บทที่ 7
เกิดเรื่อง
“อยากเอา..ได้มั้ยครับ? ”
“เอ่อ..” ใบบัวกัดปากมองเขาอย่างลังเล
Rrrrrr Rrrrrr
เสียงโทรศัพท์ทำให้เจคอปละความสนใจล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมา จากนั้นก็รีบลุกออกจากตัวใบบัวอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มขยับนั่งห่างออกไปแล้วกดรับเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรมา
“ว่าไงเม็ดทราย”
[เจคอป..อยู่ไหนอ่ะ มารับเราที่บ้านหน่อยได้มั้ย? ]
“เป็นอะไรทำไมเสียงไม่ดีเลย”
[ไว้ค่อยคุย..มารับเราก่อน]
“โอเคๆ เดี๋ยวเราไปรับเลย”
“วันนี้กลับเองได้มั้ย ฉันมีธุระน่ะ”
หลังจากวางสายเจคอปก็หันมาพูดกับใบบัวด้วยใบหน้าเป็นกังวลไร้ซึ่งอารมณ์ปรารถนาใดๆ ใบบัวได้แต่สงสัยแต่ไม่อยากถามให้มากความ
“ได้ค่ะ..”
เจคอปลุกขึ้นจากนั้นก็หยิบเงินในกระเป๋าส่งให้ ใบบัวเงยหน้ามองเขาอย่างงงๆ แต่ก็ยอมรับมา เธอลุกขึ้นตามแรงฉุดดึงอย่างรีบเร่งของเขา พยายามไม่ใส่ใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกคน
“ถึงบ้านแล้วทักบอกด้วยนะ..ฉันไปล่ะ”
“ค่ะ..”
ใบบัวลงจากรถคันหรูเมื่อเขาขับมาส่งเธอที่ป้ายรถเมล์ ยืนมองท้ายรถของคนรักด้วยความรู้สึกหลากหลาย คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว เมื่อเสียงของผู้หญิงที่เล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน ทำเอาใจกระตุกจนนึกหวาดระแวง
“คงไม่มีอะไรหรอก..คิดมากไปเองมั้งเรา..”
เสียงพึมพำกับตัวเองก่อนนั่งลงบนเก้าอี้รอรถ ชะเง้อมองหาแท๊กซี่แต่เพราะเป็นช่วงเย็นรถค่อนข้างติดจึงทำให้ไม่มีรถผ่านมามากนัก และถึงมีใบบัวก็ถูกแย่งจากคนที่ยืนรอรถอยู่เช่นกัน
“โอ๊ะ..ฝนตก!”
ใบบัวนั่งรอรถไม่ถึงยี่สิบนาที สายฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทำให้ผู้คนเบียดเสียดกันเข้ามาหลบฝนภายในบริเวณป้ายรถเมล์จนแน่นขนัด จากที่นั่งรอใบบัวก็เปลี่ยนเป็นยืน เสื้อนักเรียนสีขาวเปียกชุ่มเมื่อถูกละอองฝน เธอจึงยกกระเป๋านักเรียนขึ้นมากอดไว้แนบอก
เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงฝนจึงหยุดตกแต่เด็กสาวยังยืนรอรถอยู่ที่เดิม โชคร้ายที่ใบบัวเรียกแท๊กซี่ไม่ทันคนอื่นที่ต่างตัดสินใจใช้บริการแทนรถเมล์สาธารณะ
“ทำไงดี..ไม่มีรถเลย”
ใบบัวมองไปรอบๆ ที่มืดสนิท น้ำท่วมขังจากฝนตกหนักทำให้การจราจรติดขัด เด็กสาวเริ่มกลัวเพราะไม่คุ้นชินกับการเดินทางกลับบ้านคนเดียวมืดๆ เช่นนี้ จะโทรหาแม่ก็กลัวถูกซักว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ความหวาดหวั่นที่มีทำให้ขอบตาร้อนผ่าวน้ำตาพาลจะไหล ใจนึกถึงแฟนหนุ่มแต่ก็ไม่กล้าโทรหาเขา
“รอรถคนเดียวเหรอน้อง ให้พวกพี่ไปส่งมั้ย? ”
ใบบัวหันไปมองตามเสียงและก็ต้องตกใจเมื่อมีชายท่าทางไม่น่าไว้ใจสามคนเดินเข้ามาประชิด ใบหน้าซีดเผือดเมื่อรับรู้ถึงการถูกคุกคาม ตามองหาคนเพื่อขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีใคร มีเพียงรถที่วิ่งขวักไขว้อยู่บนถนนแต่คงไม่มีใครสนใจเธอ
“......”
“หยิ่งจัง..ถามก็ไม่ตอบ”
ใบบัวกระชับกระเป๋าแนบหน้าอก เมื่อสายตาหื่นกระหายของชายสามคนมองมายังเสื้อนักเรียนที่เปียกฝนทำให้เห็นเสื้อชั้นในสีดำชัดเจน ร่างเล็กเดินถอยหลังพร้อมกับส่ายหน้าหวาดกลัวจนอยากร้องไห้
“......”
“ไม่ต้องกลัวพวกพี่หรอก..พี่อ่อนโยนกับคนสวย”
“ช่วยหลีกไปได้มั้ยคะ”
ใบบัวพูดเสียงสั่นพยายามเดินหลบแต่ชายทั้งสามกลับเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น ข่าวการข่มขืนผุดขึ้นมาในหัว ทำให้เธอเริ่มตัวสั่นน้ำตาไหลกลัวจนทำอะไรไม่ถูก มือกดโทรศัพท์หวังโทรหาแฟนหนุ่มแต่ก็ถูกหนึ่งในสามคนแย่งออกไปจากมือ
“อ่ะ..เอาคืนมานะ!”
“เฮ้ย..มึงจับไว้ซิวะ”
“อย่านะ..ออกไป อึก ช่วยด้วยค่ะ”
ใบบัวสะบัดมือเมื่อถูกจับแล้วลากไปยังรถที่จอดรออยู่ เธอโวยวายเสียงดังแต่โชคร้ายที่ตอนนี้ไม่มีคนอยู่บริเวณนั้นเลย กระเป๋านักเรียนตกลงบนพื้นในขณะที่ใบบัวถูกฉุดให้เดินตามพวกมันไป
“เงียบดิวะ”
“ปล่อยนะ..กลัวแล้ว อึก ฮือ ฮือ ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”
ใบบัวขืนตัวไว้สุดกำลังหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ น้ำตาไหลพรากกรีดอย่างร้องบ้าคลั่ง เธอทั้งทุบทั้งหยิกเพื่อให้หลุดออกจากการเกาะกุมแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะสู้แรงผู้ชายไม่ได้
ปริ้นๆ
ก่อนที่ร่างบางจะถูกรวบขึ้นรถเสียงบีบแตรก็ดังขัดจังหวะ และไม่กี่อึดใจร่างสูงของเจคอปก็วิ่งลงจากรถพร้อมเพื่อนอีกสองคน ตรงมายังบริเวณที่ใบบัวถูกฉุดกระชาก
“พวกมึงทำอะไร..ปล่อยผู้หญิงนะเว้ย”
ผัวะ !
เจคอปชกหน้าคนที่กำลังยื้อยุดแขนใบบัวอย่างแรงจนมันปล่อยเธอเป็นอิสระ คนที่ถูกชกจนเลือดกลบปากตะโกนบอกเพื่อนอีกสองคนที่วิ่งหนีไทป์กับกวินไปอีกด้าน
“เหี้ยแล้ว..คนมา”
เจคอปกับเพื่อนยืนจังก้ามองพวกมันอย่างเอาเรื่อง ส่วนใบบัวถูกกันให้หลบอยู่ข้างหลัง ร่างเล็กปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวสั่นเทาอย่างน่าเวทนา ผมเผ้ายุ่งเผยิงแขนเต็มไปด้วยรอยแดงจากแรงบีบของพวกมัน
“เอาไงดีวะ..” พวกมันสามคนมองตากันเลิ่กลั่ก ไม่มีอาวุธเพราะไม่ได้วางแผนฉุดเด็กสาวตั้งแต่แรก เพียงแค่ขับรถผ่านแล้วเห็นเธอยืนอยู่คนเดียว เลยเกิดอารมณ์ชั่ววูบนึกสนุกก็เท่านั้น หากต้องเจ็บตัวก็คงไม่คุ้มอย่างแน่นอน
“สัสเอ๊ย ! พวกมึงต้องเจอกู”
เจคอปดึงไม้เบสบอลจากมือไทป์ แล้วเดินเข้าหาพวกมันทั้งสามด้วยใบหน้าโกรธจัด บอกเลยว่าถ้าฆ่าได้ก็คงฆ่า ไม่อยากคิดว่าถ้าเขาไม่ขับรถกลับมาคอนโดใบบัวจะเป็นยังไง
..กูยังไม่ได้ปี้ พวกมึงก็อย่าหวัง..
“เฮ้ย..เอาไงวะ”
“ก็หนีดิ..อยู่ทำเหี้ยอะไร”
พวกมันสามคนวิ่งขึ้นรถตู้แล้วรีบขับออกไป เจคอปได้แค่ระบายอารมณ์ด้วยการฟาดไม้เบสบอลใส่หลังรถจนกระจกร้าว เสียงหอบหายใจด้วยความโกรธทำให้ชายหนุ่มดูน่ากลัว
“คุณเจ..ฮือ ฮือ”
เสียงเรียกทำให้ร่างสูงเดินกลับไปยังร่างเล็กที่ยืนร้องไห้ตัวสั่น เขาทิ้งไม้เบสบอลในมือแล้วรวบร่างบางเข้ามากอดแนบอก กวินกับไทป์ที่ยืนอยู่ไม่ห่างมองด้วยความสงสัยที่เจคอปทำเหมือนรู้จักคนที่เพิ่งช่วยไว้
“ไม่ต้องกลัว..ฉันอยู่ตรงนี้”
น้ำเสียงอบอุ่นฝ่ามือที่ลูบศีรษะอย่างอ่อนโยน ทำให้ใบบัวคลายความกลัวลง แต่กระนั้นเธอก็ยังร้องไห้ไม่หยุด เบียดตัวเข้าหาเขาอย่างแนบแน่นเพื่อให้รู้สึกว่าทุกอย่างคือความจริง เขามาช่วยเธอได้ทัน
“คืออะไรวะเจคอป..กูงง” ไทป์เดินเข้ามาใกล้ถามด้วยความสงสัย
“พวกมึงนั่งแท๊กซี่กลับไปก่อนได้มั้ย..วันนี้ห้องกูคงไม่ว่าง” เจคอปไม่อธิบายอะไรยิ่งเพิ่มความสงสัยให้เพื่อนทั้งสองมากขึ้น
“ตกลงมึงรู้จักน้องเขาเหรอ? ” กวินถามขึ้น
“ไว้ค่อยเล่า..กูขอพาเขากลับก่อนแล้วกัน”
เจคอปตัดบท ก้มมองคนตัวเล็กที่เอาแต่ซุกหน้าร้องไห้อยู่กับอกของเขาไม่ได้สนใจบทสนทนาแต่อย่างใด สายตาอ่อนโยนที่ทอดมองใบบัว ทำให้ไทป์กับกวินมองหน้ากันแล้วเลิกคิ้วสูง
“เออๆ มึงพาน้องไปเถอะ น่าจะเสียขวัญอยู่ไม่น้อย”
“อืม..กลับห้องกันนะ..”
เจคอปก้มลงพูดกับใบบัวเสียงเบา เธอพยักหน้าก่อนผละอ้อมแขนออก มองไปยังคนแปลกหน้าอีกสองคนที่มองเธออย่างสนใจด้วยสีหน้าตื่นกลัวนิดๆ
“เพื่อนฉันเอง..ไม่ต้องกลัว จุ๊บ” เจคอปกดจูบลงบนผมของเธอ และใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มเนียนใส
“ค่ะ..” ใบบัวพยักหน้าแล้วกอดแขนของเจคอปไว้แน่น เธออยู่ในอารมณ์ตื่นตระหนกเลยไม่คิดอะไรมากไปกว่าการไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
ใบบัวซบหน้าลงบนต้นแขนของเจคอป เมื่อเขาพาเดินผ่านเพื่อนทั้งสองออกไป เธอไม่กล้าสบตากับผู้ชายคนไหนเพราะยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อน ๆ
“มึงงงมั้ยกวิน”
“ไม่งง..แต่แค่สงสัยว่ารู้จักกันด้วยเหรอ”
“นั้นดิ..”
ไทป์เกาศีรษะ จริงๆ วันนี้พวกเขากะจะปาร์ตี้ที่ห้องของเจคอป หลังจากที่เพื่อนตัวดีมีปัญหาเรื่องหัวใจมาปรึกษา แต่เมื่อขับรถผ่านบริเวณป้ายรถเมล์ กวินเห็นว่ามีคนถูกฉุดเลยบอกให้เจคอปจอดรถลงมาช่วย ไม่นึกว่าโลกจะกลมขนาดที่ว่าเจคอปรู้จักเด็กสาว ดูท่าไม่ธรรมดาเสียด้วย เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน
“แต่ใดๆ ..น้องแม่งโคตรสวย สเปคเจคอปชัดๆ ..ถ้ากูเดาไม่ผิดต้องเป็นเด็กเจคอปแน่ๆ ” ไทป์พูดกับกวินขณะเดินไปริมถนนเพื่อโบกแท๊กซี่
“มึงคิดร้าย..น้องยังเรียนมัธยมอยู่เลย เจคอปมันคงไม่ทำอะไรเสี่ยงคุกหรอกมั้ง”
“คิดร้ายอะไร..นี่กูคิดดีแล้วนะ..มึงไม่เห็นสายตาที่มันมองน้องเหรอวะ..กูว่ามันเตาะเด็กไว้กินแน่ๆ ” ไทป์พูดอย่างรู้ทัน ยังไงผีก็ย่อมเห็นผีวันยังค่ำ
“ก็เห็น..แต่มึงก็รู้ว่าเจคอปชอบเม็ดทราย ที่มันบ่นว่าอยากเมาก็เพราะเม็ดทรายไม่ใช่เหรอ กับน้องอาจแค่รู้จักกันเฉยๆ ก็ได้”
“รู้จักเฉยๆ อะไรทั้งหอมทั้งกอดขนาดนั้น..มึงต้องแยกความรัก กับ เรื่องเอา ออกจากกันให้ได้ก่อนกวิน มึงถึงจะเข้าใจสิ่งที่กูจะสื่อ” ไทป์ส่ายหน้าให้กับความโลกสวยของเพื่อน
“อะไรของมึงวะไทป์”
“เฮ้อ..คุยกับพ่อพระอย่างมึง..กูล่ะเหนื่อยใจ”
ไทป์มองหน้ากวินอย่างหมดหวัง เอาไว้ถามเจคอปพรุ่งนี้ก็ได้ว่าเด็กสาวคนนั้นเป็นใคร ยังไงเรื่องนี้เขาไม่ปล่อยผ่านแน่นอน ไอ้เพื่อนตัวดีก็เหมือนจะเป็นไบโพล่า เพราะเมื่อชั่วโมงที่แล้วยังฟูมฟายเจ็บปวดจะเป็นจะตายเพราะเม็ดทรายไม่เห็นความสำคัญ พอมาเจอหญิงคนใหม่เสือกทิ้งพวกเขาไปเฉยเลย