ตอนที่ 1
ถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง
กลิ่นกาแฟหอมฟุ้งไปทั่วโซนออกแบบภายในของ เอสดับบลิวโฮมส์ แต่ญาณิดาหรือดรีมมัณฑนากรสาววัย 25 ปี กลับไม่ได้รู้สึกสดชื่นไปกับกลิ่นที่คุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย เธอมองกระดาษแบบแปลนที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่ผิดหวังและคับข้องใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ดรีมแกยังไม่เลิกคิดเรื่องงานบ้านคุณธวัชอีกเหรอ” เสียงของวริษาหรือแยมเพื่อนซี้ตำแหน่งนักการตลาดเอ่ยขึ้นเมื่อเดินถือแก้วกาแฟเข้ามาแล้วเห็นเพื่อนเอาแต่นั่งเหม่อลอย
“จะไม่ให้คิดได้ยังไงล่ะแยม ก็มันเป็นผลงานของฉันแท้ๆ แต่พี่กรเขากลับบอกลูกค้าว่าเป็นงานของเขา” ญาณิดาบ่นด้วยความไม่พอใจก่อนจะรับกาแฟมาจิบ
“ฉันก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ฉันเห็นแกทุ่มเทกับมันมากยิ่งกว่าโปรเจกต์ใหญ่ที่ผ่านมาอีกนะ” วริษา
“ฉันอดหลับอดนอนเป็นอาทิตย์ๆ เพื่อให้งานมันออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ตั้งใจทำทุกรายละเอียด จนลูกค้าพอใจมากแต่สุดท้ายพี่กรกลับเคลมว่าเป็นของตัวเองหน้าตาเฉย” ดวงตาของญาณิดาเต็มไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวด
“พี่กรก็เป็นแบบนี้มานานแล้วนี่นา ชอบเอาเปรียบคนอื่นแต่ที่แปลกคือคุณสมเกียรติเชื่อว่าเป็นผลงานของเขา”
“ก็คงเพราะเห็นว่าเขาทำงานมานานกว่าฉันอีกอย่างเขาก็พูดต่อหน้าลูกค้าแล้วฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ” เธอพูดแล้วถอนหายใจ
“แกว่าผันผิดปกติไหมที่จู่ๆ พี่กรเขาก็สนใจงานเล็กๆ นี่มันแค่บ้านพักตากอาอาศเองนะ” วริษาตั้งข้อสังเกต
“นี่มันเป็นงานเล็กก็จริงแต่ฉันได้ยินมาว่าคุณธวัชเขาแผนมีจะทำบ้านจัดสรรหรูและการตกแต่งภายในครั้งนั้นจะเป็นใบเบิกทาง ฉันแทบจะกระโดดตัวลอยตอนคุณธวัชบอกว่าชอบไอเดียการใช้แสงและวัสดุมาก แล้วพี่กรก็พูดว่า ขอบคุณครับคุณธวัช นี่คือไอเดียที่ผมคิดขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับบ้านของคุณเลยครับ”
“แบบนี้โคตรหน้าด้าน” วริษาสถบออกมาเบาๆ เพราะกลัวคนอื่นในแผนกจะได้ยิน
“ฉันเหมือนน้ำท่วมปากเลยแก”
“คุยอะไรกันเสียงดังเชียวสองสาว”
ญาณิดากับวริษาหันไปมองศิวกรหรือพี่กรรุ่นพี่มัณฑนากรวัย 27 ปีที่ญาณิดาเคยให้ความนับถือและสนิทสนมด้วยมากที่สุด ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า มือข้างหนึ่งถือแฟ้มงาน อีกข้างถือแก้วกาแฟเช่นกัน
วริษามองศิวกรด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แต่ญาณิดาพยายามเก็บอาการ เธอไม่ต้องการให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่าเดิม
“ไม่มีอะไรค่ะพี่กร แค่คุยเรื่องงานกันนิดหน่อย” ญาณิดาตอบเสียงเรียบ พยายามไม่สบตาอีกฝ่าย
“งานอะไรเหรอ หรือว่างานบ้านคุณธวัช”
“ใช่ค่ะ เรื่องที่พี่กรบอกว่ามันเป็นผลงานของพี่” ญาณิดาพยายามควบคุมน้ำเสียงให้ดูอ่อนลง
“ก็ปกติดรีมเป็นลูกน้องที่อยู่ในความดูแลของพี่ไง” ศิวกรหัวเราะเบาๆ
“แต่งานนี้ดรีมทำเองทั้งหมดนะคะ”
“แล้วถ้าเราบอกลูกค้าไปว่างานที่นำไปเสนอเป็นของมัณฑนากรที่เพิ่งทำงานมาไม่ถึงสองปีดรีมคิดว่าลูกจะค้าจะยังไว้ใจเราไหมล่ะ งานแบบนี้ประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญนะ” ศิวกรอธิบาย
“แต่มันไม่ยุติธรรมเลย”
“เอาน่าดรีมอย่าคิดมากเลย ถ้าเราได้งานโครงการบ้านจัดสรรของคุณธวัชพี่จะบอกผู้จัดการให้เพิ่มโบนัสให้ตกลงไหมล่ะ”
“แต่ทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะคะพี่กร” วริษาท้วงขึ้น
“เรื่องบางอย่างมันก็ไม่ต้องการความถูกต้องหรอกนะ บางครั้งความถูกใจก็ต้องมาก่อน”
“แยมไม่คิดเลยว่ารุ่นพี่ที่ดูน่าเคารพจะทำแบบนี้ เราก็เห็นกันอยู่ว่ายัยดรีมตั้งใจทำงานนี้มากแค่ไหนแต่สุดท้ายพี่ก็ชุบมือเปิบ”
“แล้วเธอคิดว่าถ้าฉันไม่ช่วยพูดกับผู้จัดการเพื่อนของเธอจะได้โอกาสเข้ามาทำงานที่นี่ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์ไหมล่ะแยม” ศิวกรพูดแล้วมองหน้าวริษาอย่างไม่พอใจ
“พี่กรพูดแบบนี้คือกะจะไม่ให้ยัยดรีมมีผลงานอะไรเลยเหรอคะ รุ่นพี่ที่ไหนเอาเปรียบรุ่นน้องตลอด”
“แยมพอเถอะ” ญาณิดารีบปรามเพื่อน
“ไม่เป็นไรดรีม ช่างเถอะ พี่เข้าใจว่าเธอสองคนอาจจะยังเด็ก ยังไม่เข้าใจโลกการทำงานเท่าไหร่” เขาพูดแล้วหัวเราะ
“โลกการทำงานแบบที่พี่กรทำอยู่เนี่ยนะคะ ที่ใครอยากจะได้อะไรก็แค่ช่วงชิงไปจากคนอื่นเนี่ยเหรอคะ” ในที่สุดญาณิดาก็หลุดปากพูดความรู้สึกจริงๆ
“ดรีมเธอพูดอะไรออกมาน่ะ” น้ำเสียงของศิวกรเริ่มแข็งขึ้น
“ก็พูดความจริงไงคะพี่กร งานออกแบบบ้านคุณธวัช เป็นผลงานของญาณิดาทั้งหมด พี่กรรู้ดีแก่ใจว่าพี่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบเลย” ญาณิดากำหมัดแน่น
“พี่ไม่คิดเลยนะดรีมจะกลายเป็นคนแบบนี้ ไม่รู้จักบุญคุณคนที่เคยช่วยเหลือ”
คำว่า ‘บุญคุณ’ ทำให้ญาณิดาอึ้งไปชั่วขณะ
“ถ้าพี่ไม่แนะนำเธอให้คุณสมเกียรติ ใครจะรู้ว่าเธอจะได้เข้ามาทำงานที่เอสดับบลิวโฮมส์”
ญาณิดานิ่งเพราะสิ่งที่ศิวกรพูดมันก็ถูกต้องแล้ว เธอจำได้ดีว่า เมื่อสองปีก่อน ตอนที่เธอกำลังหางานหลังเรียนจบ ศิวกรซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยและสนิทสนมกันมากได้แนะนำเธอให้กับคุณสมเกียรติ ผู้จัดการของบริษัทเอสดับบลิวโฮมส์และจากนั้นหญิงสาวก็ได้เข้ามาทำงานที่นี่
“นั่นมันก็แค่การแนะนำไม่ใช่เหรอคะพี่กร มันไม่เกี่ยวอะไรกับการที่พี่มาเคลมผลงานของดรีมนะ” ญาณิดาพยายามตั้งสติและถามออกไปอีกครั้ง
“เธอคิดว่าไม่เกี่ยวเหรอ” ศิวกรหัวเราะในลำคอ เขามองหน้ารุ่นน้องแล้วส่ายหน้าช้าๆ
“ดรีมคิดว่ามันไม่เกี่ยวกันเลยนะคะ เรื่องแนะนำนั่นมันก็ตั้งเกือบสองปีแล้วนะคะ”
“ถ้าพี่ไม่แนะนำเธอเข้ามารับผิดชอบงานออกแบบในบริษัทใหญ่ๆ แบบนี้ เธอจะมีความสามารถได้โชว์ผลงานแบบนี้ได้ยังไง” ศิวกรพูดจบก็รีบเดินออกจากบริเวณนี้ออกไปเพราะตอนนี้คนในแผนกเริ่มสนใจการพูดคุยของพวกเขามากขึ้นแล้ว
“ใจเย็นนะดรีม ฉันเชื่อว่าสักวันความจริงจะปรากฏ รอคุณสมเกียรติกลับมาก่อน แกค่อยไปบอกเขาก็ได้”
“ฉันหวังว่าถึงวันนั้นเขาจะฟังสิ่งที่ฉันจะพูดน่ะ ญาณิดาพูดอย่างมีความหวัง