“ไอติม ยกกาแฟและอาหารว่างขึ้นไปให้ พ่อเลี้ยงสุชาติที่ห้องทำงานด้วย”
นุกูล มือขวา คนสนิทของพ่อเลี้ยงสุชาติ นักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง ที่มีอิทธิพลกว้างขวางของจังหวัดภาคเหนือ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบกับ ไอติม หลานสาวของป้ารำพึง แม่บ้านคนสนิทของคุณนายผกา ภรรยาของบ้านไร่แห่งนี้ ที่รับเข้ามาเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้เธอโตเป็นสาวสวย หุ่นนางแบบรวมทั้งหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่เกินตัว จนเขาก็แอบเผลอมองและลอบกลืนน้ำลายอยู่หลายครั้ง
“ตอนนี้ไอติมกำลังล้างจานอยู่ น่าจะไม่สะดวกเดี๋ยวป้ายกขึ้นไปให้พ่อเลี้ยงเอง” รำพึง เอ่ยตอบแทนไอติม เพราะเธอรับรู้จากหลานสาวของเธอว่า พ่อเลี้ยงชอบแอบลวนลามอยู่บ่อยครั้ง ก่อนจะได้ยินเสียงนุกูลเอ่ยตะคอกเสียงดังในทันที
“ไม่ได้!! พ่อเลี้ยงต้องการให้ไอติมขึ้นไปไม่ใช่ป้า ไอติมรีบล้างมือและยกอาหารขึ้นไปเสิร์ฟเร็วๆด้วยล่ะ เดี๋ยวพ่อเลี้ยงหงุดหงิดจะหาว่าพี่ไม่เตือนนะ”
“จ้ะพี่นุ เดี๋ยวติมไปเอง”
ฉันขานรับออกมาเบาๆ ให้กับพี่นุกูล ก่อนที่จะหันไปสบตามองป้ารำพึง ญาติเพียงคนเดียวของฉันที่เลี้ยงฉันมา ตั้งแต่ฉันอายุได้เพียงเจ็ดขวบ หลังจากพ่อและแม่ของฉันได้ ติดการพนันอย่างหนัก จนมีหนี้ท่วมหัวและถูกตามล่าจากเจ้าของบ่อน พวกเขาก็เอาฉันมาทิ้งไว้กับป้ารำพึง พี่สาวของแม่ที่ทำงานเป็นแม่บ้านให้กับแม่เลี้ยงผกาและ พ่อเลี้ยงสุชาติ นักการเมืองท้องถิ่นที่มีอิทธิพลในเขตภาคเหนือ
ก่อนคนทั้งสองจะหนีหายและขาดการติดต่อไปพอฉันเติบโตขึ้นก็สัมผัสถึงสายตาของพ่อเลี้ยงสุชาติที่คอยแอบจ้องมองฉันอย่างหื่นกามอยู่เสมอ และเมื่อฉันเรียนจบมอหก ก็ได้ตัดสินใจไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังที่กรุงเทพและก็สามารถสอบติดคณะที่หวังได้อย่างเฉียดฉิวพร้อมกับเพื่อนสนิท อย่าง ยี่หวา ลูกสาวเจ้าของไร่ส้มชื่อดัง โดยไม่บอกให้คนในบ้านรับรู้ ยกเว้น ป้ารำพึงเพียงคนเดียว
“ไอติม” รำพึง เอ่ยเรียกหลานสาวคนเดียวของเธอด้วยสีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“หนูไม่เป็นไร แค่ยกอาหารขึ้นไปเสิร์ฟแป๊บเดียว จะรีบกลับมานะคะ” ฉันหันไปพูดตอบป้ารำพึงด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะไปเตรียมของว่างและเครื่องดื่มให้กับพ่อเลี้ยงสุชาติโดยที่ป้าของฉันก็เดินตามเข้ามาพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาเบาๆ อีกครั้ง
“อดทนนะลูกอีกไม่ถึงอาทิตย์ก็ได้ย้ายไปเรียนที่กรุงเทพแล้ว”
“หนูจะอดทน ป้าไม่ต้องห่วงนะคะ หนูขอตัวไปยกของว่างให้กับพ่อเลี้ยงก่อนเดี๋ยวจะโดนดุเอา” ฉันเอ่ยตอบ และรีบยกถาดอาหารที่เตรียมของว่างเสร็จแล้วเดินออกจากห้องครัว เพื่อไปยังห้องทำงานส่วนตัวของพ่อเลี้ยงสุชาติอย่างรวดเร็ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!...
“เข้ามาสิ”
“กาแฟกับของว่างค่ะ พ่อเลี้ยง” ฉันเอ่ยขึ้น หลังจากเปิดประตูเดินเข้ามาด้านในห้องทำงานก็เห็นพ่อเลี้ยงสุชาติ
ชายสูงวัยหัวล้านและรูปร่างอ้วนสมบูรณ์ ที่นั่งอยู่บนโซฟาในสภาพที่สวมแค่เพียงเสื้อคลุมอาบน้ำเพียงตัวเดียว กำลังนั่งจ้องมองฉันด้วยสายตาหยาดเยิ้ม แบบผิดปกติ ภาพนั้นทำเอาฉันสัมผัสถึงอันตรายบางอย่างที่กำลังจะมาเยือนตัวเองในทันที
“ไอ้แก่ตัณหากลับ คิดจะเคลมฉันงั้นเหรอ”
“ขอบใจมากหนูติม วันนี้ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ ปีนี้หนูติมของอา อายุเท่าไรแล้วล่ะ”
พ่อเลี้ยงสุชาติ พูดถามขึ้นพร้อมกับใช้สายตากวาดมองไปยังร่างของเด็กสาวที่เขาเห็นมาตั้งแต่เยาว์วัย จนตอนนี้รูปร่างของเธอได้เปลี่ยนแปลงเป็นสาวเต็มตัว มีหน้าอกที่ใหญ่ล้นจนเกินตัว หน้าตาสะสวย จนเขาหมายมั่นจะจับเด็กสาวคนนี้มาเป็นเมียของเขาอีกคนให้ได้
“ปีนี้หนูอายุสิบเก้าแล้วค่ะ เอ๊ะ! พ่อเลี้ยงจะทำอะไรหนูคะ” ฉันเอ่ยตอบ พร้อมกับวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ และต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ พ่อเลี้ยงยกมือขึ้นมาโอบเอวของฉันลงไปนั่งข้างๆอย่างรวดเร็ว ก่อนจะได้ยินเสียงของพ่อเลี้ยง เอ่ยแทรกดังขึ้นมาอีกครั้ง
“หนูติมของอา โตเป็นสาวเต็มตัวและถึงวัยกำลังที่ต้องเรียนรู้ประสบการณ์แบบผู้ใหญ่แล้ว หนูอยากเรียนรู้มันกับอาไหม” พ่อเลี้ยงสุชาติ พูดขึ้นพร้อมกับแอบก้มลงสูดกลิ่นกายความสาวของเด็กตรงหน้าอย่างหื่นกระหาย
“เรียนรู้แบบไหนคะ” ฉันพูดถามขึ้น และขยับตัวออกห่างจากพ่อเลี้ยงในทันที
“ถ้าหนูยอมเป็นเมียอาแต่โดยดี อารับรองอา จะเลี้ยงดูหนูติม ให้มีเงินทองใช้สบายไปทั้งชาติเลย ดีไหม” พ่อเลี้ยงสุชาติ เอ่ยขึ้นและจ้องมองไปหน้าอกของเด็กสาวพร้อมกับยกแขนโอบรอบตัว หมายจะปลุกปล้ำเด็กสาวตรงหน้าในทันที
“หนูไม่ต้องการ ปล่อยหนูนะ!!”ฉันร้องออกมาด้วยความตื่นตกใจ ก่อนจะดิ้นรนและขยับตัวหนีจากใบหน้าแก่ที่ซุกไซ้เนินอกของฉันราวกับหื่นกระหาย ก่อนจะได้ยินเสียงหงุดหงิดของพ่อเลี้ยงเอ่ยดังแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าไม่ยอมกันดีๆ อาคงต้องใช้กำลังกับหนูจริงๆ แล้วนะ”
“พ่อเลี้ยง อย่าทำอะไรหนูเลย หนูกลัวแล้วค่ะ” ฉันพูดขึ้นอย่างเสแสร้งว่าตัวเองจะยอมเพื่อให้พ่อเลี้ยงคลายมือที่จับฉันไว้พร้อมกับเหลือบสายตามองไปยังรูปปั้นที่ตั้งอยู่ข้างโซฟาและคิดหาทางเอาตัวรอดในทันที
“ถ้ากลัวก็อยู่นิ่งๆ สิ อาจะทำให้หนูติม มีความสุขถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดเอง อ๊าก อีเด็กนี่!!”
พ่อเลี้ยงสุชาติ เมื่อเห็นเด็กสาวไม่ขัดขืนตัวเองก็ขยับตัวออกห่างเล็กน้อย ก่อนจะปลดสายเสื้อคลุมอาบน้ำออก แต่ก็ต้องตาเบิกโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นไอติมจับยกรูปปั้นขึ้นมาฟาดลงที่หัวของเขาอย่างแรงจนภาพตรงหน้าวูบดับลงไปในทันที
“ไปตายซะ ไอ้แก่หัวงู” ฉันใช้รูปปั้นทุบเข้าที่หัวของพ่อเลี้ยงอย่างสุดแรงเกิด ก่อนที่ร่างอ้วนๆ จะล้มฟุบลงไปกองกับพื้นและแน่นิ่งไป
“ตายไหมวะ”
ฉันพูดขึ้น พร้อมกับใช้เท้าเขี่ยที่ตัวของพ่อเลี้ยงเบาๆและเห็นว่ายังหายใจอยู่ก็รีบทิ้งรูปปั้น แล้วเปิดประตูออกจากห้องทำงานแล้วส่งยิ้มหวานให้กับพี่บอดีการ์ดที่ยืนอยู่ด้านหน้าอย่างคนเก็บอาการ เมื่อพ้นสายตาก็รีบกลับห้องตัวเองไปเก็บข้าวของเพื่อจะหนีออกจากที่นี่ ให้ทันก่อนที่พ่อเลี้ยงจะฟื้นขึ้นมาเล่นงานฉัน
# อีกด้าน
“ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วยนะครับ ผมแค่ทำตามคำสั่ง เพราะทางนั้นข่มขู่จะฆ่าเมียกับลูกของผมคุณดีเซลครับ อย่าทำอะไรผมเลย ผมกลัวแล้ว”
ชายหนุ่มที่ตอนนี้มีสภาพ สะบักสะบอม ใบหน้าปูดบวม เนื้อตัวมีร่องรอยการถูกทำร้ายอย่างหนักจนคราบเลือดที่แห้งเกอะกังติดตามเสื้อผ้า เป็นบริเวณกว้าง เอ่ยขึ้น พร้อมกับยกมือไม้ไหว้ขอชีวิตจากหนุ่มอย่าง ดีเซล หัวหน้าแก๊งเดวิล มาเฟียเจ้าของธุรกิจค้าขายอาวุธเถื่อน ที่มีอายุน้อยที่สุดและโหดเหี้ยมที่สุดของวงการสีเทา กำลังยืนล้วงกระเป๋าและดูดบุหรี่ โดยที่จ้องมองมาทางเขาด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเข้มแฝงไปด้วยความเย็นชา เอ่ยดังขึ้นมา
“มึงทำงานให้ใคร” ดีเซล เอ่ยถามขึ้นโดยที่สายตาจ้องมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่แสดงอารมณ์และความรู้สึกอะไรออกมา
“คือผมไม่รู้!”
“มึงคิดดีแล้วใช่ไหม ที่ตอบกูแบบนี้ ไหนบอกว่ากลัวกูไงล่ะ” ดีเซล เอียงคอเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“คะ คือ ผะ ผมทำงานให้กับคุณสลาฟ ลูกชายของพ่อเลี้ยงสุชาติครับ”
ดีเซล กระตุกยิ้มเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำตอบ รวมทั้งแววตาและท่าทางหวาดกลัวของคนตรงหน้าอย่างพึงพอใจ เขาทิ้งบุหรี่ลงที่พื้นแล้วใช้เท้าบดขยี้จนแหลก ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยแววตาและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเลือดเย็น
“งั้นเหรอ ขอบใจสำหรับข้อมูล แต่มีสิ่งหนึ่งที่กูต้องบอกกับมึงไว้อย่าง ว่าคนอย่างกูไม่คิดจะเก็บงูเห่าไว้ข้างกาย” ดีเซลพูดจบก็หยิบปืนที่พกไว้เล็งยิงที่หัวของคนทรยศเขาอย่างแม่นยำ
ปัง!...
“เก็บกวาดให้เรียบร้อย และกูขอข้อมูลไอ้เวรนั่น ส่งมาให้กูด้วย ด่วนที่สุด”
ดีเซลจ้องมองร่างของชายตรงหน้าที่ค่อยๆ ล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น แล้วจึงหันไปพูดกับลูกน้องของตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะก้าวออกจากบริเวณป่าทึบเพื่อไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่อีกฝั่งของป่า
“นายจะกลับกรุงเทพเลยไหมครับ”
โชค ลูกน้องคนสนิทและเป็นมือขวาฝีมือเก่งกาจของดีเซล เอ่ยขึ้นในขณะที่เดินตามผู้เป็นนายไปยังรถยนต์ โดยมีไอ้คม คู่หูของเขากำลังยืนคอยสั่งการเคลียร์พื้นที่และร่างไร้วิญญาณของคนทรยศอยู่ไม่ไกล
“กลับเลย” ดีเซลเอ่ยขึ้น พร้อมกับก้าวขึ้นรถในทันทีก่อนที่ โชคจะรีบตามขึ้นมาแล้วขับรถออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว