[ Khun nai part ]
ช่วงสายวันต่อมา...
“อย่าลืมกินยาที่ฉันซื้อมาด้วย”
เหอะ!!
ฉันตื่นมาอ่านโน้ตที่ติดอยู่ตรงหัวเตียงด้วยความรู้สึกที่แบบอยากจะหัวเราะให้ลั่นห้องไปเลยกับความห่วงใยของเขาผ่านตัวหนังสือ ก่อนจะละสายตาออกแล้วปรายตามองไปรอบห้องเพื่อหาตัวการเขียนแทน แต่สิ่งที่ฉันพบกลับเป็นโน้ตแบบเดิมที่ติดตามเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เต็มไปหมด ก่อนจะสะดุดตากับยาคุมโง่ๆที่เขาตั้งใจซื้อให้อยู่บนโต๊ะพร้อมน้ำเต็มแก้วอย่างเรียบร้อย
เหอะ! เหอะ! ไอ้บ้าเอ๊ยฉันก็นึกว่าเป็นห่วง...
นี่เขากลัวว่าฉันลืม มองไม่เห็น หรือกลัวฉันไม่รู้ว่าควรจัดการตัวเองยังไงเหรอถึงมาติดโน้ตเต็มห้องฉันแบบนี้ แล้วความรู้สึกดีที่ฉันเสียเมื่อกี้คืออะไร ฉันนึกว่าห่วงใยซื้อยาแก้ปวดให้ฉัน ที่ไหนได้กลัวฉันท้อง เหอะ!
หงุดหงิดโว้ย!
แล้วไม่ต้องถามด้วยนะว่าหมอนั้นอยู่ไหน เพราะฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาหายหัวไปตั้งแต่ตอนไหน ตื่นมาก็เห็นที่นอนข้างๆว่างเปล่าไร้ตัวตนของเขาแล้ว แต่ช่างเขาเถอะจะไปไหนก็ไป รำคาญ!
พรึบ!
“s**t* อี๋~อะไรเนี่ย!!”
ฉันสบถคำหยาบออกมาอย่างโมโหทันทีเมื่อเปิดผ้าห่มออกมาเจอน้ำกามของหมอนั้นแห้งเกรอะกรังเต็มหน้าขาฉันไปหมด ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำกามที่หมอนั้นปล่อยออกมาหรืออะไรยังไงแต่มันจำเป็นต้องเยอะขนาดนี้ไหม
“นี่อดอยากปากแห้งมากเลยหรือไงเต็มขาขนาดนี้เนี่ย” ฉันบ่นกระปอดกระแปดคนเดียวอย่างหัวเสีย ก่อนจะพยุงร่างกายที่เสมือนคนโดนรุมโทรมเดินเข้าห้องน้ำอย่างช้า ๆด้วยความปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว
เดี๋ยวเถอะถ้าเจอตัวเมื่อไหร่มีเจ็บตัวแน่ที่ทิ้งฉันไว้คนเดียว!
หลายชั่วโมงต่อมา...
ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยด้วยชุดอยู่ห้องกางเกงขาสั้นเสื้อเอวลอยใส่แว่นกรองแสงนั่งดูรายการทีวีกลางห้องโถงของห้องอย่างเบื่อหน่าย หลังจากที่ทานข้าวทานยาคุมยาดักไข้เสร็จ
วันนี้ฉันคงไม่ได้ออกไปไหนนอกจากนอนอุดอู้อยู่ในห้องเพราะดูจากสภาพตัวเองแล้วไม่น่าจะเดินไหว ฉันเลยได้แต่นอนเล่นนั่งเล่นโทรศัพท์สลับกับดูรายการทีวีไปอย่างเบื่อหน่าย
ไลน์~
ฉันเหลือบมองโทรศัพท์ที่นอนแหมะอยู่ข้างๆ เมื่อมีไลน์เข้ามาก่อนจะพลิกโทรศัพท์ดูว่าใครไลน์มา...
“...”
แต่พอเห็นว่าเป็นไลน์จากลูน่าฉันก็ถอนหายใจออกมาทันที เพราะฉันรำคาญมันนะสิ เรื่องเมื่อคืนที่ฉันเมาแล้วไปก่อกวนนาย กองทัพกับผู้หญิงคนหนึ่งอะ ฉันจำได้ทุกฉากเลยนะ รวมถึงเรื่องที่ฉันบอกว่านายกองทัพชอบฉันจนเขาทำหน้าหงุดหงิดใส่ฉัน ฉันก็จำได้เหมือนกัน
เนี่ยแค่คิดถึงตาบ้านั้นฉันก็อารมณ์เสียแล้ว คนบ้าอะไรเอาเสร็จก็หายหัวไปเลย ปากพร่ำบอกว่าฉันเป็นเมียอย่างนู้นอย่างนี้ เป็นเมียแล้วทำไมไม่ดูแล ปล่อยให้อยู่คนเดียวทำไม
-__-
Line::
Lunazz: คุมแม่ค้า~ ตื่นยังเอ่ย อัปเดตหน่อยเรื่องที่กลับกับพ่อหนุ่มแลมโบสีดำกร้าวใจเมื่อคืน ยังไงอะคะ// ยื่นไมค์ถาม ลูกจะมีคุมพ่อแล้วใช่ไหมเอ่ย 5555
K.N: พ่อมึงอะลูน่า แล้วมึงตามกูออกไปแง๊ะ?
(ฉันพิมพ์ถามมันเมื่ออ่านข้อความที่มันส่งมา บอกเลยเกลียดเสียงหัวเราะภายใต้เลขห้าของมันมาก เพราะถ้าลูน่ารู้ไม่นานโลกก็ต้องรู้แน่นอน)
Lunazz: แม่ลุงแลงว่ะ 55 ลูกตามเพราะเป็นห่วงเด้อ ?
K.N: *อยากเสือก พิมพ์งี้ค่ะอีดอก
Lunazz: 55555 แม่!! ไม่อ่อนโยนเลยง่ะ ลูกแค่เป็นห่วงเอง เป็นห่วงจิมๆ น่ะ ?
K.N: เรื่องของมึงเถอะ!
Lunazz: แง้งงงงง แม่โมโหอะ เหวี่ยงจนฝ่าบ้านกูเปิดแล้วน้า เป็นอะไรไหนเล่ามาสิ
K.N: ไม่ได้เป็นไรย่ะ
Lunazz: ไม่เป็น=เป็นนะจ๊ะ ?
กองทัพ: กินยาที่ซื้อให้ยัง
(ฉันกำลังจะกดปุ่มโทรหาลูน่าแต่เผลอกดเข้าไปอ่านข้อความของนายกองทัพที่จู่ ๆก็ส่งไลน์มาหาฉันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยพอดี แต่ฉันก็ไม่ได้ตกใจหรือรู้สึกอะไรทั้งนั้นเพราะตอนนี้ความโมโหอยู่เหนือทุกอย่าง ฉันเลยอ่านอย่างเดียวไม่ตอบ ก็ไม่ได้อะไรแค่รู้สึกไม่อยากตอบอะ แค่เห็นข้อความของเขาฉันก็อารมณ์เสียแล้ว)
กองทัพ: อ่านแล้วก็ตอบดิว่ะ แค่ตอบว่ากินกับยังไม่ได้กินมันจะยากอะไรนักหนา
(ก็ฉันไม่อยากตอบอะมีไรปะ แล้วยังมีหน้ามาโมโหฉันอีกนะ จะห่วงอะไรนักหนากับยาคุมนั้นอะ ทำไม กลัวฉันไม่กินแล้วปล่อยตัวเองท้องแล้วตัวเองต้องมาเดือดร้อนทีหลังงั้นเหรอ เหอะ! ฉันไม่ปล่อยให้ตัวเองท้องหรอก ถึงจะซิงมาตั้งนานและดูแรงไปหน่อยแต่ฉันก็รู้จักป้องกันตัวเองนะจะบอกให้)
K.N: กินแล้ว ไม่โง่ปล่อยให้ตัวเองท้องกับคนแบบนายหรอก
กองทัพ: คนแบบฉันทำไม
K.N: เอาเสร็จก็ชิ่งหายหัวไปเลยไง สารเลว!
[ Kongthap part ]
@China
หึ ผมยกยิ้มขึ้นทันทีที่อ่านข้อความล่าสุดของยัยคุณนายตอบกลับมา ปากดีจริง ๆ
ผมก็ไม่ได้อยากตื่นเช้าวิ่งออกมาจากห้องเธอนักหรอก ถ้าไม่ติดว่าลูกน้องอย่างไอ้แทนมันโทรมาบอกว่าผมต้องบินไปจีนด่วน เพราะมีปัญหาบริษัทฝั่งนี้ที่ต้องมาเคลียร์ด่วน และน่าจะอยู่เคลียร์ยาวเป็นอาทิตย์เลยด้วย ใช่ ตอนนี้ผมอยู่จีนเพิ่งถึงสดๆร้อนๆเลย เหนื่อยฉิบหายเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาไปเกือบเช้าแล้ว แล้วยังต้องมาเดินทางไกลอีก
“บอสค่ะ ห้องประชุมพร้อมแล้วค่ะ” เลขาสาวสวยของผมที่ประจำอยู่ที่นี่เดินเข้ามาตามผมให้เข้าไปประชุม แต่ผมกลับไม่สนใจเสียงเธอนั่งยิ้มเบาๆกับข้อความถมึนทึงของคุณนายที่ตอบโต้กลับมาไม่หยุดเหมือนยัยนั้นกำลังโกรธผม
“บอสคะ” เธอเรียกผมอีกครั้งพร้อมขยับเข้าใกล้โซฟาที่ผมนั่งอยู่
“อืม เดี๋ยวฉันเข้าไป” ผมตอบเธอโดยที่ไม่ละสายตาจากจอโทรศัพท์เหมือนเดิม
“กลับมารอบนี้คุณดูไม่สนใจปัดเลยนะคะ” ทอปัดพูดขึ้นพร้อมเปลี่ยนสรรพนามอย่างสนิทสนมเธอคงเห็นว่าผมไม่สนใจเธอ เลยเปลี่ยนคำแทนชื่อตัวเอง ผมเลยค่อยๆหุบยิ้มลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองเธอที่ยืนทำหน้างอกึ่งเศร้าอยู่ใกล้ๆ
ทอปัดเธอเป็นเลขาของผมที่พ่วงท้ายด้วยคู่นอนของผม เธอทำงานอยู่ในบริษัทเครือข่ายย่อยของที่นี่มานานและดูแลงานที่นี่แทนผมได้ดี ผมกับเธอเราเลยสนิทกันเพราะมีเรื่องต้องติดต่อกันบ่อย และเวลาที่ผมบินมาจีนผมก็จะแวะไปอยู่กับเธอที่คอนโดทุกครั้ง ทำให้เราดูสนิทสนมเหมือนคู่รักทั่วไปไปโดยปริยาย แต่จริง ๆแล้วเราไม่ได้มีสถานะอะไรนอกจากลูกน้องและเจ้านายเท่านั้น ซึ่งเธอรู้ข้อนี้ดี ก็อย่างที่รู้ว่าผมไม่เคยสนใจใครและไม่คิดจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนอย่างไอ้รามไอ้ไซแล้วก็อดีตฝั่งลึกอย่างไอ้ดินอยู่แล้ว เพราะผมคิดว่าชีวิตแม่งกากและขาดอิสระฉิบหายถ้ามีผู้หญิงมาติดพัน สู้เป็นโสดลอยตัวไปมาอย่างตอนนี้ดีกว่า
“แล้วปกติฉันดูสนใจเธอเหรอปัด” ผมตอบกลับไปอย่างไม่แยแส ดูเป็นคนใจร้ายใช่ไหม ผมก็เป็นแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน จะสนิทกับผมแค่ไหนพยายามจะเข้าหาผมแค่ไหนผมก็ให้ได้แค่คู่นอนและความใจร้ายเท่านั้น
“...”
ทอปัดยืนก้มหน้าเงียบอยู่ที่เดิมไม่พูดอะไรออกมาหลังจากที่ผมตอบกลับเธอ ผมเลยลุกขึ้นเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเสื้อแล้วเดินผ่านหน้าเธอไปเลย
“ปัดขอโทษค่ะที่ไปล้ำเส้นคุณ” ผมชะงักมือที่เตรียมเปิดประตูลง ก่อนจะหันไปหาเธอเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ เธอเป็นอะไร มาพูดจาง้องอนเหมือนน้อยใจผมทำไม
“ฉันไม่รู้หรอกน่ะว่าในหัวเธอกำลังคิดอะไร แต่อย่ามาล้ำเส้นกับฉันถ้ายังอยากทำงานที่นี่อีก” ผมบอกเธอไปแค่นั้นก่อนจะดึงประตูแล้วเดินออกไปทันที
ณ. ห้องประชุม
“...”
ผมนั่งประชุมกับบอร์ดผู้บริหารของทีนี่โดยที่เวลาผ่านไปนานหลายนาทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผมนั่งฟังปัญหาที่ทุกฝ่ายต่างนำเข้าประชุมด้วยความปวดหัว ปัญหาหลักๆตอนนี้คือหุ้นที่กำลังดิ่งลงเพราะพิษเศรษฐกิจ ทุกคนเลยต้องพยายามหาทางแก้ไขให้กลับมาอยู่ในจุดที่มันไม่ดิ่งลงเหวไปมากกว่านี้ ไม่งั้นผมคงต้องปิดสาขานี้ลง และผลกระทบที่จะตามมาก็คือลูกน้องนับร้อยชีวิตที่อยู่ในสาขานี้จะตกงาน แต่ผมไม่อยากให้ถึงจุดนั้นไง เพราะเข้าใจลูกน้องทุกตำแหน่งดีว่าทุกคนมีภาระหน้าที่ที่กำลังแบกกันทั้งนั้น ผมจึงไม่อยากให้มันเลวร้ายไปมากกว่านี้
แต่ในขณะที่ผมกำลังนั่งฟังการประชุมอย่างเคร่งเครียด ผมก็เผลอกดเข้าโซเชียลหน้าฟีดอินสตาแกรมของตัวเอง เลื่อนฟีดข่าวไปมาเพื่อดูข่าวสารรายวันไปด้วย แต่จู่ ๆ กลับมีบางอย่างที่ทำให้ผมเครียดและโมโหขึ้นมามากกว่าการประชุมตอนนี้สะอีก
khun.nai
Condominium
Photo IG
อวดหลังเหรอวะ เธอนี่มันแสบจริง ๆเลย ขี้อ่อยฉิบหายเห็นแล้วโมโหว่ะ แล้วไอ้พวกเวรที่มาคอมเมนท์นี่อีกเป็นห่าอะไรนักหนามาเมนท์มโนเหมือนยัยนี้เป็นแฟนตัวเองประสาทไหมว่ะ!
“บอสเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ปัดเห็นบอสหงุดหงิดมาสักพักแล้ว จะให้ปัดพักการประชุมก่อนดีไหมคะ”
...ทอปัดที่นั่งอยู่ใกล้ๆหันมาถามผมอย่างเป็นห่วง ซึ่งผมที่นั่งทำหน้าหงุดหงิดอยู่กับโทรศัพท์ตัวเองมาสักพักแล้วได้แต่ขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะส่ายหัวแล้วทิ้งโทรศัพท์ในมือลงบนโต๊ะ...
“ไม่ต้องฉันไม่ได้เป็นอะไร ประชุมให้เสร็จเลยฉันจะได้กลับไปพักต่อ”
“ค่ะ”
ทอปัดตอบผมสั้นๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไป...ส่วนผมก็พยายามไม่จับโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีก ปล่อยให้มันอยู่ที่เดิม เพราะกลัวหยิบขึ้นมาแล้วจะทนไม่ไหวโทรหายัยตัวดีอย่างคุณนายกลางโต๊ะประชุมสักก่อน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงต้องโมโหขนาดนี้ แต่คือผมแม่งไม่ชอบจริง ๆ ตอนเห็นคอมเมนท์พวกนั้น...
“...”
“บอสค่ะ บอสค่ะ...บอสค่ะ!”
“มีอะไร”
ผมหลุดจากภวังค์ทันทีที่ได้ยินทอปัดเรียกพร้อมสะกิดแขนผมก่อนที่เธอจะปรายตามองทุกคนในห้องประชุมที่กำลังมองผม ผมจึงละสายตาจากทอปัดแล้วหันไปมองตามเธอ ก่อนจะเห็นว่าทุกคนมองผมอยู่ ผมจึงทำเป็นจัดความเรียบร้อยของเสื้อผ้าตัวเองจากนั้นก็หันไปมองผู้เข้าประชุม
ฉิบ! เมื่อกี้ผมเผลอนั่งจ้องโทรศัพท์เพราะกำลังคิดว่าจะโทรหาคุณนายดีไหมจนไม่ได้ฟังประชุมเลย
เวรกรรม!
“อะฮึ่ม...” ผมกระแอมไอเล็กน้อยพอเป็นพิธีเพื่อกลบเกลื่อนอาการตัวเองก่อนหน้านี้ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ...
“เอาเป็นว่าอย่างหนึ่งที่ผมพอจะทำให้ทุกคนสบายใจได้คือ ถึงสาขานี้จะต้องปิดตัวลงจริง ๆ ผมก็จะไม่ทิ้งพวกคุณไว้ข้างหลัง และตอนนี้ผมขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ”
แป๊ะๆ แป๊ะๆ
“พวกเราขอบคุณคุณกองทัพมาก ๆเลยครับที่ยังเห็นพวกเราเป็นครอบครัวเสมอ” เสียงปรบมือพร้อมกับรอยยิ้มดีใจจากทุกฝ่ายส่งมาให้ผมทันทีที่พูดจบ
“ตามนั่นแหละครับ ถ้าไม่อยากให้น้องชายจอมโหดของผมมาบริหารที่นี่ ก็ช่วยทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีสุด ผมก็พยายามพาจะพวกคุณทุกคนให้ผ่านวิกฤตนี้ให้ได้เหมือนกัน”
“ครับผม พวกผมจะตั้งใจทำงานและหาทางแก้ไขปัญหาไปพร้อมกับบอสครับ” หนึ่งในตัวแทนของพนักงานที่เข้ามาประชุมบอกผม ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับไปมากนอกจากพยักหน้ากลับไป
ที่ผมบอกว่าถ้าไม่อยากให้ไอ้แผ่นดินมาอยู่ที่นี่ ก็เพราะจริง ๆแล้วไอ้ดินมันต้องมาบริหารสาขาย่อยพวกนี้ แต่มันไม่ยอมมาไง สนใจแต่สนามแข่งและแข่งรถของมันอย่างเดียว อีกอย่างพนักงานทุกคนในเครือข่ายบริษัทครอบครัวผมจะรู้จักกิตติศัพท์ของมันดี ว่ามันเป็นคนหัวร้อน ไม่ค่อยฟังใคร ทุกคนเลยกลัวมันและไม่เห็นด้วยที่จะให้มันมาบริหารสาขาปลีกย่อย ผมเลยต้องดูแลเองทั้งหมด ทั้งบริษัทใหญ่และปลีกย่อยอีกหลายสาขาวิ่งไปมาอยู่สองประเทศแบบนี้ตลอด
ณ ห้องทำงาน
“เมื่อกี้ตอนประชุมหลังๆบอสดูหงุดหงิดแล้วก็เหม่อลอยตลอดเลยนะคะ จ้องแต่โทรศัพท์ท่าเดียวเลย ปกติปัดเห็นบอสจะไม่สนใจโทรศัพท์ขนาดนี้นี่ค่ะ ทำไมวันนี้ถึง...”
“ฉันจะกลับไปพักที่โรงแรม พรุ่งนี้เช้าถ้ามีอะไรก็โทรรายงานฉันละกัน” ผมปิดแฟ้มรายงานบริษัททันทีที่ทอปัดพูดถึงการประชุมของผมเมื่อกี้ ในขณะที่ก่อนหน้านี้ผมนั่งอ่านรายงานในแฟ้มที่เธอเอามาให้เพื่อดูว่าต้องแก้หรือค้ำจุนตรงไหนก่อน แต่ผมรำคาญไงก็เลยปิดแฟ้มแล้วพูดแทรกขึ้นมาพร้อมเงยหน้าสบตาเธอด้วยนัยน์ตานิ่งๆ
แต่พอเธอได้ยินที่ผมพูด เธอก็รีบปรี่ตัวเดินมาหาผมที่โต๊ะทันทีด้วยสีหน้างุนงง
“คุณไม่ไปนอนที่คอนโดของปัดเหรอคะ” ผมว่าแล้วเชียวว่าทอปัดต้องถามเรื่องนี้ เพราะปกติเวลาที่ผมมาที่นี่ผมจะไปพักที่คอนโดของเธอตลอดไง
“ไม่ ฉันอยากพักโรงแรม ฉันให้คนจัดการเรียบร้อยแล้ว” ผมตอบเธอกลับไปตามความจริง ก็ผมเบื่ออยากจะนอนพักคนเดียวเงียบๆ แถมเมื่อคืนก็ไม่ได้นอนทั้งคืนเมื่อเช้าก็ได้นอนแค่แป๊ปเดียว ถ้าไปนอนห้องทอปัดอีกผมเกรงว่าจะไม่ได้นอนเอา เห็นเงียบๆ เจี๋ยมเจี้ยมแบบนี้แต่เธอก็เด็ดไม่เบา
“ทำไมละคะ ปัดทำอะไรผิด เรื่องก่อนหน้านี้ปัดไม่ได้ตั้งใจจะล้ำเส้นคุณนะคะ ปัดขอโทษไปนอนกับปัดนะคะ ปัดรอคุณกลับมาที่นี่ตั้งนาน รอที่จะได้นอนกอดคุณอะ”
เธอมองผมสีหน้ากระเง้ากระงอดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วคิดว่าผมสนใจกับสีหน้าท่าทางของเธอไหม ผมไม่เคยบอกว่าให้รอผมนี่ ผมชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองมาตลอด ว่าให้เธอได้แค่คู่นอนเฉยๆ แล้วนี่อะไรมารงมารออะไร ผมว่าทอปัดกำลังจะงี่เง่ากับผมแล้วว่ะ
“ฉันว่ายังไงก็ตามนั้น อย่ามางี่เง่ากับฉันทอปัด”
ว่าจบผมก็ลุกออกจากเก้าอี้ทำงานเดินผ่านหน้าเธอโดยที่ไม่สนใจไยดีเธอที่เริ่มทำหน้าบึ้งใส่
“เด็กนั้นคงจะมีอิทธิพลกับคุณมากใช่ไหมคะ ถึงทำให้คุณไขว้เขวตอนประชุมได้”
กึก!
“เธอแอบมองโทรศัพท์ฉันเหรอว่ะปัด” ผมหันขวับไปถามอย่างไม่พอใจทันทีที่ได้ยินเธอพูดไล่หลังตามมา แม่งชักจะล้ำเส้นมากเกินไปแล้วนะ
“ปัดขอโทษ ปัดแค่...”
“อย่าเยอะ! ถ้าไม่อยากให้ฉันร้ายกับเธอ”
ผมเตือนเธออีกครั้งด้วยน้ำเสียงลอดไรฟันผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัวของผม แต่ถ้าเตือนแล้วไม่ฟังก็อย่าหาว่าผมใจร้าย