“คุณวินไม่ต้องไปส่งฟ้าหรอกค่ะ เดี๋ยวฟ้ากลับเอง ขอบคุณแล้วก็ขอโทษนะคะ ฟ้าไม่รู้มาก่อนว่าคุณจะมาถ้าฟ้ารู้ฟ้าจะไม่มาทำให้คุณหงุดหงิดใจเลยค่ะ ฟ้าขอโทษอีกครั้งนะคะ”พราวฟ้าก้มศีรษะลงเพื่อเป็นการขอโทษเขาพลางน้ำตาที่อยู่ดีๆก็คลอเต็มลูกตา เธอพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้ร้องไห้กลืนน้ำตาลงคอเพื่อไม่ให้เขาเห็นความอ่อนแอของตัวเอง
“หึ ขอโทษทำไม อยากสร้างภาพหรอตอนนี้ไม่มีคนอื่นแล้วเธอไม่ต้องแสดง”
“ฟ้าไม่ได้แสดงค่ะ ฟ้าตั้งใจขอโทษคุณจริงๆ คุณจะรับหรือไม่ก็สุดแล้วแต่คุณค่ะฟ้าถือว่าฟ้าได้ทำหน้าที่ของฟ้าแล้ว”พราวฟ้ายังคงก้มหน้าขอโทษเขาและเมื่อพูดจบเธอก็รีบหันหลังเพื่อไม่ให้เขาเห็นน้ำตาที่ตอนนี้กำลังจะไหลลงมาอาบสองแก้ม
“จะไปไหน”ภวินทร์รีบถามเธอเมื่อเห็นว่าเธอกำลังหันหลังเดินจากไป
“กลับบ้านค่ะ”เธอตอบเขาพลางรีบเอามือปาดน้ำตาตัวเอง
“ขึ้นรถสิเดี๋ยวไปส่ง ผมรับปากพอใจแล้วไม่อยากผิดคำพูด”
“ไม่เป็นไรค่ะเรื่องนั้นคุณไม่ต้องห่วงฟ้าจะบอกพอใจเอง”
“อย่าทำเป็นเก่งรีบมาขึ้นรถ”ภวินทร์รีบดึงแขนพราวฟ้าไว้เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินออกไปทำให้เธอเสียหลักเซเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเขา เมื่อตั้งหลักได้พราวฟ้ารีบดีดตัวเองออกทันที
“ขึ้นรถ”ภวินทร์ไม่รอฟังคำตอบแต่เปิดประตูและผลักเธอเข้าไปนั่งในรถทันทีก่อนจะเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับและลงไปนั่งข้างๆเธอ เมื่อเข้าไปในรถพราวฟ้าก็นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาจนภวินทร์ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามเธอก่อน
“บ้านอยู่ที่ไหน”
พราวฟ้าบอกที่อยู่เขาและนั่งนิ่งอีกครั้ง
“จะนั่งนิ่งอีกนานมั้ยคาดเข็มขัด”ยังพูดไม่ทันจบประโยคเขาก็ขัดใจในความชักช้าของเธอจึงเอี้ยวตัวมาหยิบเข็มขัดคาดให้เธอทำให้เขาได้มองใบหน้าของเธอชัดๆและเห็นดวงตาสีแดงก่ำเหมือนคนพึ่งร้องไห้มา
“ร้องไห้”เขาถามเธอสั้นๆ
“ป่าวค่ะ แค่แสบตาฟ้าว่าเรารีบกลับกันดีกว่าค่ะ อย่าสนใจฟ้าเลย”
“หึ ตีหน้าเศร้า อ่อยเหยื่อเก่งนี่”เขาว่าเธอทำให้พราวว่าหันมองหน้าเขาพร้อมกับแสดงสีหน้าไม่เข้าใจในความหมายที่เขาพูดแต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร
“ทำไมเสียใจที่มีคนรู้ทันหรอ”
“รู้ทันเรื่องอะไรคะ ถ้าคุณไม่อยากไปส่งฟ้าก็ไม่เป็นไรนะคะ ฟ้ากลับเองได้จริงๆค่ะ”สิ้นเสียงหญิงสาวภวินทร์ก็สตาร์ทรถและรีบขับออกไปทันที
คืนนี้แม้จะเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วแต่รถก็ยังติดมากพราวฟ้าที่อยากให้ถึงบ้านเร็วๆนั่งนิ่งบีบมือตัวเองแน่นเพราะไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ยิ่งรู้ว่าเขาไม่ชอบหน้าตัวเองยิ่งทำตัวไม่ถูก ภวินทร์เองก็ขับรถเงียบๆไม่พูดไม่จาแต่สายตาคอยเหลือบมองเธอเป็นระยะ เมื่อเห็นดวงตาที่ยังมีสีแดงอยู่เขายิ่งสงสัยว่าเธอร้องไห้ทำไมเพราะเขาไม่เชื่อที่เธอบอกว่าแสบตาซักนิด ใจหนึ่งก็แอบคิดว่าเธอจะมาไม้ไหนหรือต้องการอ่อยเหยื่อให้เขาสงสารเธอ ระยะเวลาขับรถบนท้องถนนคืนนี้สำหรับทั้งสองคนช่างแสนยาวนานเหลือเกิน ยาวนานจนแทบทำให้หยุดหายใจได้ ทันทีที่รถเลี้ยวเข้ามาในซอยบ้านของเธอพราวฟ้าแอบถอนหายใจโล่งอกที่ในที่สุดก็ถึงสักที
“จอดข้างหน้านี้แหละค่ะ”พราวฟ้าบอกให้ชายหนุ่มจอดรถเมื่อถึงหน้าบ้านตัวเองแล้ว
ภวินทร์หยุดรถและมองสำรวจบ้านไม้สองชั้นที่แม้จะมองในยามกลางคืนก็ยังรู้ว่าเก่ามาก เขาไม่เข้าใจว่าเธอก็มีเสี่ยเลี้ยงดูทำไมถึงยังอยู่บ้านแบบนี้
“ฟ้าขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“นี่เสี่ยของเธอมันให้เงินไม่เยอะหรอถึงได้อยู่บ้านเก่าๆแบบนี้”
“คุณพูดเรื่องอะไรคะเสี่ยที่ไหน อีกอย่างถึงบ้านฟ้าจะเก่าแต่ฟ้าก็รักมาก ขอบคุณอีกครั้งที่มาส่งนะคะ”พราวฟ้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ภวินทร์พูดแต่ก็ไม่คิดจะเซ้าซี้เค้าเพราะอยากออกไปจากตรงนี้เต็มที
“หึ แสดงเก่ง ทำอะไรอย่าคิดว่าคนอื่นเขาไม่รู้ ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าพอใจคบคนอย่างคุณเป็นเพื่อนได้ยังไง”
“คนอย่างฟ้ามันแย่ขนาดที่คบเป็นเพื่อนไม่ได้้เลยหรอคะ ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณไม่พอใจ ขอโทษที่ไม่มีบ้านสวยๆอยู่ ไม่มีรถหรูๆขับ ไม่มีเงินทองเหลือกินเหลือใช้อย่างพวกคุณ ฟ้าก็แค่คนจนที่ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องพอให้มีชีวิตรอดไปวันๆเท่านั้นแหละค่ะ”พราวฟ้าตอบกลับเขาทันทีเพราะน้อยใจที่คิดว่าเขารังเกียจคนจนๆอย่างเธอได้ขนาดนี้
“หึ ทำงาน ทำงานที่แปลว่านอนให้ผู้ชายเลี้ยงน่ะหรอ”
“คุณวิน มันจะมากเกินไปแล้วนะคะ ถึงฟ้าจะจนฟ้าก็เป็นคนเหมือนคุณเพราะฉะนั้นคุณไม่มีสิทธิ์มาดูถูกคนอื่นแบบนี้นะคะ”
“ก็ดูถูกไง ผมดูผิดตรงไหนล่ะ”
เพี๊ยะ!!
พราวฟ้าตบหน้าเขาอย่างแรงเพราะเธอเสียใจที่โดนเขาดูถูกมากขนาดนี้จึงขาดสติตบหน้าเขา
“กล้าตบผมหรอ”ภวินทร์จับข้อมือเธอแน่นและดึงหญิงสาวเข้ามาหาตนอย่างแรงจนเธอร้องเจ็บและกลั้นน้ำตาไม่อยู่ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ภวินทร์ที่เห็นหญิงสาวร้องไหนก็ทำตัวไม่ถูกได้แต่มองจ้องหน้าเธอนิ่ง ในใจเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก
“ปล่อยฟ้าเถอะค่ะ ฟ้าขอร้อง”พราวฟ้าทั้งพูดทั้งร้องไห้ไม่หยุด ภวินทร์เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มของพราวฟ้าก็ยกมือจะเช็ดน้ำตาให้เธอ ก่อนจะเปลี่ยนใจรีบผลักเธอออก พราวฟ้าเองเมื่อเป็นอิสระแล้วก็รีบวิ่งเข้าบ้านไปทันทีปล่อยให้ภวินทร์นั่งบ่นกับตัวเองว่าพูดและทำอะไรลงไป ทำไมถึงทำร้ายจิตใจเธอได้ขนาดนี้
สองอาทิตย์แล้วตั้งแต่ทั้งสองคนมีเรื่องไม่เข้าใจกัน ตั้งแต่วันนั้นทั้งคู่ก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย จนถึงวันที่พราวฟ้าต้องไปฝึกงานที่บริษัทผลิตสื่อโฆษณาขนาดใหญ่ ที่เธอเลือกมาฝึกงานที่บริษัทนี้เพราะอยากเรียนรู้งานด้านอื่นบ้างนอกจากงานแปลหนังสือที่ทำอยู่เป็นประจำและอีกอย่างบริษัทนี้ทำงานร่วมกับชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะจึงเป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะได้ฝึกภาษาในการทำงานจริงด้วย วันนี้เธอตื่นเต้นมากตรวจสอบเช็คความเรียบร้อยของตัวเองซ้ำไปซ้ำมาและรีบออกจากบ้านแต่เช้า
“น้องพราวฟ้าใช่มั้ยจ๊ะ”เลขาของประธานเดินมาต้อนรับพราวฟ้าที่นั่งรออยู่ในห้องประชุม
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อพราวฟ้าค่ะที่จะมาฝึกงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาค่ะ”พราวฟ้าแนะนำตัว
“สวัสดีจ่ะ พี่ชื่อนรินนะคะเป็นเลขาของบอสและเป็นคนที่จะดูแลหนูตลอดช่วงฝึกงานนี้ค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่นริน ฟ้าฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ เป็นธุระพี่นรินต้องช่วยสอนงานแล้วค่ะ ฟ้าจะตั้งใจเรียนรู้งานให้เต็มที่นะคะ”ทั้งสองคนพูดคุยทักทายกันด้วยรอยยิ้ม นรินเมื่อเห็นหน้าพราวฟ้าก็นึกเอ็นดูเธออย่างบอกไม่ถูก