พอหรันเยี่ยนางกินมื้อเที่ยงกับครอบครัวเรียบร้อยแล้ว ก็กลับเข้าไปในมิติ แม่ไก่ทั้งห้าตัวก็แกไข่มาพอดี ข้าวโพดในแปลงก็ถูกเสี่ยวไป๋เก็บเกี่ยวใส่กระสอบรอให้หรันเยี่ยนางนำไปให้ไก่กินแล้ว
“เรียบร้อยแล้ว” นางเก็บไข่ไก่ทั้งห้าใบใส่ตะกร้าแล้วยื่นให้เสี่ยวไป๋ พอไข่ทั้งตะกร้าหายไป ภายในมิติก็เกิดโรงสีข้าวกับโรงผลิตผักดองขึ้นมาทันที
ทุกอย่างก็ง่ายดายเพียงแค่กดปุ่มที่ตัวเครื่องของที่นางจะแปรรูปก็ถูกส่งเข้าไปภายในเครื่องโดยตรง ข้าวสารเมล็ดขาวเรียวก็ถูกบรรจุใส่ถุงกระสอบเตรียมออกจำหน่ายหรือนำไปกินได้ทันที
โรงงานผลิตผักดองก็เช่นกัน นางสามารถเลือกได้ว่าจะทำผักดองชนิดใดหรือต้องการดองหวานหรือดองเค็ม เพียงเท่านี้เครื่องก็จะทำงานของมันเอง ของที่ส่งออกมาก็ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบอยู่ภายในโรงเก็บของที่ขึ้นมาใหม่ไม่ห่างจากโรงเก็บผักสดนัก
“ข้าขุดแปลงเพิ่มได้แล้วใช่หรือไม่” หรันเยี่ยร้องถามเสี่ยวไป๋อย่างมีความสุข
“ได้ แต่เจ้ามิอยากรู้รึว่าด่านที่สี่เจ้าต้องทำอันใด”
หรันเยี่ยเหมือนจะลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท นางเบิกตากว้างอย่างตกใจ แล้วเอ่ยถามเสียงระรัวออกไป “ใช่ ใช่ ด่านที่สี่ข้าต้องทำอันใด”
“เจ้าต้องเก็บไข่ให้ได้ห้าพันฟอง”
“ห๊า...แล้วเมื่อใดจะได้ครบ” นางร้องเสียงหลงออกมา
“เจ้าก็ขายผักดองหรือข้าวสารของเจ้าเสียสิ จะได้มีเงินมาซื้อไก่เพิ่ม”
“แล้วราคาเป็นอย่างไรบ้าง”
“ผักดองไหละหนึ่งตำลึง ข้าวสารกระสอบละยี่สิบตำลึง ไก่ตัวละสามตำลึง”
“โหหหห ไก่ของเจ้าแพงเกินไปหรือไม่” หรันเยี่ยอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหู
“ราคากำหนดไว้เช่นนี้ ข้าไม่ใช่ผู้ตั้งราคาเสียหน่อย”
“เอาเถิด ข้าขอไปดูของก่อน ว่าจะขายแล้วซื้อไก่เจ้าได้กี่ตัว”
“ประเดี๋ยวก่อน...ไก่เล้าหนึ่งเลี้ยงได้ยี่สิบตัวเท่านั้น หากเจ้าต้องการเล้าไก่เพิ่ม เจ้าต้องมีข้าวโพดให้เต็มโรงเก็บสามโรงเสียก่อน”
“โอ๊ยยย มันยากกว่าเกมที่ข้าเคยเล่นเสียอีก” หรันเยี่ยขยี้ผมของตนเองอย่างหงุดหงิด
หากนางมีเงินมากพอ นางจะกดเติมเสียให้เต็มระบบ แล้วซื้อ ๆ ๆ ทุกอย่างให้เต็มที่ไปเลย
แต่สุดท้ายนางก็ต้องวิ่งไปที่โรงเก็บของเพื่อดูว่ามีสิ่งใดที่ขายพอจะซื้อไก่สิบห้าตัวบาง เครื่องผลิตผักดองของนางตอนนี้ทำออกมาได้เพียงแค่สามสิบไห หากขายหมด นางยังไม่พอจะซื้อไก่เลย
นางจึงเลือกที่จะขายข้าวสารสามกระสอบ แล้วนำเงินสี่สิบห้าตำลึงไปซื้อไก่สิบห้าตัว หรันเยี่ยมองข้าวสารสามกระสอบที่หายไปอย่างปวดใจ นางคิดจะนำออกไปให้ครอบครัวของนางได้ลองกินข้าวที่นางปลูก
“เอาน่า ประเดี๋ยวเจ้าก็ปลูกใหม่ได้” เสี่ยวไป๋ที่รู้ความคิดของนางจึงได้แต่ให้กำลังใจ
“อืม” หรันเยี่ยหันไปมองที่เล้าไก่ ความปวดใจก่อนหน้านี้พอจะทุเลาลงบ้าง
นางจึงหันไปจัดการขุดแปลงขึ้นมาอีกสามแปลงเพื่อปลูกข้าวโพดให้เต็มโกดังทั้งสามโรงก่อนที่จะคิดปลูกข้าวอีกรอบ
หรันเยี่ยนางออกจากมิได้พร้อมกับไหผักดองหลายไห ผักทั้งสองอย่างที่นางปลูกนางนำทั้งแบบดองหวานและดองเค็มออกไปให้ครอบครัวของนางได้ลองชิม
รสชาติแปลกใหม่ทำให้พวกเขากินอาหารคนหลายชาม ทั้งยังเอ่ยชมไม่ขาดปาก
“หากนำออกไปขายได้ คงดีไม่น้อย” นางหู่เหมยกินไปแล้วเอ่ยไป
“เมื่อผักในเรือนโต ท่านแม่จะนำออกไปขายก็ได้ ผู้อื่นก็ไม่สงสัยในเรื่องนี้ด้วย”
“จริงเช่นเจ้าว่า” นางหู่เหมยยิ้มกว้างอย่างยินดี อะไรที่ทำงานได้ นางล้วนแต่อยากจะทำทั้งนั้น
“ไว้ผักโตแล้วแบ่งไปให้เรือนท่านลุงหมานและชาวบ้านที่มาช่วยงานในวันนั้นด้วย” จ้าวซ่งเอ่ยออกมา เมื่อนึกถึงน้ำใจที่พวกเขาเคยช่วยเหลือตนไว้
“ได้เจ้าค่ะ” นางหู่เหมยรับคำทันที
แต่สีหน้าของนางก็หมองลง จนคนที่เหลือสังเกตเห็นได้ “ท่านแม่ ท่านเป็นอันใด” หรันเยี่ยเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อครู่ยังพูดคุยกันดีๆ อยู่เลย
“แม่อยากแบ่งไปให้เรือนท่านตาเจ้าบ้าง ไม่รู้ว่าทางนั้นเป็นเช่นใด” บ้านเดิมของนางหู่เหมยก็ไม่ใช่ว่าจะร่ำรวย ทั้งบิดามารดาและพี่ชายต่างรักนางไม่เปลี่ยนแม้จะออกเรือนมาแล้ว
เมื่อใดที่นางเดือดร้อนพวกเขาต่างก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือทุกครั้ง ครั้งล่าสุดที่นางได้เงินมา พวกเขาก็แทบจะขูดเลือดมาให้นางอยู่แล้ว
และไม่รู้ว่าทางบ้านเดิมจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของนางแล้วหรือยัง
“เรื่องเพียงเท่านี้ ท่านแม่รออีกสักหน่อยให้ชาวบ้านเลิกสนใจเรื่องขาของท่านพ่อ ท่านก็กลับไปที่บ้านท่านตาท่านยายแล้วนำข้าวของไปให้พวกเขาเถิด ข้ายังมีอีกมาก ท่านมิต้องห่วง”
“ขอบใจเจ้ามากเยี่ยเออร์” บุตรสาวนางอายุเพียงสิบสองหนาวเท่านั้น แต่จะต้องแบกรับภาระมากมาย
“ขอบคุณอันใดกัน ข้าเป็นบุตรสาวของท่านนะเจ้าคะ” หรันเยี่ยแสร้งงอนนางหู่เหมย
“ใช่ ใช่ เจ้าเป็นบุตรสาวของแม่”
หรันเยี่ยนางกลับเข้ามาจัดการเก็บไข่ในมิติ แต่ละวันของนางวิ่งวุ่นเช่นนี้อยู่ทั้งวัน นางต้องเข้าออกมิติวันละหลายครั้งเพื่อเก็บไข่
ผ่านมาได้ห้าวัน ตอนนี้นางเก็บได้เกือบหกร้อยฟองแล้ว ข้าวโพดในโรงเก็บทั้งสามโรงต่างก็มีอยู่เต็ม
เสี่ยวไป๋จึงมอบเล้าไก่เพิ่มให้นางอีกหนึ่งเล้า แต่นางก็ยังต้องซื้อไก่เพิ่มอีกสิบห้าตัวอยู่ดี หรันเยี่ยจึงขายผักดองของนางสี่สิบไห เพราะยังมีเงินคงเหลืออยู่ในระบบอีกเล็กน้อย จึงพอให้ซื้อไก่ไข่มาเพิ่มได้
ตอนนี้นางมีแปลงปลูกทั้งหมดสิบสามแปลง นางจึงปลูกข้าวสิบแปลงอีกสามแปลงนางใช้ปลูกผักกาดขาว เพราะครอบครัวของนางชอบกินผักกาดขาวดองเค็มมากกว่าแครอท
พอมีไก่ไข่มาเพิ่ม หรันเยี่ยก็เก็บไข่ได้ครบหลังจากที่ผ่านมาแล้วสิบสามวัน นางหยิบไข่ใบที่ห้าพันใส่ตะกร้าด้วยความยินดี ไม่คิดมาก่อนเลยว่าการรอคอยอย่างใจเย็นจะมีความสุขเช่นนี้เมื่อผ่านด่านแล้ว
“ข้าจะได้ของรางวัลอันใด” นางลืมถามเรื่องนี้ไปเลยในตอนแรก
“เจ้าจะได้เงินรางวัลหนึ่งร้อยตำลึง เงินก้อนนี้เจ้าสามารถนำออกไปใช้ด้านนอกได้”
“จริงรึ ดี ดียิ่ง” หรันเยี่ยกระโดดไปรอบๆ อย่างดีใจ นับว่าไม่เสียเปล่าที่นางวิ่งเข้าวิ่งออกมาสิบกว่าวัน
หรันเยี่ยมองถุงเงินที่มีเงินหนึ่งร้อยตำลึงอย่างดีใจ นางไม่รู้ว่าเงินเท่านี้หากเทียบกับโลกก่อนจะมีค่ามากน้อยแค่ไหน แต่นี่คือเงินก้อนแรงที่นางลงแรงด้วยตนเอง จึงอดที่จะภูมิใจไม่ได้
“ข้านำเงินไปให้ครอบครัวของข้าก่อน แล้วจะเข้ามาฟังเงื่อนไขด่านที่ห้า” หรันเยี่ยกลับออกไปทันที โดยไม่รอฟังว่าด่านต่อไปนางต้องทำอะไร
ตอนนี้คนทั้งเรือนกำลังนั่งถอนหญ้าอยู่ที่แปลงผัก อีกเพียงสิบกว่าวัน ผักกาดขาวที่ปลูกไว้ก็จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว แต่แครอทต้องใช้เวลานานกว่า อีกเกือบเดือนถึงจะเก็บเกี่ยวได้
“ท่านพ่อ ท่านแม่” นางร้องเรียกพวกเขาเสียงดัง ก่อนจะวิ่งออกมาจากเรือน
“มีอันใดรึ” จ้าวซ่งเอ่ยถามบุตรสาว
“นี่เจ้าค่ะ” นางยื่นถุงเงินให้ พร้อมทั้งยิ้มกว้างมองพวกเขา