สีหน้ารัชชัยมีแต่ความลำบากใจ ได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว
“ผมมีความจำเป็น โมช่วยเข้าใจและรอผมหน่อยเถอะนะ”
“ไม่ค่ะ โมไม่เข้าใจ” เธอสวนกลับทันควัน พร้อมกับชักมือกลับ
มือหนาของคนที่กุมอากาศอยู่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เป็นไปดังที่เขาคากการณ์ไม่ผิดเพี้ยน โมฬีไม่พร้อมจะเข้าใจและยิ่งไม่คล้อยตามเขา ถึงอย่างนั้นรัชชัยก็ยังพยายามอดทนอธิบาย
“ไม่เอาน่าโม คุณอย่าเป็นแบบนี้สิ ผมทำทุกอย่างก็เพื่อเรานะ คุณช่วยอดทนเพื่อผมหน่อยจะได้มั้ย”
“เพื่อเรา?” โมฬีแค่นยิ้ม “คุณทำทุกอย่างก็เพื่อตัวเองมากกว่า ไม่เคยมีคำว่าเราหรอกค่ะ”
ทั้งที่เขาพูดก็แล้ว อธิบายจนปากเปียกปากแฉะแล้ว แต่คนที่เขารักก็ยังดื้อดึงไม่ยอมรับฟังเขาเสียที รัชชัยจึงชักจะหงุดหงิด เผลอขึ้นเสียงใส่เธอ
“ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจฮึโม ทำไมถึงไม่เห็นใจผมบ้าง คุณไม่อยากให้ผมลืมตาอ้าปากได้รึไง ถ้าผมได้ดี คุณก็พลอยสบายไปด้วยนะ”
“ฉันต้องเข้าใจคุณ ด้วยการส่งคุณไปขึ้นเตียงเป็นสามีของผู้หญิงคนอื่นงั้นเหรอ”
“มันก็แค่สองปีเท่านั้น แค่รอให้ผมได้ตำแหน่ง CEO มาไว้ในมือก่อน หลังจากนั้นผมจะหย่ากับเขา แล้วมาแต่งงานกับคุณ”
“ได้! คุณอยากจะแต่งจะหย่ากับใคร ฉันก็ไม่ห้าม แต่ต้องไม่มีฉันรวมอยู่ในลิสต์ของคุณด้วย”
โมฬีถอดแหวนคืนวางลงตรงหน้าแฟนหนุ่ม ก่อนจะลุกขึ้นหันหลังจากจากไป เธอเสียเวลาและเสียอารมณ์กับเขามากพอแล้ว ยิ่งคุยกันก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง ไม่รู้รัชชัยเอาหัวแม่เท้าข้างไหนคิดเรื่องทุเรศแบบนี้ออกมาได้ เธอรู้สึกปวดหัวตุบๆ อยากจะหลบไปอยู่คนเดียวเงียบๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยสักพัก
ทว่าก้าวขาเพียงไม่กี่ก้าว ข้อมือเธอก็ถูกมือหนาฉุดรั้ง หญิงสาวกลอกตาแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับแฟนหนุ่มอีกครั้ง มองสบแววตาเว้าวอนของเขาด้วยสีหน้าเย็นชา รัชชัยกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกน้ำเสียงอ่อนหวานของสาวสวยข้างหลังเอ่ยแทรกขึ้นเสียก่อน
“รัชคะ” เจ้าหล่อนเดินมาเกาะแขนเขาอย่างสนิทสนม ทำราวกับมองไม่เห็นว่ารัชชัยกำลังจับมือถือแขนโมฬีอยู่ หล่อนยิ้มหวานเอ่ยกับเขาอย่างออดอ้อนว่า
“ดีใจจัง เพ็กกี้ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่”
รัชชัยยิ้มเจื่อนๆ รีบปล่อยมือออกจากโมฬีหันมากุมมือวราภัคทันที เอ่ยถามเสียงนุ่มว่า
“คุณมาทำอะไรที่นี่ครับเพ็กกี้”
“เพื่อนๆ มาเลี้ยงฉลองสละโสดให้เพ็กกี้ค่ะ คุณก็มาสนุกด้วยกันสิคะ”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะตามไป ขอผมคุยกับ...เพื่อน อีกสองสามคำนะครับ” รัชชัยตอบแบ่งรับแบ่งสู้ เขามองโมฬีอย่างขอร้องว่าไม่ให้เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเรา
โมฬีกระตุกยิ้ม แค่มองสำรวจผู้หญิงตรงหน้าเพียงปราดเดียวเธอก็เข้าใจ เจ้าหล่อนเหมือนหงส์แสนสวย มีฐานะร่ำรวยล้นฟ้า ใช้ชีวิตอยู่ในวงสังคมชั้นสูงหรูหรา เท้าแทบไม่เคยแตะดิน วันๆ เอาแต่คอยเชิดหน้าคอยาวเป็นกระเหรี่ยง ท่วงท่าวางมาดแสนจะเย่อหยิ่ง เคยชินกับการที่ผู้คนพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจ
ผู้หญิงคนนี้ต่างจากเธอลิบลับ เทียบระดับความไฮโซกันไม่ติดฝุ่น เธอเหมือนก้อนกรวดตามพื้น แต่หล่อนเหมือนเพชรล้ำค่าในตู้โชว์
หากรัชชัยจะเลือกอนาคตของตัวเองด้วยการแต่งงานกับหล่อน ก็ไม่ถือว่าผิดอะไร มนุษย์ทุกคนย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองก่อนเสมอ
ก็ใช่... เธออาจไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้า ไม่มีหน้ามีตา ไม่สามารถเชิดชูส่งเสริมสามีให้รุ่งเรืองเฟื่องฟูได้เหมือนอย่างวราภัค แต่เธอก็มีสิ่งหนึ่งที่ต้องรักษา
‘ศักดิ์ศรี’
แม้จะมีเพียงน้อยนิดจนดูเหมือนไร้ค่าในสายตาของใครต่อใคร รวมถึงแฟนหนุ่มของเธอ แต่เธอจะไม่มีมีวันดูถูกตัวเอง ไม่มีวันลดค่าตัวเอง และไม่คิดจะขายศักดิ์ศรีเพื่อแลกกับเศษเสี้ยวของความรักที่ต่ำตม
เธอไม่มีวันยอมเป็น ‘เมียน้อย’ ของรัชชัยเป็นอันขาด!
“ถ้าหากว่ารัชหมดรักโมแล้วละก็ งั้นเราก็เลิกกันไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเถอะ”
เธอยื่นคำขาดต่อหน้าเขาและผู้หญิงของเขา ลองวัดใจกันดูว่าสุดท้ายแล้วเขาจะเลือกใคร ต่อให้เธอจะชอบผู้ชายคนนี้มากถึงขั้นใกล้เคียงกับคำว่ารัก แต่เธอยอมเจ็บดีกว่าจะยอมกินน้ำใต้ศอกคนอื่น
“ก็ตามใจ”
รัชชัยหน้าตึง คำพูดที่ออกมาจากปากง่ายๆ ราวกับเขาไม่เคยมีความรู้สึกต่อเธอ ทำให้หัวใจของโมฬีกระตุกวูบ หล่นหายไปในหลุมดำที่มืดมิดชั่วพริบตา หัวใจหดเกร็งบีบรัดแน่นเหมือนใครเอามีดมาปักอก เจ็บจนลมหายใจสะท้าน ปอดลีบโหวงเหวงราวกับไม่มีอากาศอยู่เลย
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าพริ้มเพรา ยิ่งเจ็บมากเท่าไร สีหน้าของคนยิ้มก็ยิ่งเย็นชามากเท่านั้น
“ก็ดี งั้นต่อไปนี้เราก็ทางใครทางมัน ไม่ต้องมาคบ ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก”
โมฬีประกาศก้อง จ้องหน้ารัชชัยเขม็ง ก่อนจะเบนสายตาไปยังผู้หญิงคนใหม่ของเขา เจ้าหล่อนเชิดหน้ามองเธออย่างเย่อหยิ่ง โมฬีกระตุกยิ้มเยาะให้วราภัค แล้วกล่าวอวยพรพวกเขาราวกับยินดีปรีดาเสียเต็มประดา
“สุขสันต์วันหมั้นนะคะ ขอให้หญิงร่านกับชายมั่วอย่างพวกคุณสมสู่กันไปนานๆ จะได้ไม่ต้องไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใครอีก”
สีหน้าของรัชชัยและวราภัคเปลี่ยนไปทันที ไม่ใช่แค่คำพูดหยาบหยาม กิริยาที่โมฬีชูนิ้วกลางใส่พวกเขาก็ช่างหยาบคายไม่มีใครเกิน ความมีหน้ามีตาเป็นบุคคลในวงสังคมทำให้เขาพวกเขาอับอายและขุ่นเคือง อยากจะฉีกเนื้อคนพูดออกเป็นชิ้นๆ
แต่โมฬีไม่อยู่รอให้พวกเขาได้สวนกลับ เธอเดินเชิดหน้าออกจากร้านอาหารอย่างไม่แยแส ขณะก้าวผ่านก็จงใจกระแทกไหล่เปลือยของวราภัค เธอชะงักเล็กน้อย ยิ้มหวานแล้วยกมือปัดหัวไหล่ตัวเองราวกับกลัวว่าจะติดเสนียด ก่อนจะก้าวเดินต่อไปอย่างผ่าเผย
“กรี๊ดดด...!” วราภัคกระทืบเท้า ยืนกรีดร้องเร่าๆ ตวัดสายตามองแฟนหนุ่ม เอ่ยเสียงแหลมเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “เพ็กกี้ไม่ยอมนะคะรัช ไม่ยอม! คุณต้องจัดการเรื่องนี้”