เจ้าได้ยามาจากที่ใด

1469 คำ
จางซ่งรับขวดยามาดู พร้อมทั้งเปิดจุกออก ออกสิ่งที่อยู่ด้านใน ตัวยามิใช่น้ำอย่างที่เขาเคยเห็น เป็นเม็ดกลมๆ สีดำดูแปลกตาไม่น้อย “ต้องกินมากเพียงใด” เขาเทออกมามอง พร้อมทั้งเอ่ยถามออกมา “เอ่อ ท่านกินไปก่อนเถิด จะกินหมดเลยก็ได้” เรื่องนี้นางหู่เหมยก็ไม่ได้ถามมาเช่นกัน แต่เมื่อจางซ่งเทยาออกมาก็พบว่ามันมีนับสิบเม็ด เขาจึงลองนำใส่ปากเพียงแค่เม็ดเดียวก่อน เพียงยาถูกกลืนลงคอไปพร้อมกับน้ำ ความอุ่นร้อนที่กระจายไปทั่วร่างกายก็เกิดขึ้น ขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บปวดร้าวจนกัดฟันทนไม่ไหว “อ๊ากกกก” จางซ่งร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หากตั้งใจฟังให้ดี จะได้ยินเสียงกระดูกที่หักกำลังสมานกลับเข้าที่เดิมเสียงดังกร๊อบ “ทะ ท่านพี่ ท่านเป็นอันใดไป” นางหู่เหมยมือไม้สั่น เข้าไปจับตัวจางซ่งที่ดิ้นทุรนทุรายไว้ “ฮือออ ข้าไม่น่าให้ท่านกินเลย ฮึก...ฮืออ ข้าขอโทษ ท่านพี่ ท่านพี่” นางกอดจางซ่งไว้ พร้อมทั้งพร่ำร้องออกมาจากปวดใจ ลู่หรงกับลู่เฉิงที่อยู่ด้านนอก วิ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว พอเห็นบิดาดิ้นทุรนทุรายอยู่บนที่นอน ทั้งสองก็วิ่งเข้าไปหาพร้อมทั้งร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ “ท่านพ่อ/ท่านพ่อ” หรันเยี่ยที่อยู่อีกห้อง นางกำลังจะกินยาเช่นกัน แต่ก็ต้องตกใจกับเสียงร้องของทั้งสี่คนที่อยู่อีกห้องเสียก่อน นางจึงวางยาไว้ที่หัวเตียง พร้อมทั้งค่อยๆ ประคองตัวเองไปที่ห้องด้านข้าง เพื่อดูว่าเกิดอันใดขึ้น “เอ่อ...เฮ้ยยย เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร” นางร้องออกมาอย่างตกใจ ที่เห็นจางซ่งยังร้องคร่ำครวญไม่หยุด “เสี่ยวไป๋ เสี่ยวไป๋ เขาจะเป็นอันใดหรือไม่” นางสื่อสารกับเสี่ยวไป๋ในใจ “ไม่เป็นอันใด ผลข้างเคียงจากตัวยาเท่านั้น ประเดี๋ยวท่านพ่อของเจ้าก็จะลุกขึ้นมาวิ่งได้แล้ว” มันเอ่ยตอบเสียงหยานคางออกมา “เยี่ยเออร์ เจ้ามาแล้ว ยาของเจ้าเหตุใดท่านพ่อถึงได้เป็นเช่นนี้” นางหู่เหมยที่เห็นหรันเยี่ยเดินเข้ามา นางก็พุ่งตัวเข้ามาจับที่แขนของบุตรสาวทันที “เอ่อ...ประเดี๋ยวก็ดีขึ้นเจ้าค่ะ” นางเกาหัวด้วยไม่รู้จะอธิบายเช่นใดออกมาดี นับชั่วยามกว่าเสียงร้องของจางซ่งจะหยุดลง เนื้อตัวของเขามีแต่เหงื่อไคลที่ไหลอาบราวกับเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ เขานอนหอบหายใจ พรางยื่นมือออกมาเพื่อขอน้ำไปดื่มดับกระหาย ลู่หรงเห็นเช่นนั้นก็รีบรินน้ำส่งให้ผู้เป็นบิดาทันที “เอ่อ ทะ ท่านพ่อ ท่านดีขึ้นแล้วหรือไม่” หรันเยี่ยทำใจกล้าดินเข้าไปหาพวกเขาที่อยู่รอบๆ เตียงของจางซ่ง “อืม...ไม่เจ็บปวดแล้ว” เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าอาการเจ็บเนื้อตัวก่อนหน้านี้หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “จริงรึท่านพี่” นางหู่เหมยยังกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อยู่ นางยังไม่เชื่อว่าจางซ่งจะดีขึ้นแล้ว “อืม” “ท่านลองลุกขึ้นเดินดีหรือไม่” หรันเยี่ยอยากเห็นว่ายาของเสี่ยวไป๋จะดีจริงเช่นที่เขาพูดหรือไม่ จางซ่งเม้มปากแน่น เมื่อมองมาที่ขาข้างที่พันผ้าไว้ เขาลองยกขาลงมาจากเตียง ก็พบว่ามันไม่ได้เจ็บปวดแล้ว และสามารถบังคับขาทั้งสองข้างได้ตามใจตน ลู่หรงกับลู่เฉิงที่เห็นบิดากำลังจะลองลงจากเตียงเพื่อเดิน ทั้งสองก็เข้าไปขนาบคนละข้างเพื่อช่วยพยุง พอเท้าของจางซ่งแตะพื้นห้อง ทุกคนก็กลั้นหายใจอย่างลืมตัว “ดะ เดินได้ เดินได้จริงด้วย” นางหู่เหมยร้องขึ้นอย่างยินดี จางซ่งดันตัวบุตรชายฝาแฝดของตนออก เพื่อจะลองเดินด้วยตนเองดู ก็พบว่าเขาสามารถเดินได้จริงๆ ทั้งยังไม่มีอาการเจ็บปวดหลงเหลืออยู่เลย “เดินได้แล้ว หายแล้ว ข้าหายแล้ว” จางซ่งยิ้มกว้างเต็มใบหน้า มองมาทางภรรยาและลูกทั้งสามที่มองเขาอยู่เช่นกัน ฝาแฝดทั้งสองวิ่งเข้าไปกอดเอวผู้เป็นบิดาไว้แน่น มีเพียงหรันเยี่ยที่ยืนมองอยู่รอบนอกเท่านั้น แววตาของนางสั่นไหวอย่างประหลาด ด้วยไม่รู้ว่าเวลานี้ตนควรจะเข้าไปร่วมวงด้วยหรือไม่ “เยี่ยเออร์ มาหาพ่อเร็วเข้า” จางซ่งยื่นมือมาหาบุตรสาวอย่างรอคอย หรันเยี่ยเดินเข้าไปหาทั้งสี่คนช้าๆ นางเม้มปากแน่นอย่างเป็นกังวล จางซ่งดึงตัวบุตรสาวเข้ามาสวมกอดไว้แน่น หรันเยี่ยได้แต่ตื่นตระหนกร่างกายของนางแข็งทื่อไม่ยอมขยับเขยื้อนเลย “โอ๊ยยย” ร่างกายของหรันเยี่ยยังบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย เมื่อถูกกอดรัดจากทุกคนนางจึงร้องออกด้วยความเจ็บปวด จางซ่งและคนอื่นๆ รีบปล่อยตัวนาง พร้อมทั้งสำรวจร่างกายของหรันเยี่ยที่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ “เจ้าได้ยามาจากที่ใด บอกพ่อได้หรือไม่” ตอนนี้ทั้งหมดเดินออกมาจากห้องของจางซ่ง เพื่อพูดคุยกันแล้ว “เอ่อ...” หรันเยี่ยนางยังกังวล กลัวว่าทุกคนจะกลัวนาง หากพูดความจริงออกไปทั้งหมด “เจ้าอย่าได้พูดเรื่องที่มาจากโลกอื่นเล่า ไม่เช่นนั้นถูกจับไปเผา ข้าไม่รู้ด้วย” เสี่ยวไป๋เอ่ยเตือนนาง “หากข้าบอกพวกท่านไป จะเชื่อข้าหรือไม่เจ้าคะ” จางซ่งเห็นความกังวลในแววตาของหรันเยี่ย เขารีบพยักหน้ารับปากนางทันที “เจ้าพูดเถิด พ่อมิว่าอันใดเจ้า” “ตอนที่ข้าหมดสติไป พบเจอท่านเทพเจ้าค่ะ ท่านให้ของวิเศษกับข้า เพียงแต่ข้าจะต้องทำภารกิจให้ลุล่วงถึงจะได้ของรางวัลตอบแทน” “ภารกิจ คือสิ่งใด” จางซ่งยังไม่เข้าใจกับคำว่าภารกิจของนาง ฝาแฝดทั้งสองมองพี่สาวของตนอย่างสนใจ ยิ่งนางพูดเรื่องที่หมดสติ พวกเขาทั้งสองก็หวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง “เป็นสิ่งที่ข้าต้องทำให้ผ่านไปแต่ละด่านเจ้าค่ะ เอ่อ...เช่น ข้าต้องปรับหน้าดิน เพื่อจะได้ยามารักษาท่านพ่อ” นางไม่รู้จะอธิบายเช่นไรให้พวกเขาเห็นภาพ จึงได้อธิบายออกมาเช่นนี้ “ลำบากเจ้าแล้วเยี่ยเออร์” เมื่อรู้ว่าบุตรสาวต้องไปขุดดินทั้งที่ร่างกายยังบาดเจ็บเพื่อให้ได้ยามารักษาเขา จางซ่งน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาทันที “ไม่ ไม่ลำบากเจ้าค่ะ ข้าทำได้” นางเห็นทั้งสี่คนจะร้องไห้ ก็รีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “แล้วท่านพี่ไปขุดดินที่ใด ข้าอยู่ด้านนอกตลอดไม่เห็นว่าท่านจะออกมาจากห้องเลย” ลู่หรงเอ่ยถามออกมา “เอ่อ...ข้ามีมิติเป็นของตัวเอง” นางเกาแก้มพร้อมทั้งยิ้มแห้งๆ ออกมา “มิติ มิติคือสิ่งใด” ลู่เฉิงร้องถามออกมาอย่างสนใจ “มันเป็นสถานที่แห่งหนึ่ง มีพื้นที่โล่งสุดสายตา ข้าสามารถเข้าออกได้โดยหายตัวไปก็จะไปปรากฏอยู่ที่แห่งนั้น” “ห๊า” ทั้งสี่ร้องออกมาพร้อมกัน “แล้วจะเป็นอันตรายหรือไม่” นางหู่เหมยกลัวว่าบุตรสาวของนางจะหายไปตลอดกาล “ไม่ ไม่เจ้าค่ะ ข้าจะเข้าออกเมื่อใดก็ได้ ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็เข้าออกได้เช่นกัน” “ข้าเข้าไปด้วยได้หรือไม่” ลู่เฉิงลุกพรวดมายืนอยู่ข้างพี่สาวของตน “เอ่อ...ตอนนี้ยังไม่ได้ แต่หากเข้าได้ ข้าจะพาเจ้าเข้าไปด้วยดีหรือไม่” เมื่อเห็นสีหน้าที่ผิดหวังของลู่เฉิง หรันเยี่ยก็รีบร้องบอกเขาทันที “จริงรึท่านพี่” ดวงตากลมโตที่จ้องมองนางอย่างมีความหวัง หรันเยี่ยจะปฏิเสธได้อย่างไร “จริงสิ ข้าจะพาทุกคนเข้าไปด้วยแน่นอน” “แล้วอาการบาดเจ็บของเจ้า มิแบ่งยาที่ให้พ่อไปกินหรอกรึ” หรันเยี่ยรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ยิ่งนึกถึงอาการทุรนทุรายของจางซ่ง นางไม่กินอย่างแน่นอน “ไม่เจ้าค่ะ ข้าก็มียาของข้าเช่นกัน” “เช่นนั้น เจ้ารีบกินเสีย แม่จะอยู่ดูเจ้าเอง” หู่เหมยแม้จะหวาดกลัวเรื่องสามีของนาง แต่นางก็ต้องการให้บุตรสาวหายเช่นเดียวกับเขา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม