะได้ไม่ติดขัดอะไร”
“แต่ตอนนี้ฉันมีเองคิดขัดมากกว่าเรื่องไปเรียนอีกนะอาร์ม”
“เรื่องอะไร ฉันช่วยได้ไหม”
“ก็ตอนนี้ฉันยังหาแม่บ้านไม่ได้เลยนะสิ นี่ก็ต้องป้าข้างบ้านมาช่วยทำความสะอาด”
“แล้วทำไมไม่จ้างป้าเขาไปเลยล่ะคีย์”
“ป้าแกแก่แล้วและก็มีหลานสาวที่ต้องดูแลแล้วป้าแกก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินอะไรเลย ที่มาช่วยก็คงเพราะเห็นว่าฉันไม่มีใคร” คีรินทร์อธิบาย
“นายลองติดต่อไปที่บริษัทรับทำความสะอาดสิ เขามีคนมาทำความสะอาดแบบไปเช้าเย็นกลับด้วยนะ”
“ฉันติดต่อไปแล้วแต่ไม่เจอคนที่ถูกใจเลย ฉันอยากได้คนที่ทำอาหารเช้าให้ฉันด้วยนะ ขี้เกียจมาแย่งกับคนอื่นกินที่โรงพยาบาล”
“ก็นายเรื่องมากอย่างนี้ไงถึงหาใครไม่ได้สักที”
“น้ำก็ไม่รู้จะช่วยคีย์ยังไงเหมือนกันนะ นี่ก็ลองถามคนรู้จักแล้วก็ไม่มีใครสนใจเลย จะมีก็แต่ต่างด้าวนะแต่ก็กลัวจะไม่ปลอดภัย”
“ถ้าหาคนไทยไม่ได้ก็คงต้องจ้างต่างด้าวนั่นแหละแต่คงหาบริษัทที่เชื่อถือได้” ชายหนุ่มถอนหายใจ
“ถ้ายังไงฉันจะลองถามคนรู้จักให้นะว่ามีใครสนใจจะเป็นแม่บ้านไหม”
“ขอบใจนะ”
ทั้งสามหมอนั่งทานอาหารกันไม่นานก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง