ดลธรรมเดินกลับมาที่รถ เขาก็เห็นปณิชญาออกมาเรียกแท็กซี่จากนั้นก็ขึ้นรถออกไปจากหน้าโรงพยาบาล
เขากับหญิงสาวเลิกกันได้สองปีแล้ว สาเหตุก็เพราะปณิชญามีคนอื่นและไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของดลธรรม
ชายหนุ่มยอมรับว่าทั้งโกรธและเสียใจ แต่เวลาผ่านไปก็ทำใจยอมรับได้ อะไรที่มันไม่ใช่ของตัวเองเขาก็ไม่อยากจะรั้งไว้ ถึงตอนนี้เธอก็ไม่มีอิทธิพลกับเขาอีกแล้ว
แต่คนที่กำลังเข้ามาอิทธิพลกับหัวใจของเขาทีละนิดกลับเป็นพาลิน คุณครูของหลานชายที่ทำให้เขาใจเต้นแรงตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ แม้ตอนนั้นจะรู้ว่าอีกคนนั้นมีแฟนแล้วแต่ความรู้สึกก็ยังคงเหมือนเดิม
เขาไม่รู้ว่าพาลินจะกลับถึงหอพักหรือยังเพราะนี่ก็ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้วที่ดลธรรมออกมาจากศูนย์การค้า เพราะเป็นห่างและรู้สึกผิดที่ปล่อยให้พาลินเดินคนเดียวและกลับคนเดียวเขาจึงรีบโทรหา
“ครับพี่โดม ธุระเรียบร้อยแล้วเหรอครับ” ปลายสายถามอย่างเป็นห่วง
“ครับ โอเคแล้ว กลับถึงหอหรือยัง”
“ยังครับ ผมว่าจะดูหนังแล้วค่อยกลับ”
“ดูกับใคร” เขารีบถาม
“คนเดียวครับ”
“หนังฉายกี่โมง”
“หกโมงครับ”
“จองตั๋วให้หน่อยสิ เดี๋ยวไปดูด้วย”
“อีก 45 นาทีพี่จะมาทันเหรอครับ”
“คิดว่าทันนะ”
พาลินรีบเดินไปจองตั๋วเพิ่มอีกหนึ่งใบ ยังโชคดีที่ไม่มีใครจองที่นั่งข้างเขา
ชายหนุ่มยืนกระสับกระส่ายอยู่หน้าโรงหนังเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้วแต่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของดลธรรม
พาลินไม่รู้ว่าตอนที่คนพี่โทรมาหานั้นเขาอยู่ที่ไหน ไกลจากที่นี่มากหรือเปล่าถึงได้มาช้านัก ชายนหุ่มตัดสินใจเข้าไปดูหนังคนเดียวโดยฝากตั๋วไว้กับพนักงานด้านนอก แต่ก็ไม่ลืมที่จะไลน์บอกดลธรรม
นั่งดูหนังไปได้ไม่ถึงสิบยี่สิบนาทีดลธรรมก็ตามเข้ามา พาลินส่งแก้วเครื่องดื่มให้เขาเพราะได้ยินเสียงหายใจหอบของอีกคน เดาว่าเขาคงรีบวิ่งมาอย่างแน่นอน
ตลอดเวลาสายตาพาลินจับจ้องอยู่ที่จอด้านหน้า เขาเลยไม่เห็นว่าคนที่นั่งอยู่ด้านข้างนั้นไม่ได้สนใจที่จะหันไปมองด้านหน้าเลย
ดลธรรมเอาแต่นั่งจ้องใบหน้าของพาลินแทบไม่วางตาเพราะอีกคนตั้งใจดูหนัง เขาเลยถือโอกาสนี้นั่งมองให้หายเหนื่อย พาลินเป็นผู้ชายที่ใบหน้าหวานสวยราวกับผู้หญิง แต่ลักษณะนิสัยนั้นเหมือนผู้ชายโดยทั่วไป ไม่ได้อ่อนปวกเปียกจนทำอะไรด้วยตัวเองแทบไม่ได้
เรื่องแฟนเก่าพาลินก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจแล้ว ดลธรรมนึกถึงตัวเองตอนที่เลิกกับปณิชญา ตอนนั้นเขาเสียอาการไปถึงสามเดือน ผิดกับพาลินที่กลับมาเข้มแข็งได้ในเวลาไม่ถึงเดือน
เพราะเหตุนี้มันเลยทำให้ดลธรรมชอบพาลินมากขึ้น ชอบที่พาลินเป็นคนมองไปข้างหน้า มองแค่อนาคตไม่ได้จมปลักอยู่กับความทรงจำในอดีต
เกือบสองชั่วโมงในโรงหนังเป็นช่วงที่ดลธรรมได้ใกล้ชิดกับพาลินมากกว่าวันไหน ยิ่งได้อยู่ใกล้ก็ยิ่งอยากเป็นเจ้าของ เขาไม่รู้ว่าเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ได้นานแค่ไหน
“ขอโทษนะครับพี่โดมที่ผมเข้ามาก่อน” พาลินเอ่ยขึ้นหลังจากออกมาจากโรงหนังแล้ว
“ไม่เป็นไร พาลินทำถูกแล้ว”
“ผมคิดว่าพี่จะโกรธที่ไม่ยอมรอ”
“จะโกรธทำไม พี่มาช้าเอง ไม่คิดว่ารถจะติดขนาดนี้”
“พี่ไปไหนมาเหรอครับ” พาลินเดินตามเข้ามายังร้านไก่ทอดเจ้าดัง
“จะเอาชุดไหนพี่จะไปเอาให้ กลับมาจะเล่าให้ฟัง”
“เอาชุดที่สองครับ เพิ่มขนาดเฟรนซ์ฟรายส์ด้วยนะครับ”
ระหว่างนั่งรอพาลินก็อัพรูปตั๋วหนังในไอจีอย่างที่ชอบทำ ทุกความทรงจำจะเก็บไว้ในนี้ เอาไว้ย้อนดูว่าในแต่ละวันได้ผ่านเรื่องราวอะไรมาแล้วบ้าง แต่ก็เลือกเก็บเฉพาะความทรงจำที่ทำให้มีความสุข เพราะฉะนั้นรูปของกันต์ธีร์เลยถูกลบออกจนเกลี้ยง
“พี่โดม จะกินหมดไหม” พาลินมองไก่ในจานกับเฟรนซ์ฟรายส์แล้วก็นึกไม่ออกว่าจะกินเข้าไปยังไงให้หมด
“ไม่หมดก็เอาไปฝากน้องขนุน”
“ใครคือน้องขนุนครับ” พาลินถามด้วยความสงสัย
“หมาจรหน้าคอนโดน่ะ”
“อ๋อ” ตอบรับพลางพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหยิบน่องไก่ขึ้นมากัดอย่างเอร็ดอร่อย
ดลธรรมมองแล้วยิ้ม ไม่คิดว่าอีกคนจะทำตัวง่ายๆ สบาย แบบนี้
“ชอบกินเหรอ”
“ครับ แต่ไม่ค่อยกินบ่อยเท่าไหร่” เขาเป็นคนชอบกินฟาสต์ฟูดมากแต่พอคบกับกันต์ธีร์ก็แทบไม่ได้เขาร้านฟาสต์ฟูดเลย
“กินแบบนี้ทำไมตัวผอม”
“ผอมที่ไหน ผมมีกล้ามนะ ถ้ามือไม่เปื้อนจะเปิดให้ดูเลย”
“เล่นกล้ามด้วยเหรอ”
“เปล่าครับแค่ไปยิมบ้างก็เท่านั้น”
“อือ ก็ดีนะจะได้แข็งแรง”
“พี่ล่ะ”
“ส่วนใหญ่จะว่ายน้ำ”
“คอนโดพี่มีสระนี่นะ สงสัยผมต้องหาคอนโดที่มีสระบ้างแล้ว”
“ไปว่ายที่คอนโดพี่สิ” ชวนแล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคอนโดของตัวเองเป็นที่เดียวกับแฟนเก่าของพาลิน
“ไม่ดีกว่าครับ ผมเป็นคนนอก”
“ที่ไม่อยากไปเพราะกลัวเจอใครหรือเปล่า”
“ก็ประมาณนั้นครับ”
“ยังไม่ลืมเขาใช่ไหม”
“เรื่องลืมคงยากครับเพราะรู้จักมานาน แต่ไม่ได้คิดอะไรแล้วครับ มันคืออดีต”
“งั้นก็ไม่เห็นต้องกลัวเลย ไปวันนี้เลยไหม”
“เอาไว้วันหลังดีกว่าครับ วันนี้ผมกวนพี่มาทั้งวันแล้ว”
“ไม่ได้กวนอะไรเลย พี่ออกมากับเราก็สนุกดี” แล้วเขาก็นึกออกว่ายังไม่ได้ตอบคำถามของอีกคนว่าเมื่อตอนบ่ายวันนี้เขาไปไหนมา
“ผมนึกว่าพี่จะเบื่อ”
“ไม่นะ แต่ถ้าเบื่อจะบอกละกัน”
“ครับ พี่พูดกับผมตรงๆ ได้เลย”
“แล้วยังอยากรู้ไหมว่าวันนี้ตอนบ่ายพี่ไปไหนมา”
“พี่โดมอยากเล่าไหมล่ะครับ แต่ผมได้บังคับ แล้วแต่พี่นะครับ”
ดลธรรมหัวเราะก่อนจะเล่าว่าเขาไปไหนและไปทำอะไรมา พาลินก็นั่งฟังอย่างตั้งใจขณะที่มือก็หยิบเฟรนซ์ฟรายส์เข้าปากไปเรื่อย
“ผมว่าพี่ยังมีเยื่อใยนะครับ” พาลินบอก
“ไม่หรอก พี่ลืมบอกว่าเขาเป็นน้องสาวพี่ปรานต์ พี่ก็เลยไปในฐานะญาติคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
“พี่ปรานต์พ่อน้องเบจิงน่ะเหรอครับ”
“อือ”
“ผมเข้าใจละ ถ้าอย่างนั้นพี่จะไปก็ไม่แปลก แต่ในมุมมองของผมนะ เธอคงอยากคืนดีนั่นแหละ”
“คิดว่าไงล่ะ”
“ถ้ายังรู้สึกดีก็ควรให้โอกาสนะครับ มันอยู่ที่พี่ตัดสินใจ”
“สำหรับพี่อดีตก็คืออดีต จบก็คือจบ”
“สุดยอด ใจเด็ดมาก ว่าแต่ที่ไม่ยอมกลับไปคบเพราะว่าเธอแต่งงานแล้วหรือเปล่า”
“ไม่เกี่ยวเลย ถ้ารักใครสักคนพี่ไม่สนอดีตของเขาหรอก ต่อให้เขาเป็นคนไม่ดี แค่สำหรับเราถ้ารักแล้วก็เลือกที่จะมองข้ามทุกอย่างไป”
“ก็จริงครับ ผมก็คิดแบบนั้น ถ้ารักยังไงก็รักแต่ถ้าไม่รัก ต่อให้ทำดียังไงเขาก็ไม่รัก คนเราถ้าเขาไม่รักก็ถอยแค่นั้น เหมือนผมไง พอรู้ว่าเขาหมดใจก็จบ เจ็บตอนนี้ยังดีกว่าโดนหลอกไปเรื่อยๆ ถ้าวันนั้นผมไม่แวะไปก็คงโง่อีกนานเลย”
“พาลินไม่โง่หรอก แค่ไม่ทันคน”
“ใครจะคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดละครับ มันเป็นที่ผมเชื่อใจเขามากด้วยครับเชื่อว่าเขาจะซื่อสัตย์กับเรา”
“มันเป็นเรื่องใหญ่เลยสำหรับคนรักกันนะ ซื่อสัตย์ ไว้ใจเชื่อใจ”
“ผมว่าความใกล้ชิดก็มีส่วนนะพี่”
“ต่อให้มีใครมาใกล้ชิดแค่ไหนแต่ถ้าเราซื่อสัตย์เรื่องนอกกายนอกใจก็คงไม่เกิด”
“แต่ผมเข้าใจนะว่าผู้ชายก็คงมีนอกลู่นอกทางบ้าง”
“ใจกว้างนะเราน่ะ แสดงว่าแฟนไปมีอะไรกับคนอื่นเราก็ไม่ว่าอะไรอย่างนั้นเหรอ”
“เปล่าครับ
“อ้าว”
“ผมหมายถึงถ้าผมมีแฟน แล้วเขานอกลู่นอกทางก็เลิกครับ”
“พูดแบบนี้หมายถึงพร้อมจะมีคนใหม่แล้วเหรอ”
“ยังครับแค่พูดไว้ก่อน แล้วพี่โดมล่ะ ไม่คิดจะหาแฟนสักคนเหรอ”
“ก็ดูๆ อยู่บ้าง”
“ผมเอาใจช่วยนะครับ ไม่รู้ว่าผมกับพี่ใครจะมีแฟนก่อนกัน”
“นั่นสินะ” ดลธรรมแอบมองหน้าพาลินแล้วก็ยิ้มกับคำพูดของพาลิน เพราะคิดว่าทั้งเขาและพาลินต้องมีแฟนพร้อมกัน
นั่งทานจนอิ่มไก่ทอดก็ยังไม่หมด ดลธรรมเลยต้องเก็บเอาไปฝากเจ้าขนุนอย่างที่พูดไว้แต่แรก