พาลินรีบเปิดประตูขึ้นมานั่งข้างคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยเจ้าของรถถึงได้เหยียบคันเร่ง
“หอพักอยู่ที่ไหน” คนตัวโตหันมาถาม
“ส่งผมที่ป้ายรถเมล์ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมกลับเองได้”
“ลองบอกมาก่อนว่าหออยู่ที่ไหน เผื่อเป็นทางผ่านจะได้ไปส่ง” เขาตั้งใจว่าถึงแม้จะไม่ใช่ทางผ่านแต่ก็จะไปส่งคุณครูของหลานชายเพราะเวลาดึกอย่างนี้ให้นั่งรถเมล์กลับก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“อยู่หน้ามหาลัยxx ครับ”
“งั้นก็ทางเดียวกัน คอนโดพี่อยู่เลยไปอีกนิด” ดลธรรมไม่ได้โกหกคอนโดของเขาอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไม่ถึงสองกิโล
“ครับ งั้นก็ต้องรบกวนด้วย” พาลินดีใจที่ไม่ต้องนั่งรถเมล์กลับ เขาไม่ชอบการไปยืดเบียดกันบนรถเมล์และยิ่งในเวลาดึกแบบนี้รถเมล์บางสายก็หยุดวิ่งไปแล้ว แต่จะให้นั่งแท็กซี่แถวนี้ก็เรียกรถยากพอจะเรียกแกรปก็ต้องรอคิวเกือบชั่วโมง
พาลินรู้สึกเกร็งที่ต้องนั่งรถมากับผู้ชายที่เพิ่งเจอกันแค่วันแรก แต่อีกคนคงไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเพราะดูเขาผ่อนคลาย ฮัมเพลงมาตลอดทาง
พาลินแอบมองเสี้ยวหน้าของดลธรรมเป็นระยะ นับว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อมากคนหนึ่ง ใบหน้าออกไปทางลูกครึ่งผมสีน้ำตาลเข้ม ตาคม คิ้วเฉียงขึ้นเสริมเสน่ห์ให้ดูน่าค้นหา รูปร่างสูงโปร่ง ไหล่กว้างแต่ลำตัวไม่หนา ดูจากสายตาคงสูงไม่ว่า 185 แน่ๆ เพราะขนาดเขาที่สูง 170 ยังดูตัวเล็กเมื่อเทียบกับอีกคน
“ถ้าใกล้ถึงแล้วบอกนะ” เสียงทุ่มฟังแล้วหัวใจของคนฟังเต้นแรง
“ครับ” พาลินต้องพยายามกดความรู้สึกของตัวเองไว้ เขาต้องท่องอยู่ในใจว่า ‘เรามีแฟนแล้ว’
“ปกติเวลาสอนเสร็จแล้วกลับยังไง”
“นั่งรถเมล์ครับ บางครั้งแฟนก็มารับครับ”
ดลธรรมชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ
“แล้ววันนี้แฟนไปไหนทำไมถึงไม่มารับ เขารู้ไหมว่าเราจะกลับดึกอย่างนี้”
“ไม่ว่างครับ” พาลินไม่แน่ใจว่าทำไมกันต์ธีร์ถึงไม่ว่าง เขาไม่กล้าถามเพราะกลัวอีกคนจะโกรธ
“มันดึกมากเลยนะ เขาไม่ห่วงเราเลยเหรอ”
“เขาคงมีธุระสำคัญจริงๆ นั่นแหละครับ ปกติผมไม่ได้กลับดึกแบบนี้ แต่วันนี้มาช้าไปหน่อย” ถึงไม่รู้ว่าอีกคนทำอะไรอยู่ถึงมารับไม่ได้แต่ก็ไม่อยากให้เขาดูแย่ในสายตาคนอื่น
ดลธรรมชำเลืองมองคนที่นั่งข้างๆ ถ้าเป็นเขาคงไม่ปล่อยให้แฟนต้องกลับเองเป็นอันขาด ถึงจะเป็นผู้ชายแต่บางครั้งพวกโจรผู้ร้ายมันก็ไม่เลือกเพศ
แม้จะแอบผิดหวังที่อีกคนมีแฟนแล้ว แต่เขาก็ยังอดห่วงไม่ได้ ไม่รู้จะห่วงในฐานะอะไรหรือบางทีเขาก็แค่ห่วงเพราะอีกคนเป็นคุณครูของหลานชาย
“พี่โดมจอดข้างหน้าเลยครับ หอผมเข้าไปในซอยอีกนิดเดียว มันกลับรถยาก” ชายหนุ่มคนน้องชี้ไปยังปากซอยที่อยู่ข้างหน้า
“ไม่ไกลแน่นะ” ไหนๆ ก็มาส่งแล้วก็อยากจะส่งให้ถึงที่หมาย
“แน่ครับ เดี๋ยวไปถึงแล้วผมโบกมือให้”
“ขอเบอร์ไว้หน่อยได้ไหม”
“ได้ครับ”
เขากรอกตัวเลขสิบหลักลงบนโทรศัพท์หรู แล้วเจ้าของก็รับไปแล้วกดโทรออก แต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียง
“ผมเปิดสั่นไว้ครับ เบอร์นี้ใช่ไหมครับ” พาลินยกโทรศัพท์ของตัวเองให้ดลธรรมดู
“อือ เมมไว้ด้วยนะ เผื่อวันไหนต้องกลับดึกแล้วแฟนไม่ว่างก็โทรตามพี่ได้” ไม่รู้อะไรดลใจให้พูดออกแบบนั้น
“ได้เหรอครับ”
“ได้สิ เราเป็นครูของเบจิงนี่”
“ครับ ขอบคุณครับ” พาลินยิ้มกว้าง เพิ่งรู้ว่าสถานะคุณครูของน้องเบจิงมีสิทธิ์โทรให้น้าชายของเด็กน้อยมารับได้ด้วย
พาลินเดินไปยังหอพักพอถึงก็โบกมือให้เขาอย่างที่บอก แต่รถคันหรูก็ยังไม่ออกไปสักที ชายหนุ่มจึงกดโทรศัพท์ไปยังเบอร์เมื่อครู่
“พี่โดม ผมถึงหอแล้ว โบกมือแล้วนะ”
“อือเห็นแล้ว”
“อ้าว ผมก็นึกว่าไม่เห็นแล้วทำไมพี่ยังไม่กลับล่ะ”
“ก็รอให้ขึ้นหอไปก่อน หน้าหอเรามันมืดมาก”
“ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่มาส่ง” พาลินกดวางสายแล้วเดินเข้าหอพักไป
เขารู้สึกอบอุ่นที่มีคนเป็นห่วงแบบนี้ ถ้าเป็นกันต์ธีร์เขาก็แค่มาส่งแล้วก็กลับ ไม่เคยมีสักครั้งที่รอให้พาลินเข้าหอไปก่อน และไม่เคยขึ้นไปบนหอของเขาเลยสักครั้ง
แต่เป็นพาลินเองที่ต้องไปค้างกับเขาที่คอนโดเวลาที่เขามารับ แม้จะเป็นแฟนกันมาหกเดือนและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว แต่ความรู้สึกกลับไม่เหมือนกันแรกที่ได้รู้จักกัน
ตอนเขามาจีบกับตอนที่เป็นแฟนกันมันต่างกันจนเห็นได้ชัด ยิ่งมีอะไรกันแล้วเขาก็ไม่ค่อยเอาใจอย่างเดิม วันไหนอยากให้ไปนอนด้วยก็มารับ วันไหนไม่มีความต้องการก็เงียบหาย
พาลินพยายามจะเข้าใจเขาเพราะตอนนี้แฟนหนุ่มเรียนจบและเพิ่งได้เข้าทำงานในบริษัทขนาดใหญ่ เขาจึงไม่ค่อยเวลาอย่างเคย
และที่เขาไปสอนน้องเบจิงช้าก็เพราะวันนี้เขาไปรอกันต์ธีร์ที่บริษัท แต่พอถึงเวลาเลิกงานชายหนุ่มกลับบอกว่าไม่ว่างและมาส่งพาลินไม่ได้
เขาไม่โกรธแต่รู้สึกน้อยใจมากกว่า ถ้าบอกเขาก่อนสักนิดว่าไม่ว่างมาส่งเขาจะได้ไม่ต้องไปนั่งรอให้เสียเวลา
ที่มาเป็นครูสอนพิเศษก็เริ่มจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยให้ไปช่วยสอนลูกของคนรู้จัก จากนั้นก็เริ่มสอนมาเรื่อยๆ เขารับลูกศิษย์แค่ครั้งละคนเท่านั้นเพราะยังต้องแบ่งเวลาไปเรียน แต่ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมกำลังจะขึ้นปีสี่ พาลินเลยไปสมัครเป็นผู้ช่วยสอนที่โรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่ง
พาลินวางเป้ลงบนโต๊ะกลางห้อง จากนั้นรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะโทรหาคนรัก แต่อีกฝ่ายปิดเครื่องเขาจึงได้แต่ทิ้งข้อความไว้ในไลน์
เที่ยงคืนกว่าพาลินก็เริ่มง่วง เขาเก็บหนังสือเข้าที่จากนั้นโทรหาแฟนหนุ่มอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิมคือเขาปิดเครื่อง หรือบางทีแบตก็อาจจะหมด พาลินจึงเข้านอนโดยไม่ได้คุยกับกันต์ธีร์อย่างเคย
ก่อนหน้าที่จะตกลงเป็นแฟนกัน เขาโทรหาทุกวัน วันละหลายรอบ การได้คุยกับกันต์ธีร์ก่อนนอนถือเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ทำให้เขานอนหลับอย่างมีความสุข รู้สึกอบอุ่น รู้สึกดีที่มีคนคุยก่อนนอน แต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป ชายหนุ่มเย็นชาขึ้น และมีเวลาให้เขาน้อยลง
ทุกอย่างคงจะดีขึ้นถ้าหากงานของกันตฺธีร์ลงตัวมากกว่านี้ และถึงตอนนั้นพาลินก็หวังว่าเขาจะมีความสุขมากกว่านี้
กำลังจะล้มตัวลงนอนโทรศัพท์ในมือก็สั่น เขารีบยกขึ้นมาดู คนที่โทรเข้ามาไม่ใช่แฟนหนุ่มที่เขากำลังรออยู่ แต่เป็นชายอีกคนที่มาส่งเขาเมื่อครู่
“สวัสดีครับพี่โดม”
“ขอโทษที่โทรมาดึกนะ พี่จะถามว่าเฟรชไดร์ฟรูปกระดูกหมาเป็นของเราหรือเปล่าที่เห็นมันอยู่บนเบาะ”
“ครับของผมเอง มันคงร่วงตอนที่ล้วงโทรศัพท์ ผมฝากพี่ไว้ก่อนนะครับ”
“ไม่มีงานสำคัญในนี้ใช่ไหม รีบใช้หรือเปล่า”
“ไม่มีครับ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่เอาไปฝากไว้ที่บ้านพี่แพรนะ เราต้องมาสอนเบจิงทุกวันอยู่แล้วใช่ไหม”
“ครับ สอนจันถึงศุกร์ครับ ขอบคุณนะครับ”
“อือ งั้นพี่ไม่กวนแล้วรีบไปนอนเถอะดึกแล้ว”
“พี่เพิ่งถึงคอนโดเหรอครับ ไหนว่าอยู่เลยไปหน่อยเดียวทำไม่เพิ่งถึง” เพราะตั้งแต่เขาส่งจนถึงตอนนี้ก็เกือบจะสามชั่วโมงแล้ว
“แวะดื่มกับเพื่อนครับ เลยกลับดึกหน่อย แต่เดี๋ยวก็นอนแล้ว”
“งั้นผมไปนอนแล้วนะครับ”
“ครับ”
วางสายไปแล้วมือก็ยังถือโทรศัพท์อยู่ ใบหน้าสวยยิ้มเมื่อคิดถึงใบหน้าของคนที่โทรมาหา
“ท่องไว้สิพาลิน เรามีแฟนแล้ว” พาลินย้ำกับตัวเองอีกครั้ง ถึงแม้จะรู้สึกดีที่ได้คุยกับเขาแต่มันไม่ถูกต้องเพราะนี้ตัวเองมีแฟนอยู่แล้วและก็ไม่ควรรู้สึกอะไรแบบนี้กับผู้ชายคนอื่น
แต่พอจะหลับใบหน้าของดลธรรมก็เข้ามากวนใจอยู่เรื่อย พาลินเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรูปถ่ายของตนเองคู่กับกันต์ธีร์เพื่อย้ำว่าตอนนี้คนที่ควรคิดถึงคือคนที่อยู่ในรูปมากกว่าคนที่เพิ่งวางสายไป