“หล่ออะ สเปกเลย” โมฬีมองผู้ชายตรงหน้าไม่วางตา มือก็สะกิดเพื่อนรักยิกๆ
รดิศปรายตามองคนพูดที่อยู่ในมุมมืดแสงสลัว ก่อนจะรีบเดินออกมาเร็วปร๋อ เขาไม่ใคร่ดีใจกับคำชมของเจ้าหล่อนนัก เพราะเคยชินกับเรื่องแบบนี้มานักต่อนักแล้ว
อีกอย่างเขาไม่กระตือรือร้นอยากจะทำความรู้จักหรือสานสัมพันธ์กับผู้หญิงขี้เมา เพราะนอกจากจะยุ่งวุ่นวายจนน่ารำคาญแล้ว กลิ่นของเจ้าหล่อนยังไม่น่าพิสมัยอีกต่างหาก บางรายแย่ถึงขั้นอาเจียนไม่เป็นที่เป็นทางเสียด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจก็ก้าวขายาวๆ ตรงไปยังที่นั่งด้านในซึ่งเพื่อนฝูงจับจองอยู่ ผิดกับโมฬีที่นั่งพึมพำอะไรบางอย่าง
“ทำไมรู้สึกว่าหน้าคุ้นๆ”
“ใคร?” จารวีที่หัวทิ่มแหมะอยู่บนเบาะค่อยๆ ตะกายตัวลุกนั่ง เอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“นู่นไง ผู้ชายเสื้อเชิ้ตขาวที่นั่งอยู่โต๊ะในสุด”
จารวีหรี่ตาเพ่งมองตามที่โมฬีพยักพเยิดชี้นิ้วให้ดู เห็นหนุ่มสาวหลายคนร่วมวงก๊งเหล้ากันอยู่อย่างครื้นเครง แต่มีคนเดียวที่หล่อนรู้สึกคุ้นตาและรู้จักอยู่บ้างผิวเผิน ชายที่นั่งเหยียดแขนพิงพนักด้วยท่วงท่าสูงสง่าและดูขี้เล่นในเวลาเดียวกัน
“อ๋อ... นั่นน่ะคุณเล็ก เพื่อนพี่ชายฉันเอง”
“แกรู้จักเขาเหรอ”
“นิดหน่อย...”
รดิศ วัฒนาโภคิน หนุ่มโสดฉกรรจ์วัยสามสิบเจ็ดปี เจ้าของบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหารและการบันเทิงทุกแขนง ถึงจะเป็นลูกหลงคนสุดท้องของเจ้าสัวแรมกับดวงพรเมียเด็ก แต่ก็เก่งกาจมากความสามารถ รอบจัดและมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล จนแย่งชิงตำแหน่งประธานผู้บริหารสูงสุดของบริษัทในเครือ R & V อินเตอร์เนชันแนล จำกัด (มหาชน) จากบรรดาพี่ชายทั้งสองของลูกเมียเก่าได้อย่างไม่ยากเย็น
เมื่อหลายวันก่อนครอบครัวจารวีเชิญเขามาทานอาหารที่บ้าน ซ้ำยังกำชับให้หล่อนคอยดูแลเอาใจเขา ซ้ำยังเปิดทางโล่งโจ้งให้รดิศจีบหล่อนได้อย่างไม่อาย นัยว่าไหนๆ ก็ดองเป็นพันธมิตรทางธุรกิจแล้ว ก็อยากจะดองเป็นครอบครัวเดียวกันด้วยเสียเลย
อาหารเย็นมื้อนั้นทำให้ทั้งจารวีและรดิศอิหลักอิเหลื่อจนกลืนข้าวไม่ลงไปตามๆ กัน หลังจากวันนั้นหล่อนเลยไม่ยอมกลับบ้าน อยู่โยงที่คอนโดยาวๆ เพราะไม่ชอบวิธีการคลุมถุงชนที่แสนจะเชยและล้าสมัยแบบนั้น
รดิศไม่ใช่สเปกหล่อน... เขาเองก็ไม่เคยแสดงออกว่าสนใจหล่อน... ถึงจะหลับหูหลับตาคบๆ กันไปก็จะมีแต่อึดอัดใจกันเปล่าๆ
เออ... ถ้าเป็นยัยโมก็ว่าไปอย่าง ขานั้นชอบผู้ชายหน้าตี๋ๆ ขาวๆ หุ่นบางๆ ดูสำอางแบบนี้สุดๆ
จารวีเหลือบมองรดิศอย่างพินิจอีกที จะว่าไปเหมือนหล่อนจะได้ยินว่าเขาเกี่ยวข้องกับครอบครัวของรัชชัยด้วยใช่ไหมน้า หากฟังไม่ผิดเหมือนจะเป็นเครือญาติกัน
น่าจะใช่... เพราะพวกเขานามสกุล วัฒนาโภคิน เหมือนกัน ดูจากอายุของรดิศแล้วคาดว่าจะเป็นน้องชายคนละแม่กับพ่อของรัชชัย ก็หมายความว่า
เขาเป็นอาของรัชชัย!
การประมวลผลจากคำบอกเล่าของพี่ชาย ทำให้จารวีตาเบิกโตวาววับอย่างเจ้าเล่ห์ หล่อนมีไอเดียที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากการถูกจับคู่แล้ว และยังสามารถช่วยโมฬีแก้แค้นแฟนเก่าได้ในคราเดียวกันด้วย
“โม... แกรู้มั้ยว่าคุณเล็กเป็นใคร”
“ไม่รู้อะ” โมฬีส่ายหัวดิก แต่ชื่อเขาฟังแล้วรู้สึกสะดุดหูอีกเหมือนกัน คงจะเพราะชื่อโหลดละมั้ง
“จะบอกอะไรดีๆ ให้ฟัง คุณเล็กเป็นอาของไอ้หมารัช”
“อา!?”
โมฬีตะลึงไปชั่วขณะ แต่พอลองคิดๆ ดูเหมือนรัชชัยจะเคยบ่นๆ กับเธออยู่นะ เธอเองก็ไม่ได้สนใจมากนัก ฟังจากน้ำเสียงเขาดูไม่ค่อยชอบคุณอาคนนี้สักเท่าไร รัชชัยมองว่าญาติคนนี้เหมือนศัตรูคู่อาฆาตที่คอยขัดขวางความเจริญของเขา
“แล้วไง?”
เธอมองไปยังเสี้ยวหน้าที่หล่อสมบูรณ์แบบ แล้วพูดอย่างไม่ยี่หระ ถึงคุณอาเล็กที่ว่าจะหล่อระดับพระเอกตรงใจเธอทุกอย่าง โดยเฉพาะหุ่นแซ่บๆ แต่ถ้าเป็นญาติโกโหติกากับแฟนเก่าที่เพิ่งสร้างแผลสดๆ แล้วราดทิงเจอร์ซ้ำ ทำให้เธอเจ็บแสบ เธอขอบาย! ไม่อยากรู้จักมักจี่ด้วยเลยสักนิด
“แกไม่อยากเอาคืนไอ้หมารัชรึไง” จารวีเกริ่นหว่านล้อม
“เอาคืนยังไง?” ไม่ได้คิดจริงจัง แต่ก็อดหูผึ่งไม่ได้
“เป็นอาสะใภ้ของไอ้หมารัช”
“เฮ้ย! บ้าเหรอแก”
“ต้องบ้า! ถึงจะฟัดกับไอ้หมาขี้เรื้อนอย่างมันได้สะใจ ทีมันยังควงผู้หญิงคนอื่นมาเย้ยแกได้เลย แกก็ห้ามแพ้ ควงอาเล็กไปไปเหยียบหน้าไอ้หมารัชซะเลย”
จารวีพูดอย่างเข่นเขี้ยว ทำราวกับฝ่าเท้าของหล่อนกำลังบดขยี้หน้าของรัชชัยอยู่อย่างนั้นแหละ