คนส่งของ

1331 คำ
พิมพ์พันดาวยืนนั่งมองแปลนร้านขายยาที่บิดาเป็นคนรับอาสาจะติดต่อช่างและคนงานแล้วก็นึกขัดใจเพราะดูแล้วแบบที่ได้มามันไม่ทันสมัยเอาเสียเลย เธออยากได้ร้านขายยาที่โดนเด่นทันสมัยใครเห็นก็จะต้องอยากเข้ามาซื้อแต่ที่ได้มานั้นเป็นร้านแบบเรียบง่าย มีห้องน้ำเล็กๆ อยู่ด้วยซึ่งเธอคิดว่ามันไม่จะเป็นเลยเพราะเธอเดินเข้ามาใช้ห้องน้ำที่อยู่ห่างจากหน้าบ้านไม่ถึง 20 เมตรได้สบายอยู่แล้ว “พ่อค่ะพิมพ์ว่ามันไม่โอเคเลยแบบมันเรียบเกินไปนะคะ ที่พิมพ์บอกพ่อคือให้เขาออกแบบให้ทันสมัยที่สุดดูแล้วน่าเข้าที่สุด” “พ่อก็บอกเขาไปแบบนั้นแหละ” “แต่ที่ได้มามันไม่ใช่เลยนะคะ” “คนออกแบบเขาบอกว่าคนแถวนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวบ้านทั่วไป เขาไม่กล้าเข้าร้านหรูๆ หรอกนะลูกเขากลัวราคาจะแพง” “แต่พิมพ์ไม่คิดจะขายราคาแพงเลย พิมพ์ว่าจะขายเท่าร้านในเมืองเลยนะคะพ่อ” “แต่คนอื่นเข้าไม่รู้กับเรานะ กว่าเขาจะรู้ก็คงอีกนานแล้วพิมพ์บอกพ่อเองไม่ใช่เหรอว่าอยากขายยาถูกคุณภาพดีมาให้ชาวบ้านเขาจะได้ไม่ต้องไปซื้อในเมือง แต่ถ้าร้านดูหรูหรามากๆ ชาวบ้านไม่เชื่อหรอกว่าราคาจะถูก พ่อว่าเน้นเรียบง่ายแต่ดูสะอาดดีกว่านะ พิมพ์ก็จะได้ไม่ต้องจ่ายเงินเยอะด้วย” “แต่พิมพ์ไม่ชอบเลยมันดูเชยมาก” “ถ้าไม่ชอบพ่อจะบอกเขาเปลี่ยนแบบให้ก็ได้แต่ก็รอนานหน่อยนะช่วงนี้งานเขาเยอะ แล้ววันนี้ช่างก็นัดเขาเอาของมาส่งแล้วด้วยนะ” “เราไปจ้างคนอื่นก็ได้นี่คะพ่อ” “ช่างที่พ่อติดต่อให้เขาเป็นช่างมีฝีมือ ถ้าไปติดต่อคนอื่นพ่อก็กลัวว่างานจะออกมาไม่ดีนะลูก พ่อว่าหนูลองคิดตามที่พ่อพูดดูสิว่ามันจริงไหม” เพิ่มศักดิ์พยายามพูดให้ลูกสาวได้คิดเพราะเขาเองก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคนออกแบบ พิมพ์พันดาวนั่งนิ่งและคิดทบทวนคำพูดของบิดาแล้วเธอก็เริ่มจะเห็นด้วยเพราะจุดประสงค์ที่เธอเปิดร้านขายยาก็เพื่อให้ชาวบ้านได้ซื้อยาในราคาถูก ที่เธอทำแบบนี้ได้ก็เพราะตอนอยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ในกรุงเทพตนเองรู้จักเซลล์ขายยาหลายคนจึงรู้ดีว่าจะติดต่อซื้อของพวกนี้ได้ที่ไหน อีกทั้งพี่สาวและพี่เขยก็เป็นหมอทั้งคู่เรื่องหายาราคาถูกจึงไม่ใช่เรื่องยาก “แล้วห้องน้ำล่ะคะพิมพ์ว่ามันไม่จำเป็นเลยค่ะ” “พ่อบอกเขาให้ทำเผื่อไว้นะ บางทีลูกค้าเขาออกมาจากบ้านแวะซื้อของมาหลายที่ว่าจะมาซื้อยาเขาอาจจะอยากใช้ห้องน้ำก็ได้ คนแถวนี้ก็รู้จักกันทั้งนั้นบางทีเวลาพ่อไปตลาดยังไปขอเขาห้องน้ำที่ร้านเขาเลย ส่วนเรื่องทำความสะอาดพ่อจะให้แป้งไปทำให้พิมพ์จะได้ไม่ต้องเหนื่อย” “พิมพ์แล้วแต่พ่อเลยค่ะ แต่ถ้าคนไหนพิมพ์ไม่รู้จักพิมพ์ก็ไม่ให้ใช้ห้องน้ำนะ” “ถ้าอย่างนั้นห้องน้ำคงไม่มีคนใช้หรอกคนแถวนี้ไม่ค่อยมีใครรู้จักลูกเลย” พิมพ์พันดาวนั้นออกจากบ้านไปเรียนมหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุ 19 พอเรียนจบเภสัชกรก็สอบบรรจุและทำงานที่กรุงเทพมาตลอด จนตอนนี้หญิงสาวอายุ 29 ย่าง 30 จึงขอย้ายงานมาทำที่โรงพยาบาลในตัวอำเภอที่อยู่ห่างจากบ้านเพียงสามกิโลเมตร “เดี๋ยวอยู่ไปพิมพ์ก็คงรู้จักคนเพิ่มมากขึ้นเองค่ะพ่อ” “ช่วงที่พิมพ์เปิดร้านใหม่พ่อจะไปช่วยด้วยดีไหมล่ะ พ่อรู้จักคนเยอะนะ” “ก็แน่สิคะพ่อเป็นครูสอนที่โรงเรียนประจำอำเภอตั้งสามสิบกว่าปีมีใครบ้างที่ไม่รู้จักพ่อ” “ถ้าหนูอยากรู้จักคนเยอะก็ตื่นเช้าไปตลาดกับพ่อสิ” “เอาไว้รอให้พิมพ์ว่าง นะคะพิมพ์ค่อยไปกับพ่อตอนนี้พิมพ์เพิ่งย้ายมางานที่โรงพยาบาลยังไม่เข้าที่เท่าไหร่เลยค่ะ” “แค่ไปตลาดตอนเช้าใช้เวลาไม่นานหรอก เราจะได้บอกคนอื่นเข้าด้วยไงล่ะว่าตอนนี้กำลังจะปิดร้านขายยา พ่อว่าลูกค้าของหนูต้องเยอะแน่ๆ” “ก็ดีเหมือนกันนะคะ การตลาดแบบนี้น่าจะเข้ากับคนที่นี่ดี แต่ว่าตอนนี้พิมพ์ขอตัวไปหน้าบ้านก่อนนะคะเหมือนได้ยินเสียงรถเอาของมาส่งแล้ว” “วันนี้ของแค่มาส่งอีกสองวันคนงานถึงจะเริ่มเข้ามาทำ” “ทำไมล่ะคะพ่อพิมพ์นึกว่าจะเริ่มเลยจะได้เสร็จไวๆ” “วันมะรืนเป็นวันมงคล พ่อไปให้พระที่วัดท่านดูให้” พิมพ์พันดาวไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี่เท่าไหร่แต่เห็นว่าอีกสองวันก็ไม่ช้าจนเกินไปเลยไม่ได้ว่าอะไรแต่ถ้าให้รอนานกว่านี่ก็คงไม่ยอมเพราะเธออยากจะรีบทำทุกอย่างให้เสร็จตามกำหนดที่วางแผนไว้ รถหกล้อจอดที่หน้าบ้านขนขับลงมาจากรถเมื่อสอบถามแล้วว่าส่งที่บ้านหลังนี้เขาก็กลับขึ้นไปบนรถอีกครั้งก่อนจะถอยเข้ามาในบริเวณรั้วบ้านซึ่งพื้นบริเวณที่จะทำเป็นร้านขายนั้นอยู่ภายในรัวแต่ด้านหน้าจะติดกับถนนใหญ่ คนงานสองคนช่วยกันเอาของลงจากรถขณะที่ชายอีกคนที่เพิ่งลงมาจากรถได้แต่ยืนมอง “นายไม่คิดจะช่วยเพื่อนหน่อยเหรอ” “ผมเหรอ” “ก็นายนั่นแหละ เอาแต่ยืนดูเพื่อทำงานแล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะเอาของลงรถหมดล่ะ ตัวก็โตกว่าเขายังจะเอาเปรียบอีก” พิมพ์พันดาวเป็นคนไม่ชอบเห็นใครถูกเอาเปรียบจึงบอกชายสวมหมวกแก๊ปที่ยืนนิ่งให้มาช่วยชายอีกสองคนที่ตัวเล็กกว่าเขา “ผมเพิ่งลงมาจากรถยังไม่ทันได้ยืดเส้นยืดสายเลย” “สองคนนั้นไม่เห็นจะต้องยืดเส้นยืดสายอะไรเลย นายเอาเปรียบมากกว่าเดี๋ยวฉันจะบอกเถ้าแก่ที่ร้านว่านายอู้งาน” “อย่าบอกนะครับคุณผมไม่อยากตกงาน” เขารีบเดินไปยังด้านหนังรถที่คนงานสองคนกำลังช่วยกันเอาของลงอยู่ “พี่ไม่ต้องช่วยหรอกกลับบ้านไปเถอะครับ” “ไม่เป็นไร ฉันว่าช่วยก็สนุกดีเหมือนกันนะ” เขาหัวเราะแล้วหันไปทางลูกสาวเจ้าของบ้านที่เพิ่งเห็นตัวจริงก็วันนี้เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเห็นแต่ในรูปที่บิดาเธอมักจะเอาไปอวดเขาอยู่บ่อยๆ “ถ้าคุณตะวันรู้ล่ะครับ” “เรามากันสามคนนะถ้านายสองคนไม่บอกเขาก็ไม่รู้หรอก ไม่ดีเหรอที่ได้ฉันมาช่วยอีกคน” “ดีสิครับ มีคุณมาช่วยงานจะได้เสร็จเร็วเย็นนี้พวกผมนัดกันไปงานวัดด้วย” “งานวันมีถึงวันไหน” “คืนนี้คืนสุดท้ายแล้วครับ ผมจะไปป่าลูกโป่งเอาตุ๊กตามาให้สาว” “เอาแค่ให้สองสามตัวก็พอนะ อย่าเอาเยอะพวกนายเล่นซ้อมกันทุกวันฉันกลัวเจ้าของร้านจะเจ๊งเอา” “คุณไม่น่าดักคอผมเลยผมกะจะเอาหลายๆ ตัวสักหน่อย” ทั้งสามคนหัวเราะเสียงดังจนหญิงสาวที่กลับเข้าไปในบ้านแล้วต้องเดินออกมาดูและทำหน้าดุใส
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม