ณ พื้นที่หน้าโรงแรม สถานที่จัดเลี้ยงงานแต่งของซินเซีย-เวย์
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าก้าวลงบันไดหน้าโรงแรมช้า ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ ตอนนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวและแขกส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในงาน ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีสวยเผยยิ้มบาง วันนี้เป็นวันสำคัญของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของตัวเองและยังได้รับรู้ข่าวดีจากเจ้าสาวมาอีกด้วย นั่นคือการตั้งครรภ์ของซินเซีย
ว้าย! ฉันกำลังจะเป็นคุณป้าของหลานตัวเล็ก ๆ แล้วสินะ ~
ผู้ชายที่แต่งงานกับเธอเป็นคนที่เหมาะสมกันที่สุด ผู้หญิงที่เก่ง สดใส ใครอยู่ใกล้ก็มีแต่ความสุขแล้วยังใจดีอย่างซินเซียเหมาะสมกับรอยยิ้มและการมีความสุขที่สุด เป็นทายาทตระกูลใหญ่แห่งอิตาลี ขึ้นบริหารและอยู่ในตำแหน่งบอสแห่งตระกูลแอซเซอร์และกำลังเป็นภรรยาแม่ของลูกที่ดี
ส่วนฉัน...ยังเป็นแค่ ‘นักเขียน’ ที่นามปากกาพอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างแต่เมื่อเทียบกับซินเซียแล้วเหมือนอยู่กันคนละโลกไปเลย ถึงแม้ว่าเราจะแตกต่างกันแต่เซียยังคงเป็นเพื่อนที่น่ารักกับฉันเสมอ เธออยู่ในระดับนั้นแต่ฉันก็ไม่เคยคิดจะหาประโยชน์จากเพื่อนตัวเอง และไม่ให้ใครเอาตัวเองไปใช้ประโยชน์เพื่อเข้าหาตระกูลมัสชิโม่กับแอซเซอร์เหมือนกัน
ร่างบางในชุดเดรสตัวยาว มือข้างหนึ่งจับชายกระโปรงถลกขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการเดิน มืออีกข้างถือรองเท้าส้นสูงเอาไว้ เท้าเปล่าเหยียบย่ำลงบนพื้นทางเดินตรงไปยังประตูทางออกของโรงแรม
ในระหว่างที่กำลังก้าวเดินไปตามทางก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมบอกซินเซียเรื่องที่ฉันกลับก่อน สองเท้าหยุดยืนนิ่งกับที่ ล้วงมือหยิบเอาโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งหาเพื่อน ไม่อยากให้เซียต้องมาคอยดูแลทั้งที่วันนี้เป็นวันสำคัญของตัวเอง แม้ว่าเธอจะให้คนมาส่งแต่ฉันสามารถดูแลตัวเองได้ พูดไปเพื่อนก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ เหมือนเป็นน้องสาวตัวน้อยที่เซียต้องดูแลมากว่าจะเป็นเพื่อนซะอีก
คงเอ็นดูฉันแหละ ปกติไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่
ปี๊น!!
ตุบ!
เสียงแตรดังลั่นทำเอาคนที่ยืนอยู่สะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ โทรศัพท์ที่อยู่ในมือร่วงหล่นลงกับพื้นและเป็นจังหวะเดียวกันที่รถหรูคันสีดำหยุดนิ่งลงในระยะประชิด ไฟสูงสาดเข้ามาคล้ายกับกำลังด่าฉันก่อนที่มันจะลดระดับลงและนั่นทำให้เห็นรถที่เกือบชนตัวเองชัด ๆ
รถ Bugatti Tourbillon สีดำเงาวับ กระจกมืดสนิททำให้ไม่เห็นใบหน้าของผู้เป็นเจ้าของรถ จากมุมที่ตัวเองยืนอยู่ก็เห็นเพียงวางแขนพาดอยู่บนขอบประตูรถ แขนเสื้อสีเข้มถลกพับขึ้นถึงข้อศอก นิ้วเรียวที่คีบบุหรี่ยื่นออกมา ฉันรีบก้มหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองที่ตกอยู่บนพื้นก้าวเท้าออกจากหน้ารถคันนั้นทันที เมื่อร่างเล็กออกมาพ้นทางตัวรถก็เคลื่อนผ่านไปโดยที่ไม่มีคำด่าของผู้เป็นเจ้าของรถ
“ขอโทษ...” เสียงหวานเอ่ยพูดคำที่สมควรพูด แต่แล้วในจังหวะที่รถเคลื่อนไปข้างหน้าช้า ๆ นั้น สายตาเห็นเข้ากับใบหน้ามุมข้างของเจ้าของรถ
เส้นผมดำขลับตัดกับผิวขาวพาให้น่ามอง ขนตาเรียงเป็นแพสวย จมูกโด่งรับกับใบหน้า ริมฝีปากได้รูปสีแดงน่าสัมผัส องค์ประกอบทั้งหมดบนใบหน้าของเขาที่ฉันขอมอบคำนี้ให้ตั้งแต่ครั้งแรกเจอ ‘ความหล่อที่เหมือนไม่มีอยู่จริง’
ทุกอย่างดูดีไร้ที่ติ แม้ดูเข้าถึงยากและเดานิสัยยากมาก ๆ แต่ 3 ตระกูลใหญ่ก็ดูเข้าถึงยากกันอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่พวกมีอำนาจในระดับเดียวกัน มีแค่ซินเซียเท่านั้นแหละที่ฉันเข้าถึงได้
ดวงตากลมโตจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา แต่นัยน์ตาคมกลับมองไปเบื้องหน้าแม้แต่หางตาก็ไม่หันมาให้ความสนใจสักนิด รถหรูขับผ่านไปขณะที่ฉันยังมองตามจนกระทั่งตัวรถหายจากระยะการมองเห็น เราเคยเจอกันครั้งหนึ่งและฉันภาวนาขอให้เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตด้วย...
‘รองบอสตระกูลอาร์เดียโน่’
ไม่รู้ซินเซียไปสนิทกับคนแบบนี้ได้ยังไง น่ากลัวเป็นบ้าเลย พูดน้อยต่อยหนักและปากร้ายด้วย ฉันเจอเขาแค่ครั้งเดียวก็ขนลุกไปหมดแล้ว คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ดิบเถื่อนชะมัด เขามีความคิดจะเอาร่างฉันผูกกับท้ายรถแล้วลากไปกับถนนด้วยเพราะพูดมากจนเกินไป!
พวกมาเฟีย...น่ากลัว
(5 เดือนต่อมา)
ณ คอนโดของยูรา เวลา 01.45 น.
ต๊อกแต๊ก ๆ ๆ ๆ ๆ
เสียงรัวแป้นพิมพ์ดังระงมอยู่ภายในห้องพักขนาดเล็ก บรรยากาศภายในห้องที่เงียบสงบมีเพียงเสียงพิมพ์และเสียงเครื่องปรับอากาศ แม้ว่าอุณหภูมิจะเย็นเฉียบสักแค่ไหนแต่มันไม่สามารถดับความร้อนรุ่มในใจของหญิงสาวที่กำลังจรดปลายนิ้วไปตามตัวอักษรอย่างบ้าคลั่งในเวลานี้ได้เลย
Rrrrrrrrrr!!
“กรี๊ด! โทรมาอีกแล้ว!” เสียงหวีดร้องราวกับคนเสียสติจากสายที่โทรเข้ามาในเวลาแบบนี้ ต่อให้ฉันไม่หันไปมองก็รู้ว่าเป็นเบอร์ของใคร มีคนเดียวเท่านั้นตามยิ่งกว่าวิญญาณสิงร่างซะอีก!
Rrrrrrrrrr!! ติ้ด!!
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกครั้งและครั้งนี้ฉันต้องรับสายไม่อย่างนั้นละก็ได้หัวหลุดแน่ ๆ มือเล็กยื่นไปจับเอาโทรศัพท์ที่วางคว่ำหน้าอยู่ขึ้นมากดรับ แล้วยกขึ้นแนบหูแต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา คนปลายสายได้ชิงพูดขึ้นมาก่อนแล้ว
(ยัยยูรา! ส่งต้นฉบับที่เสร็จแล้วมาก่อนเลยส่วนหนึ่งพี่จะตรวจดูระหว่างรอที่เหลือ! เดี๋ยวนี้ ~) เสียงแหลมหลอนประสาทของ ‘พี่นิโคล’ บรรณาธิการสำนักพิมพ์ดังลั่นทำฉันต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหู ก่อนจะดึงกลับมาแนบหูตัวเองตามเดิม
“หนูยังไม่ได้ตรวจซ้ำอีกรอบเลยนะพี่นิโคลขา ~” กรี๊ด! นี่มันงานเผาหัวสุด ได้กลิ่นควันลอยจากหัวมาแล้วเนี่ย!
ความฝันสูงสุดของนักเขียนหลายคนคือการที่งานของตัวเองถูกนำไปทำภาพยนตร์ ซีรีส์หรือละครแต่นั่นไม่ใช่ความฝันของฉันสักนิด สิ่งที่ต้องการมีแค่ตื่นมาเขียนงาน ขายไปก็พอเพราะการถูกจับตามองอาจจะทำให้ใครบางคนเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมา ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ฉันพยายามหลีกเลี่ยงและใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอด
(ส่งมาเถอะน่า เขาจะเอางานจากนามปากกาเธอนิ)
“มาแบบนี้อีกแล้วนะ พวกที่แบบอยากได้นิยายไปทำซีรีส์ แล้วหนูต้องไปเจอใครอีกมั้ย” เหตุการณ์ครั้งนั้นทำเอาฉันยิ่งหวาดกลัวการออกไปข้างนอก ถ้าไม่ได้เซียกับผู้ชายคนนั้นมาช่วยฉันแย่ไปแล้ว แต่ก็มีเกือบตายเพราะคนช่วยอีกทีหนึ่ง นึกถึงละขนลุกขึ้นมาเลย
(เขาติดต่อกับสำนักพิมพ์เองและตัวพี่จะเป็นผู้ประสานงานเรื่องนี้ ไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกแน่นอน) พี่นิโคลยืนยันอีกเสียง สิ่งที่เกิดขึ้นได้รับคำขอโทษและทางสำนักพิมพ์กำม่ได้นิ่งนอนใจ จัดการทุกอย่างตามกฎหมายแม้ว่าตัวต้นเหตุหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่รู้ว่าตายไปหรือยัง
“เดี๋ยวหนูส่งไปให้ แล้วก็อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์น่าจะจบยังไงขอเวลาอีกสองวันได้มั้ยคะ” ภายในวันเดียวไม่ทันแน่ อาจจะมีคนตายคาคอนโดเกิดขึ้นถ้าฉันยังโหมงานหนักไม่หยุด
(ต้องได้แหละ เสียงยูราดูเหมือนจะไม่ไหวแล้วด้วย)
“ไม่ใช่ดูเหมือนค่ะแต่หนูไม่ไหวแล้ว ไม่ไหว ๆ นอนคืนละสามชั่วโมงนี่โรงงานเถื่อนหรือเปล่าเนี่ย โหดร้ายเกินไปแล้ว กะให้ตายโดยที่ยังไม่ทันได้แต่งงานกันเลยใช่มั้ย หนูเพิ่งยี่สิบหกเองนะเผื่อพี่จะลืม!” ได้โอกาสพูดก็ใส่เต็มที่จนลืมไปว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ทุกอย่างที่พูดออกมานั้นล้วนออกมาจากใจของผู้หญิงคนนี้!