ช่าย...ไม่มีปัญหา
...ซะเมื่อไหร่ล่ะ!
เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกทำอะไรไม่ถูก แล้วนึกอยากทึ้งผมตัวเองด้วยความรู้สึกหงุดหงิดและโมโหกับสิ่งที่ตนเองจัดการไม่ได้ นี่ก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้วเธอกลับไม่สามารถทำให้อีตาหมีขี้เซานี่ยอมตื่นได้เลยสักนิดเดียว!
ครั้งแรกเธอสะกิดเขาเบาๆ ก่อนจะเพิ่มระดับความแรงจนแทบจะทุบอยู่รอมร่อ เขาก็ไม่ขยับเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังใช้มือปัดมือเธอเหมือนปัดแมลงที่มาเกาะผิวสร้างความรำคาญเสียอย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ลดละความพยายาม ยังคงทั้งทุบทั้งหยิกเขาจนเห็นได้ชัดว่าไหล่ขาวๆ นั้นแดงเถือกไปหมด แต่คนหนังหนาขี้เซา ก็หลับเฉยจนเธอเริ่มรู้แล้วว่าเขาแกล้งเธอแน่ๆ
นี่ทำให้เธอชักจะรู้แล้วแน่ๆ ว่านี่เองคือสิ่งที่เฟรดเดอริกทำท่าเหมือนจะเอ่ยคัดค้านในคำสั่งนี้ของเขา
แต่คิดว่าแค่นี้หรือที่จะทำให้คนอย่างไอ้ฝนยอมแพ้ได้ง่ายๆ
หญิงสาวยกมือเล็กๆ ของตนเองขึ้นแล้วถูมือตนเองแรงๆ ด้วยท่วงท่าคล้ายกับนักยกน้ำหนักสาวที่กำลังจะทำการยกน้ำหนัก หญิงสาวทำหน้ากระเหี้ยนกระหือรือแล้วตะปบมือตนเองลงบนไหล่แข็งๆ ทั้งสองข้างของชายหนุ่มที่นอน คว่ำหน้าไม่เปลี่ยนท่าทีแล้วออกแรงจนสุดกำลังเพื่อรั้งร่างที่ใหญ่โตกว่าเธอเป็นเท่า ขึ้นมาเต็มแรงๆ
ฮึบ
หญิงสาวส่งเสียงในใจขณะที่เหนี่ยวร่างสูงขึ้นมา แล้วก็พบว่ามันเป็นผลเมื่อร่างนั้นค่อยๆ ลอยขึ้นติดมือเธอขึ้นมา
แต่แล้วเรื่องที่เธอไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!
เมื่อหมีขี้เซาที่เธอนึกประมาทนั้นจู่ๆ กลับทิ้งตัวบนที่นอนเต็มแรง ทำเอาเธอที่ทำท่าคล้ายจะเกาะหลังเขาอยู่นั้นเสียหลังล้มทับไปบนแผ่นหลังเปลือยเปล่า และยังไม่ทันได้ตั้งตัวหมีขี้เซาก็กลายสภาพเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เพราะเขากลับ พลิกตัวนอนหงายส่งผลให้เธอที่ทับอยู่เบื้องหลังโดยทับอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่นั้น และ...ในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็เป็นฝ่ายมาคร่อมอยู่บนร่างของเธอที่นอนแผ่อยู่กลางเตียงใหญ่โดยไม่ทันตั้งตัวเสียแล้ว!
“ปล่อยค่ะ!”
หญิงสาวร้องลั่นทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มซุกซนของนิโคลัส และรู้ทันทีว่าตนเองถูกเขาแกล้งเข้าจนได้!
“จุ๊ๆ เรนนี่ที่รัก” นอกจากจะไม่ปล่อยแล้ว นิโคลัสยังทำเหมือนไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น ซ้ำยังทำหน้าเหมือนจะสงสารเธอเสียด้วยซ้ำไป แต่ไอ้แววตาแบบนี้ของเขานี่มันทำให้เธอรู้สึกโมโหขึ้นมาเป็นริ้วๆ แล้วในตอนนี้ “เธอนี่ไม่มีศิลปะในการปลุกคนนอนเอาเสียเลย”
“คุณแกล้งฉัน”
เธอร้องใส่เขาด้วยสีหน้าโกรธๆ นั่นทำให้นิโคลัสยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
“ไม่ได้แกล้ง โธ่...ใครจะกล้าแกล้งคนป่วยอย่างเธอได้กันเล่า” ชายหนุ่มแก้ตัวพัลวัน แต่ฟังอย่างไรมันก็ข้ออ้างชัดๆ
“ถ้างั้นก็ปล่อนฉันเสียทีสิคะ? แล้วนี่คุณก็เสียเวลามามากพอแล้วนะ รีบๆไปอาบน้ำเสียที”
“ยังไปไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้บอกเธอถึงวิธีปลุกฉันให้ตื่นอย่างถูกต้อง” เขาบอก พอมาถึงตรงนี้แม้จะรู้สึกว่ามันชักจะแปลกๆ ขึ้นทุกทีๆ แต่เธอก็ไม่ ทักท้วงอะไร
“วิธีอะไรคะ” หญิงสาวถามอย่างเสียไม่ได้ ถือว่ารู้ๆ ไว้ก็ไม่เสียหาย คราวหน้าจะได้เอามาแก้ลำเขาคืนไม่ให้เขาแกล้งเธอได้ง่ายๆ แบบนี้
พอได้ยินคำถามนิโคลัสก็ค่อยๆ โน้มหน้าลงมาชิดใบหน้าเล็กๆ ของ หญิงสาว จนเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ต้องรดใบหน้าของเธอ หญิงสาวหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอาย มือก็เพียรผลักอกกว้างเปลือยเปล่านั้นออกแต่ก็เหมือนกับผลักกำแพงเพราะเขาไม่ขยับเลยสักนิดเดียว
“จำเอาไว้นะเรนนี่ที่รัก...ปลุกฉันให้ตื่นน่ะมันง่ายนิดเดียวก็แค่...จูบเบาๆก็พอ” พอพูดจบเขาก็จ้องมองริมฝีปากของเธอทันที
“จะบ้าเหรอ!” วรรษาตะโกนลั่น แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ฟัง เพราะใบหน้านั้นยิ่งชิดเขามาเรื่อยๆ ทำให้แกะตัวน้อยในอ้อมกอดจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ได้แต่หลับตาปี๋ แต่ก็รู้สึกว่าลมหายใจของเขาใกล้ชิดเข้ามาเรื่อยๆ...เรื่อยๆ
แต่แล้วหญิงสาวกลับรู้สึกได้ว่าริมฝีปากอุ่นจัดนั้นกลับทาบทับลงบน แก้มใสของเธอแทนจะเป็นริมฝีปากที่เขาจ้องเขม็งแต่แรก ความรู้สึกที่โดนริมฝีปากนั้นประทับลงบนผิวแก้มทำให้เธอชาวาบไปทั้งตัวและลืมตาโพลงมองเขาอย่าง อึ้งตะลึงงัน
และดูเหมือนว่าท่าทางของเธอคงจะตลกมากในสายตาของเขากระมัง เพราะนิโคลัสเงยหน้าหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วกลิ้งตัวไปนอนข้างเธอแทนพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังไม่หยุด ทำเอาสาวใช้ฟิวส์ขาดกระโจนเข้าใส่จิ้งจอกขี้แกล้งอย่างไม่เจียมตัวเลยว่าขณะนี้ใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นลูกน้อง
“ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์! ไอ้จิ้งจอกขี้แกล้ง! ไอ้จิ้งจอกลามก!”
แล้วสาวใช้กิติมศักดิ์ก็ทุบนายจ้างเส้นตื้นที่หัวเราะไม่หยุดพร้อมปัดป้องมือเล็กที่กำหมัดแน่นแล้วระดมทุบตัวเขาด้วยความโมโหไปอีกหลายนาที!
นั่นเป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เพราะพอเขาออกจากห้องน้ำมาแล้วจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็เอาแต่กวนเธอไม่หยุด ซึ่งกว่าจะจัดการเขาจนส่งขึ้นรถไปทำงานได้ วรรษาก็แทบจะคลานลงกับพื้นด้วยความรู้สึกเหมือนสู้รบกับเด็ก ห้าขวบห้าคนรวมกันเสียอย่างนั้น
ใครก็ได้ช่วยบอกเธอที ว่าไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ขี้แกล้งแถมลามกตัวนี้ คือคนๆเดียวกับเทพบุตรสุดหล่อที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้น่ะ!
“ทนเอาหน่อยนะเรนนี่...มิสเตอร์ธอร์นตันก็แค่เล่นสนุกๆ เฉยๆ”
เฟรดเดอริกพูดกับเธอหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานของตนเองจนหมดแล้ว หลังจากที่รถคันหรูซึ่งนิโคลัสเป็นผู้ขับเองนั้นผ่านพ้นรั้วคฤหาสน์ ธอร์นตันออกไป
นี่เป็นอีกธรรมเนียมของบ้านที่ยึดถือปฏิบัติกันแต่ไหนแต่ไร เมื่อเจ้านายเข้ามาหรือจะออกไป ทุกๆ คนจะมายืนรอส่งและรอรับเขาที่ตรงนี้ แม้นิโคลัสจะสั่งยกเลิกไปหลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่ได้ปฏิบัติตาม เพราะหลายคนก็เป็นคนเก่าคนแก่ที่อยู่กันมานาน ยังยึดถือธรรมเนียมของตระกูลกันเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
ได้ยินคำพูดของเฟรดเดอริก พ่อบ้านวัยหกสิบกว่าแล้วหญิงสาวก็หันไป ส่งยิ้มให้เขาจนตาเรียวโตของเธอโค้งเข้าหากันเป็นรูปสระอิขณะที่ส่ายหน้าพลางพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะคุณเฟรด ฉันทำได้ค่ะ...สบายมาก” ตอนท้ายเธอลากเสียงยาว แอบกัดฟันพูดเล็กน้อยเพื่อให้เฟรดเดอริกสบายใจ และเห็นว่าเธอทำได้ แม้จะทุลักทุเลเพราะนายจ้างไม่ให้ความร่วมมือไม่ว่า แต่ขัดแข้งขัดขา เอ้ย ขัดขวางการทำงานของเธอด้วยอีกต่างหากก็ไม่เป็นอุปสรรค
เธอจะเอาชนะเขาให้ได้...คอยดูสิ!
“มิสเตอร์ธอร์นตันที่จริงเป็นคนหยิ่งมาก แต่ถ้าท่านถูกใจใครสักคน ท่านถึงจะกลายเป็นคนขี้เล่นและชอบแกล้ง...” เฟรดเดอริกพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็เงียบไปพักหนึ่ง สายตาสีฟ้าซีดทว่ากลับคมกริบนั้นมองตรงมายังเธอ ให้คนที่มีชะนักติดหลังว่าโกหกนั้นเสียววูบ “...หวังว่าเรนนี่จะรู้ว่าควรทำตัวอย่างไรกับ ความไว้วางใจที่มิสเตอร์ธอร์นตันมีให้นะ”
พูดจบพ่อบ้านสูงวัยก็เดินจากไป ทิ้งให้เธอได้แต่ยืนนิ่ง กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ชักรู้สึกว่าเฟรเดอริกอันตรายขึ้นมาทันที