เสียงบรรเลงเพลงงานศพดังขึ้นพร้อมกับช่วงเวลาสุดท้ายของลูกหว้าที่จะได้เห็นหน้าแม่ตัวเองครั้งสุดท้ายด้านในโลงศพไม้ ดวงตากลมโตของหญิงสาววัยสิบเก้าเอาแต่มองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดแต่ก็พยายามที่จะเข้มแข็งเอาไว้ กระทั่งโลงศพนั้นถูกนำเข้าไปวางลงยังด้านในเตาเผา พร้อมกับเสียงประตูที่ค่อย ๆ ปิดลง รวมถึงเสียงไฟที่กำลังแผดเผาร่างไร้วิญญาณนั้น
“ฮืออ…” ร่างหญิงสูงวัยที่ยืนอยู่ด้านข้างลูกหว้าปล่อยโฮออกมาด้วยความเสียใจอย่างไม่อาจที่จะสะกดกลั้นเอาไว้ได้ เธอจึงรีบหันไปทำการกอดปลอบยายของตัวเองเอาไว้ สองยายหลานต่างฝ่ายต่างยืนกอดกันท่ามกลางความสูญเสียที่เกิดขึ้น จนเมื่อผ่านไปสักพัก
“เราลงไปข้างล่างกันเถอะ” ลูกหว้าบอกกับหญิงสูงวัย โดยคนที่ได้ยินก็พยักหน้ารับรู้ ทั้งสองค่อย ๆ เดินลงไปยังบริเวณด้านล่างเมรุ ทว่าทันทีที่เดินลงไปถึง
“สวัสดีครับ” ก็มีชายร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาหายุพินที่กำลังถูกลูกหว้าประคองไม่ห่าง หญิงสูงวัยจ้องมองคนที่มาใหม่สีหน้ามีความงุนงงอยู่ไม่น้อย
“ผมชื่อ ชิดชอบนะครับ เป็นลูกน้องของเสี่ยชัชชัย…”
“อ๋อ มีอะไรเหรอจ๊ะ”
“พอดีคุณมัทนาได้ทำการกู้เงินเจ้านายของผมไป…นี่ครับ เอกสาร” พูดจบ ชายคนนั้นก็จัดการยื่นเอกสารให้กับยุพิน หญิงวัยกลางคนจึงหันไปมองยังหลานสาวของตัวเอง ทำให้ลูกหว้ารับเอกสารเข้ามามองดูและอ่านทุกตัวอักษรด้วยความตั้งใจ กระทั่งไปหยุดเข้าที่จำนวนเงินที่ทำการกู้ยืม
“สะ…สองล้านบาทเลยเหรอคะ” ริมฝีปากสีหวานขยับเอ่ยถาม ทำเอายุพินที่ได้ยินจำนวนเงินนั้นเช่นกันรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย
“ใช่ครับ ทางคุณมัทนาแจ้งไว้ว่าจะนำไปลงทุนบริษัทดัง ทางเราเห็นว่ากำลังไปได้ดีจึงอนุมัติให้เรื่อย ๆ ตอนนี้ทั้งยอดการกู้และจำนวนดอกเบี้ยก็ประมาณสองล้านห้าแสนได้ครับ” ทันทีที่ชายร่างสูงพูดจบ ยุพินก็แทบล้มทั้งยืนไปกับสิ่งที่ได้ยิน มีเพียงลูกหว้าที่พยายามตั้งสติคอยดูแลยายของตัวเองอยู่ไม่ห่าง
“เอกสารจริงใช่ไหม” ยุพินหันไปถามหลานสาว
“…” ลูกหว้าพยักหน้าตอบกลับ ทำให้หญิงสูงวัยพยายามเรียกสติของตัวเองกลับมาเช่นกัน
“ตอนนี้ฉันไม่มีเงินก้อนมากขนาดนั้นหรอกนะ…”
“ครับ ผมเลยอยากเข้ามาเพื่อเจรจา เพราะไม่ว่ายังไง ทางญาติก็จะต้องเป็นคนชดใช้หนี้ทั้งหมดนี้แทน” ชายหนุ่มมองหน้าบอกกับหญิงสูงวัย ท่าทางดูเหมือนจะไม่อะไร แต่นัยน์ตาคมนั้นกลับดูเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าด้านยุพินเองก็รับรู้ได้และพอเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“อืม ฉันเข้าใจ…”
“ดีครับ ถ้างั้นผมขอช่องทางการติดต่อของคุณยายไว้หน่อยนะครับ…”
“ติดต่อทางหนูก็ได้ค่ะ หนูจะเป็นคนคอยช่วยสื่อสารให้เองค่ะ” ลูกหว้ามองหน้าบอกกับชายตรงหน้า เขาก็พยักหน้ารับรู้จัดการแลกการติดต่อกันไป จนการพูดคุยธุระสำคัญนี้จบลง หญิงวัยสิบเก้าอดไม่ได้ที่จะหันจ้องมองคนเป็นยายของตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดคุยอะไร
“ป้ายุพิน!!” เสียงของหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินตรงเข้ามายังหญิงสูงวัยด้วยท่าทีดูโกรธเคือง
“อีมัทลูกป้านี่มันเลวจริง ๆ! มันมาหลอกให้ฉันไปลงทุนขายสินค้ากับมัน บอกว่าบริษัทดังอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วสุดท้ายเป็นยังไง! ขายไม่ออกเลยสักชิ้น มันหลอกฉันไปเป็นหมื่น ๆ แล้วมาชิงฆ่าตัวตายหนีปัญหา อีสารเลว! ฉันขอให้มันไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด…”
“แจ๋ว อย่าพูดจาขนาดนั้นกันเลย”
“หึ!! จะไม่ให้ฉันพูดได้ยังไง มันหลอกเงินฉันไป มันเอาเงินที่ฉันจะเอามาคลอดลูกไป จะให้ฉันอวยพรให้มันตายไปขึ้นสวรรค์งั้นเหรอ!!”
“ป้าแจ๋ว ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ” เสียงลูกหว้าพยายามบอกหญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทว่าคนที่ตอนนี้โมโหขั้นสุดก็ไม่คิดสนใจ
“ใจเย็นบ้าอะไรอีก แม่แกน่ะมันโง่แต่อวดฉลาด เรียนก็ไม่จบ ดันติดผู้ชายจนท้อง ฉันไม่น่าเชื่อคนไม่มีการศึกษาแบบมันเลย ให้ตาย!! อีมัท กูขอให้มึงตกนรกหมกไหม้ไปตลอด กูจะคอยสาปแช่งวิญญาณสารเลวของมึง!!…”
“ยอดเท่าไรคะ” เสียงหวานของคนเป็นลูกอดไม่ได้ที่จะถามคนที่ยืนสาปแช่งแม่ตัวเองตรงหน้า
“สามหมื่น ถามทำไม แกจะชดใช้ให้งั้นเหรอ”
“ค่ะ หว้าจะหามาคืนให้ป้าแจ๋วเอง”
“หึ สภาพเด็กที่เพิ่งเรียนจบ ม.ปลายแบบแกเนี่ยนะ?” หญิงคนนั้นจ้องมองเหยียดมาที่ร่างบาง
“รบกวนป้าแจ๋วบอกยอดที่ถูกแม่หลอกไปไว้ในไลน์หว้านะคะ รวมถึงหลักฐานในการถูกชักชวนทั้งหมดด้วยค่ะ หว้าจะดูแล้วก็แจ้งการทยอยคืนให้ ขอตัวก่อนนะคะ” ว่าแล้ว หญิงสาวที่เพิ่งจบมัธยมปลายมาหมาด ๆ ก็จัดการโอบร่างพายายตัวเองเดินออกไป พร้อมกับสายตาของคนมากมายที่จ้องมองมายังสองยายหลานกับความผิดที่ไม่ได้เป็นคนก่อ แต่คนที่ก่อทุกอย่างไว้นั้น…ได้จากไปแล้ว
@บ้านหลังใหญ่
“รอยายอยู่ที่นี่ก่อนนะ อย่าเดินเพ่นพ่านไปที่ไหน” เสียงยุพินหันบอกกับหลานสาวเพียงคนเดียวของตัวเอง หลังจากที่เธอจำเป็นต้องพาลูกหว้ามายังที่ทำงานของตัวเองด้วยความไม่สามารถที่จะทิ้งหลานสาวอยู่ที่บ้านที่ต่างจังหวัดคนเดียวเอาไว้ได้ เนื่องจากลูกหว้านั้นไม่เหลือใครอีกแล้ว พ่อของเธอเสียไปตั้งแต่เธอยังเด็ก ส่วนแม่ก็เพิ่งมาเสียไป ทำให้หญิงวัยสิบเก้ามีเพียงยุพินเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่ ทว่ายุพินเองก็จะต้องมาทำงานเป็นแม่บ้านของตระกูลใหญ่ที่เธอทำมาเป็นเวลานาน
“ค่ะ” ลูกหว้ายิ้มบาง ๆ ตอบรับคนเป็นยาย ทำให้ยุพินค่อย ๆ สาวเท้าเดินออกจากห้องไปเพื่อไปพบกับหัวหน้าแม่บ้านคนที่คอยเป็นคนดูแลจัดการบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ โดยหลังจากที่ยุพินเดินออกไป ลูกหว้าก็ยังคงนั่งอยู่ภายในห้องเพื่อรอคอยยายตัวเองด้วยความตั้งใจทำตามที่คนเป็นยายบอก ทว่านั่งไปได้พักใหญ่
“โอ๊ะ…” ร่างเล็กก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา แต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่ายายของเธอจะกลับมา ทำให้สุดท้ายลูกหว้าที่ทนไม่ไหวจำต้องค่อย ๆ ตัดสินใจเดินออกจากห้องไปเพื่อหาห้องน้ำ แต่แล้ว…
“แก่แล้วก็ยังจะหาภาระมาให้ฉันเพิ่มอีกนะ”
“ขอโทษด้วยค่ะคุณนงฤดี แต่หลานฉันไม่สามารถที่จะทิ้งให้แกอยู่ที่ต่างจังหวัดคนเดียวได้จริง ๆ”
“แล้วยังไง คิดจะพาใครเข้ามาที่นี่ก็ได้งั้นเหรอ…” ว่าแล้ว หญิงคนนั้นก็ยกมือขึ้นจิ้มชี้ไปที่หัวของยุพิน
“…คิดว่าตัวเองเป็นใคร คิดว่าอยู่มานานแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ ฮะ! สมองน่ะมีไหม ก็รู้นี่ว่าจะทำอะไรจะต้องแจ้งบอกฉันก่อน!”
“ขอโทษค่ะ” ยุพินที่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ก้มหน้าบอกหัวหน้าแม่บ้านไปด้วยท่าทีเจียมเนื้อเจียมตัวมีความอ้อนวอนขอร้อง
“ฉันจะยกเว้นให้แค่ครั้งนี้ก็แล้วกัน ไปเอาตัวหลานเธอมา ถ้าจะอยู่ที่นี่ ก็จงจำไว้ว่า ห้ามอยู่นิ่ง ๆ ฟรี ๆ” พูดจบ นิ้วนั้นก็จิ้มใส่ยุพินสุดแรงอีกครั้งด้วยท่าทีแสดงออกมาให้เห็นถึงความเอาตัวเองเป็นใหญ่ ลูกหว้าที่ไม่เคยต้องรู้มาก่อนว่ายายตัวเองต้องพบเจอกับอะไรบ้างก็รู้สึกจุกจนพูดไม่ออก ทว่าเมื่อได้สติ สองเท้าเล็กก็ค่อย ๆ เดินกลับไปนั่งรอภายในห้องเหมือนเคยราวกับไม่รู้เรื่องราวอะไร ทั้งที่ภายในใจนั้นรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่ยายตัวเองต้องพบเจอเป็นอย่างมาก…
แอดดด
เสียงประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างของยุพินที่เดินตรงเข้ามาด้วยท่าทีเหมือนไม่ได้ถูกกระทำใด ๆ มา รอยยิ้มอบอุ่นฉายขึ้นบนใบหน้าของหญิงสูงวัย
“ลูกหว้ามากับยายหน่อยสิ พอดีหัวหน้ายายอยากเจอ”
“ค่ะ” ร่างเล็กยิ้มรับพลางสาวเท้าเดินออกตามยายตัวเองไปด้วยดวงตาที่จ้องมองแผ่นหลังของยายตัวเองอยู่อย่างนั้น ตลอดเวลา ยายก็เหมือนเป็นเสาหลักของบ้าน เธออยู่กับแม่ โดยมียายที่คอยส่งเสียเลี้ยงดูซะส่วนใหญ่ ยายยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อมาทำงานเป็นแม่บ้านที่นี่ตามคำแนะนำของเอเจนซีหางานคนหนึ่ง แน่นอนว่าความขยันและอดทนต่อหน้าที่ของตัวเองนั้น ทำให้ยายของเธอสามารถอยู่ที่นี่มาได้นาน เกือบยี่สิบปีได้แล้ว
ทว่าลูกหว้าไม่รู้มาก่อนเลยว่า…ชีวิตของการทำงานของยายเธอนั้น
จะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง
เธอ…ไม่รู้มาก่อนเลย
“มาแล้วเหรอ” เสียงหัวหน้าแม่บ้านจ้องมองร่างบางของลูกหว้าที่เดินตรงเข้ามาด้วยท่าทีมีความนิ่งวางมาดใส่อยู่ไม่น้อย
“สวัสดีค่ะ” ลูกหว้าก็ไม่รอช้าที่จะยกมือขึ้นไหว้ทักทายคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสุภาพ ทั้งที่ภายในนั้นรู้สึกอีกแบบกับสิ่งที่พบเจอต่อหน้า แต่เธอ…ก็รู้จักสถานะของตัวเองดี
“ชื่ออะไร”
“ลูกหว้าค่ะ”
“อายุเท่าไร”
“สิบเก้าค่ะ”
“อืม อายุยังน้อยอยู่ เคยทำงานมาก่อนหรือเปล่า พวกงานบ้านอะไรแบบนี้”
“เคยทำตอนอยู่ที่บ้านค่ะ”
“ก็ดี แต่บ้านหลังนี้ก็อย่างที่เห็นว่าไม่เหมือนบ้านทั่ว ๆ ไป”
“คะ?”
“คิดจะมาอาศัยอยู่ที่นี่ แม้จะชั่วคราวก็จะต้องทำงานเหมือนคนอื่น”
“อ…อ๋อ…ค่ะ” ร่างเล็กพยักหน้ารับรู้ในทุกคำพูดที่อีกคนต้องการจะสื่อ
“เข้าใจอะไรง่ายก็ดีแล้ว ถ้างั้น…เอานี่ไปไว้ในห้องคุณชาย” หัวหน้าแม่บ้านบอกพลางจัดการยื่นก้านไม้น้ำหอมกลิ่นหรูตกแต่งชวนมองให้กับร่างบางที่ยืนอยู่ โดยลูกหว้าก็รับมาด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย
“เดี๋ยวฉันกับยายเธอจะต้องไปจัดเตรียมโต๊ะอาหารให้พวกคุณท่านที่กำลังกลับมา เธอเอาก้านน้ำหอมนี่ไปไว้ในห้องคุณชายซะ รีบเอาไว้แล้วก็รีบออกมา จากนั้นกลับไปนั่งรอในห้องจนกว่าฉันจะให้คนไปเรียก เข้าใจไหม”
“ค่ะ” ลูกหว้ารับคำสั่งอีกครั้งด้วยความเข้าใจง่าย พลางหันไปมองยายของตัวเอง
“ห้องคุณชายอยู่ที่ชั้นสองห้องที่ใหญ่ที่สุดฝั่งซ้ายมือ” ยุพินบอก ทำให้ลูกหว้าพยักหน้ารับรู้ทำท่าจะสาวเท้ารีบเดินออกไป ทว่า…
“จำไว้ว่า รีบเอาไว้แล้วรีบออกมา ไม่ว่าอะไร อย่าเข้าไปวุ่นวายให้คุณชายเห็น”
“ค่ะ” เจ้าของใบหน้าเรียวรูปไข่พยักหน้ารับคำอีกครั้ง ก่อนจะเร่งฝีเท้าถือก้านไม้น้ำหอมเดินตรงไปตามที่ยายตัวเองบอกในบริเวณชั้นสอง แต่แล้ว…
“แล้วต้องเคาะห้องไหม” ริมฝีปากสีหวานพึมพำกับตัวเอง พลางนึกถึงคำบอกของหัวหน้าแม่บ้านที่ว่า อย่าให้คุณชายเห็น
“งั้นขออนุญาตแล้วกันนะคะ” พูดจบ มือเล็กก็จัดการค่อย ๆ เคลื่อนเข้าไปบิดลูกบิดที่อยู่ตรงหน้าพลางสาวเท้าเข้าไปภายในห้องนอนสุดหรูที่ถูกตกแต่งด้วยโทนสีเทาเข้ม ดูมีระดับเป็นอย่างมาก บ่งบอกได้ถึงเทสต์ที่ดูล้ำค่าของเจ้าของห้อง รวมถึงฐานะที่ร่ำรวย
“เดี๋ยวสิ นี่ไม่ใช่เวลานะ” ลูกหว้าเอ่ยด้วยความเรียกสติตัวเองกลับมา ก่อนจะรีบนำก้านไม้น้ำหอมหรูไปวางบริเวณหัวเตียง พลางทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยืนมองบริเวณรอบ ๆ ห้องด้วยความตื่นตาอยู่ไม่น้อยที่ได้เห็นความสุดหรูหรานี้ และเมื่อได้สติ
“รีบออกไปดีกว่า…” สองเท้าบางก็ทำท่าจะเร่งฝีเท้าเดินออกจากห้องนอนหรู
ครืนนน!
ทว่าขณะที่ลูกหว้ากำลังจะเดินออกไป ร่างเล็กก็ต้องสะดุ้งไปกับเสียงเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นจากบริเวณด้านในห้องน้ำ
“สะ…เสียงอะไร…” ปากเล็กพึมพำด้วยความสงสัย บวกกับความไม่รู้จะทำยังไงดีกับสิ่งที่ได้ยิน
กระทั่ง
เพล้ง!
เสียงภายในดังขึ้นมาอีก ทำเอาลูกหว้าที่ได้ยินรู้สึกใจไม่ดีเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุภายในจึงตัดสินใจบิดกลอนประตูเข้าไปหมายจะช่วยเหลือด้วยความตื่นตกใจที่มี ซึ่ง! การเปิดประตูเข้าไปของเธอนั้นทำเอาหญิงวัยสิบเก้ายืนนิ่งตัวแข็งทื่อกว่าเดิมกับภาพตรงหน้า
ภาพของชายร่างสูงที่กำลังยืนเปลือยกายเปล่าค่อย ๆ หันมาจ้องมองเธอด้วยใบหน้าราบเรียบนัยน์ตาคมกริบนั้นฉายให้เห็นถึงความดูเย็นชาชัดเจน
(มีรูป)