เพราะรู้สึกถูกใจ
กานต์พิชชาเบิกตากว้างกับข้อแลกเปลี่ยนของชายหนุ่มที่กำลังโอบกอดเธออยู่ เธอไม่รู้จักเขา และแน่นอนว่าเขาคือคนแปลกหน้าสำหรับเธอ แต่เขากลับ...ขอเธอแต่งงาน!?
"คุณ...หมายความว่ายังไง"
เธอถามเขาไปอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจและไม่อยากจะเชื่อ ว่าเขาจะยื่นข้อเสนอนี้มาให้ เพราะการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แต่มันคือเรื่องใหญ่มาก ทว่าเขากลับพูดออกมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
"หมายความว่าผมจะช่วยคุณ ถ้าคุณยอมแต่งงานกับผม"
ปรัชญ์เห็นกานต์พิชชาตั้งแต่อยู่ในงานประมูลเครื่องเพชรการกุศล ใบหน้าสวยของเธอดึงดูดสายตาของเขาเป็นอย่างมาก ถึงแม้ในตอนนั้นสีหน้าของเธอจะเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของเธอลดลงไปเลยแม้แต่น้อย และตอนที่อยู่ในงานเขาไม่สามารถละสายตาจากเธอได้เลย ตอนที่เห็นเธอเดินออกจากงานด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาคิดว่าเธอคงมีปัญหาอะไรสักอย่าง จึงตัดสินใจเดินตามเธอออกมา
แต่สาเหตุที่เขาขอเธอแต่งงานกลับไม่ใช่เพราะความสวยที่ดึงดูดสายตา หากเป็นเพราะ ‘ความเหมือน’ ต่างหาก
ถ้าเขาเดาไม่ผิด เธอคงถูกมารดาบังคับให้มาออกงานในวันนี้ด้วย และไอ้ผู้ชายที่ยังยืนอยู่ข้างหลังเธอตอนนี้ก็คงเป็นผู้ชายที่มารดาของเธอปลื้มมากจนอยากได้เป็นลูกเขย ทั้งที่เธอไม่ได้เต็มใจ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น...เขาเองก็คงอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต่างกันกับเธอ
เพราะวันนี้เขาก็ถูกมารดาบังคับให้มางานนี้ เพื่อมาเจอรสาบุตรสาวของเพื่อนสนิทของท่าน และแน่นอนว่ามารดาอยากให้เขาแต่งงานกับบุตรสาวของเพื่อนสนิทคนนี้ด้วย โดยอ้างว่ารสามีความเพียบพร้อม มีกิริยามารยาทที่ดีเหมาะที่จะเป็นสะใภ้และภรรยาของเขาที่สุด
ไม่ใช่ว่ารสาไม่ดี เขาเองก็รู้จักและสนิทกับรสาในระดับหนึ่ง แต่ปรัชญ์ไม่ชอบการคลุมถุงชน หากต้องแต่งงานกับใครสักคน เขาก็อยากเป็นคนเลือกเจ้าสาวของเขาด้วยตัวเองมากกว่า
ชายหนุ่มยอมรับว่าการขอคนแปลกหน้าอย่างกานต์พิชชาแต่งงาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาทำเพื่อประชดมารดาที่มักเข้ามาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของเขา แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขารู้สึกถูกใจเธอจริง ๆ สีหน้าเบื่อหน่าย ที่พร้อมจะหาทางชิ่งหนีทุกครั้งที่มีโอกาสที่เธอแสดงออกมานั้น ทำให้เขารู้สึกถูกใจเธอเป็นอย่างมาก เพราะคิดว่าเธอคงจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
ปรัชญ์เห็นทีหน้าเครียด ๆ ของหญิงสาวจึงพูดขึ้นอีกครั้ง
"คุณยังไม่ต้องตัดสินใจตอนนี้ก็ได้ ผมให้เวลาคุณคิดระหว่างที่นั่งรถไปกับผม และถ้าหากคุณปฏิเสธ ผมจะให้คุณลงจากรถทันที"
ร่างบางหันกลับไปมองอดีตแฟนอีกครั้ง เห็นว่าฝ่ายนั้นยังไม่ยอมขยับไปไหน หญิงสาวจึงหันกลับมาพยักหน้าตกลงที่จะไปกับเขาในที่สุด อย่างน้อย ๆ ก็ขอให้รอดพ้นจากสถานการณ์ตอนนี้ก่อน
"มึงจะพาแฟนกูไปไหน"
ขจรศักดิ์ตะโกนถามเมื่อเห็นว่าปรัชญ์โอบเอวกานต์พิชชาเตรียมจะเดินออกไปจากบริเวณนี้
"ไม่ใช่เรื่องที่แฟน...เก่า อย่างมึงต้องรู้" ปรัชญ์ตอบพร้อมย้ำให้ขจรศักดิ์รู้ถึงสถานะตัวเองอย่างยียวน ในเมื่อกานต์พิชชาบอกเขาว่ามันคือแฟนเก่าของเธอ เขาก็จะเชื่ออย่างนั้น
"มึงปล่อยแฟนกูเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากมีเรื่องกับกู!"
ขจรศักดิ์กัดฟันบอกอย่างเดือดดาล ไอ้เวรนี่มันเป็นใคร! กล้าดียังไงมาท้าทายคนอย่างเขา มันไม่รู้หรือไงว่าเขาเป็นใคร
"หึ" ปรัชญ์ยกยิ้มที่มุมปากพลางมองชายตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยัน "บังเอิญกูอยากมีเรื่องเสียด้วยสิ" พูดจบเขาก็หันไปส่งสายตาให้ลูกน้องเขาที่ยืนอยู่บริเวณนั้นออกมาแสดงตัว
ขจรศักดิ์เห็นชายชุดดำนับสิบคนเดินออกมายืนข้างหลังของปรัชญ์ก็รีบขยับถอยหลังไปสามสี่ก้าวอย่างรวดเร็ว แล้วมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเจ็บใจ แววตาเต็มไปด้วยความแค้น อยากเดินเข้าไปซัดหน้ามันให้ช้ำแต่ก็ต้องข่มความต้องการเอาไว้ เพราะสถานการณ์ตอนนี้เขาเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด จึงไม่คุ้มที่จะเสี่ยงนัก
"ฝากจัดการด้วย ถ้ามันอยากจะมีเรื่องนักก็จัดการได้เลย" ปรัชญ์หันไปสั่งลูกน้อง กระชับแขนโอบเอวกานต์พิชชาให้เข้ามาแนบชิดมากกว่าเดิม จากนั้นก็พาเดินไปยังรถตู้สีดำที่วิ่งออกมาจอดรอรับเขาได้สักพักแล้ว
"เป็นอะไร คุณกลัวผมเหรอ"
ชายหนุ่มเอ่ยถามหลังจากขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว เขาสังเกตเห็นว่าเธอนั่งตัวเกร็งและลอบมองเขาเป็นระยะ ๆ อีกทั้งตอนที่เขาโอบเอวเธอเดินมา เธอก็ตัวแข็งทื่อเหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรสักอย่าง
"คะ...คุณเป็นใครคะ"