ของมากมายที่นำออกมา

1415 คำ
ภายในห้องของหรันเยี่ย เสี่ยวไป๋ทำให้มันมืดสนิท จึงไม่ได้รบกวนการนอนของนางแต่อย่างใด พอนางตื่นขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าในอ้อมแขนของนางมีเสี่ยวไป๋นอนซุกตัวอยู่ด้วย “อืม...” นางบิดขี้เกียจก่อนที่จะลุกขึ้นเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว ตอนนี้นางสวมชุดนอนที่มีอยู่ภายในห้อง จำต้องเดินออกไปเอาเสื้อผ้าที่ซักตากไว้ด้านนอกมาเปลี่ยนเสียก่อน เสี่ยวไป๋ที่รู้สึกตัวแล้วเช่นกัน มันก็ลุกออกไปเตรียมอาหารให้หรันเยี่ย เพื่อให้นางกินก่อนที่จะส่งนางออกไปด้านนอก “เจ้าออกไปด้านนอกได้หรือไม่” นางเอ่ยถามระหว่างที่กินอาหารอยู่ “ไม่ได้” มันไม่ได้รับอนุญาตในเรื่องนี้ “อืม ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรข้าก็เข้ามาหาเจ้าทุกวัน” “อืม...” ข้าวทั้งห้าแปลงที่ปลูกไว้ก่อนที่นางจะเข้าบ้านไปนอน ยามนี้โตพร้อมให้เก็บเกี่ยวอีกรอบได้แล้ว เสี่ยวไป๋จึงเก็บทั้งหมดไปไว้ที่โรงเก็บของ “ข้าปลูกผักเลยได้หรือไม่” หรันเยี่ยเห็นแปลงที่โล่งแล้ว นางก็ไม่อยากจะปล่อยให้ว่างเปล่า “ได้ เจ้าได้รับผักกาดขาวกับแครอท ต้องการจะปลูกอันใดก่อน” “อะไรที่ใช้เวลาน้อยที่สุด” “ผักกาดขาว” “เช่นนั้นผักกาดขาวสามแปลง แครอทสองแปลงก็แล้วกัน” ตอนนี้มีข้าวอยู่เต็มโรงเก็บของ นางยังไม่คิดที่จะปลูกเพิ่ม เสี่ยวไป๋นำผักทั้งห้าถุงออกมา ให้หรันเยี่ยนางนำไปปลูก “แล้วด่านที่สามข้าต้องทำเช่นใด” “เจ้าต้องปลูกผักให้เต็มสามโรงเก็บ ถึงจะได้ไก่มาเลี้ยง” ไม่รวมกับโรงเก็บข้าวที่ปลูกไปก่อนหน้านี้ “ว้าววว ข้าจะมีเนื้อไก่กินแล้ว” “เหอะ เมื่อครู่เจ้าเพิ่งกินเนื้อไก่เข้าไป” “ก็จริง แต่ข้าอยากจะนำไปให้ครอบครัวกินด้วย” “เจ้าสามารถนำออกไปได้ ของที่อยู่ในบ้านของเจ้า มีไม่จำกัด” “แล้วข้าเอาที่นอนออกไปได้ด้วยหรือไม่” ดวงตาของหรันเยี่ยเปล่งประกายออกมา นางหยุดมือที่กำลังหว่านเมล็ดผัก เพื่อหันมาพูดกับเสี่ยวไป๋ “เจ้าจะนำออกไปทำไม อย่างไรเจ้าก็ต้องเข้ามานอนด้านใน” มันกลัวว่านางจะไม่เข้ามานอนในมิติอีก “ให้คนในครอบครัวของข้าอย่างไรเล่า” “อืมได้” เสี่ยวไป๋เอ่ยอนุญาตอย่างใจดี หรันเยี่ยปัดมือที่เลอะ ก่อนจะทำท่าเดินกลับเข้าไปที่บ้านเพื่อขนของออกไป “เจ้าจะไปไหน” “ข้าจะไปขนของออกไปด้านนอก” “เพ้ย เจ้าออกไปก่อน แล้วข้าส่งตามไปให้ หากให้เจ้าถือไว้ เมื่อใดจะขนออกไปหมด” “แหะๆ จริงด้วย” เสี่ยวไป๋ส่งหรันเยี่ยออกไปด้านนอก นางก็พบว่าด้านนอกยังไม่สว่างเช่นที่เสี่ยวไป๋บอกนางไว้จริงๆ “เสี่ยวไป๋ รอให้เช้าก่อนค่อยส่งออกมา” นางสื่อสารบอกเสี่ยวไป๋ที่อยู่ด้านใน “ได้” หรันเยี่ยไม่รู้จะทำอันใด เพราะนางนอนมาเต็มที่แล้ว จึงได้แต่นอนเล่นพร้อมทั้งสื่อสารพูดคุยกับเสี่ยวไป๋ไปด้วย พอฟ้าสว่าง หรันเยี่ยก็เดินออกไปจากห้องของนาง ก็เห็นว่านางหู่เหมยตื่นขึ้นมาเตรียมตัวเข้าครัวเรียบร้อยแล้ว “ท่านแม่ เหตุใดถึงตื่นเช้าเช่นนี้” นางหู่เหมยมองมาทางหรันเยี่ยอย่างแปลกใจ “แม่ก็ตื่นเช่นนี้เป็นปกติ ว่าแต่เจ้าเหตุใดถึงไม่นอนต่ออีกสักหน่อย เพิ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บแท้ๆ” “อ้อ ข้านอนพักในมิติมาแล้วเจ้าค่ะ ข้ามีของจะให้ท่านด้วย” หรันเยี่ยให้เสี่ยวไป๋ส่งเนื้อสัตว์และอาหารออกมาให้นางไม่น้อย มีทั้งผัก ข้าวสารและเครื่องปรุงที่จำเป็นจะต้องใช้ “ว๊ายยย” นางหู่เหมยกรีดร้องออกมา เมื่อเห็นของมากมายปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าต่อหน้าต่อตานาง “เอ่อ...ข้ามิได้ตั้งใจเจ้าค่ะ” หรันเยี่ยยิ้มแห้ง เมื่อเห็นว่ามารดาตกใจจนใบหน้าของนางซีดขาว นางน่าจะบอกกล่าวเสียก่อน ไม่ควรนำออกมาเช่นนี้เลย จางซ่งและฝาแฝดที่ได้ยินเสียงร้องของนางหู่เหมยต่างก็วิ่งออกมาจากห้องของตนเองเพื่อดูว่าเกิดเรื่องใดขึ้น “เกิดเรื่องใดขึ้น นี่มัน นี่มันอะไรกัน” จางซ่งมองของที่อยู่บนโต๊ะอย่างแปลกใจ “ข้า นำออกมาจากมิติเจ้าค่ะ แต่มิได้บอกกล่าวท่านแม่ให้ดีเสียก่อน นางจึงตกใจ” หรันเยี่ยเกาแก้มแก้เก้อ “เช่นนั้นรึ” ฝาแฝดต่างเข้ามาจับดูอาหารที่อยู่บนโต๊ะอย่างสนใจ พวกเขามิได้กินเนื้อดีๆ มากนัก เพราะท่านย่าล้วนเก็บไว้ให้ท่านอารองและท่านน้าเล็ก พอเห็นไก่เป็นตัวๆ เนื้อหมูชิ้นโตๆ มองเขาก็แทบจะน้ำลายไหลออกมาเสียแล้ว “เอาเถิด แม่จะรีบเข้าครัวเสียก่อน มิเช่นนี้เจ้าเด็กตะกละนี้คงได้กินเนื้อสดๆ แล้ว” นางพูดถึงลู่เฉิงที่จ้องเนื้อตาเป็นมัน ทั้งหมดช่วยนางหู่เหมยยกของเขาไปไว้ที่ห้องครัว ก่อนจะกลับออกมาจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เพื่อรอกินมื้อเช้า “ท่านพ่อ ข้ายังมีของที่จะนำออกมาอีกเจ้าค่ะ” “ได้ อันใดรึ” เขาก็อยากจะรู้เช่นกันว่าบุตรสาวจะนำสิ่งใดออกมาอีก หรันเยี่ยเดินเข้าไปในห้องของฝาแฝดเสียก่อน เพื่อจะนำที่นอน หมอน ผ้าห่มออกมาให้น้องชาย นางบอกเสี่ยวไป๋ให้เอาของออกมา พอสิ่งของปรากฏอยู่ตรงพื้นห้อง บุรุษของบ้านทั้งสามต่างก็กระโดดถอยหนี แล้วร้องออกมาเสียงดัง จนนางหู่เหมยที่อยู่ในครัวต้องทิ้งงานของตนแล้วรีบวิ่งออกมาดู “เฮ้ยย/เฮ้ยยย” “อันใดอีกเล่า” นางหู่เหมยตบไปที่หน้าอกของนางเอง ไม่รู้ว่าวันๆ หนึ่งนางจะต้องพบเจอเรื่องน่าตกใจจากบุตรสาวอีกมากน้อยเพียงใด นับตั้งแต่ที่นางฟื้นมาเมื่อวาน นิสัยก็ดูจะเปลี่ยนไป ทั้งเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้นกับนาง แต่อย่างไรนางก็คือบุตรสาวของพวกเขา จึงไม่ได้คิดรังเกียจนาง “นี่ นี่คืออันใด” จางซ่งชี้ไปนิ้วไปที่ ที่นอน หมอน ผ้าห่มที่กองอยู่เต็มพื้นห้องของฝาแฝด “ที่นอนเจ้าค่ะ” หรันเยี่ยให้ทุกคนช่วยยกไปวางไว้ที่เตียงของเด็กแฝด แทนผ้าปูรองนอนผืนบาง แล้วนำหมอน ผ้าห่มขึ้นไปจัดเรียงให้พวกเขาอย่างสวยงาม “พวกเจ้าลองขึ้นไปนอนดู” นางหันไปบอกน้องชายทั้งสอง อย่างตื่นเต้น พอสองแฝดขึ้นไปนั่งบนที่นอน ต่างก็รีบล้มตัวลงนอนกลิ้งไปมาอย่างสนุกสนาน แม้แต่ลู่หรงที่เก็บอาการได้ดีกว่าน้องชาย เขายังเข้าร่วมเล่นสนุกไปด้วยเลย “พ่อขอนอนบ้าง” จางซ่งมิอาจทนรอให้หรันเยี่ยนำของไปไว้ที่ห้องของเขาได้ ต่างก็ล้มตัวลงนอนที่นอนของบุตรชายทันที “ดียิ่ง ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” เขาร้องออกมาอย่างชอบใจ เพราะที่นอนโอบรัดไปที่ตัวของเขายามที่นอนลงไป ทำให้สบายตัวยิ่งนัก “ท่านพ่อ แล้วจะมีผู้ใดเข้ามาในห้องของพวกเราหรือไม่” หรันเยี่ยกลัวว่าชาวบ้านจะเข้ามาเห็นสิ่งของที่แปลกตา “ไม่ ชาวบ้านไม่อาจเข้ามาในห้องได้หากเจ้าของเรือนไม่ยินยอม” หรันเยี่ยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้น นางจึงได้เดินไปที่ห้องของบิดา แล้วนำข้าวของออกมาเช่นกัน “ความจริงข้าอยากจะเอาโต๊ะกินข้าวออกมา แต่ดูแปลกตาไปไม่น้อย กลัวว่าหากมีคนมาที่เรือนจะผิดสังเกตเอาได้” “จริงเช่นเจ้าว่า เรื่องโต๊ะกินข้าวเอาไว้ก่อนเถิด เพียงแค่นี้ก็นับว่าดีมากแล้ว” หรันเยี่ยยิ้มแห้งออกมา หากพวกเขาได้เข้าไปเห็นสิ่งของด้านในมิติ ไม่ใช่ว่าจะตกใจมากกว่านี้หรอกรึ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม