งานเลี้ยงดำเนินไปเรื่อยๆ มันช่างแสนจะน่าเบื่อสำหรับฉัน มองไปทางไหนก็เจอแต่คนที่มีฐานะ มีหน้าตาทางสังคม ทุกคนต่างพูดคุยกันเรื่องธุรกิจ ส่วนฉันก็ได้แต่ฟังเงียบๆ
มาลิคไม่ปล่อยให้ฉันไปไหนคนเดียว ขนาดเข้าห้องน้ำก็ยังสั่งให้ลูกน้องตามไปด้วย มันอึดอัดมากอยากให้งานนี้จบลงสักที
ฉันมองมาลิคที่กำลังพูดคุยกับผู้ใหญ่ในงาน ลูกน้องเขาก็ออกไปสูบบุหรี่ด้านนอก จึงใช้จังหวะนี้ปลีกตัวออกมาห้องน้ำ
รู้ว่าหากมาลิครู้เขาคงหงุดหงิดมาก แต่อยู่ตรงนั้นฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของตัวเองเลยจริงๆ
“อื้อ ใจร้อนจังเลย เบาๆ สิคะช้ำหมดแล้ว”
“เดี๋ยวมีคนมาได้ยินนะคะ อื้อ ตัวแดงหมดแล้ว”
ทันทีที่ก้าวขาเดินเข้ามาในห้องน้ำก็ได้ยินเสียงแว่วมา ฉันรีบเม้มปากแน่นเพราะน้ำเสียงแบบนั้นบวกกับคำพูดชวนให้คิดไปถึงไหนต่อไหน
นี่ขนาดห้องน้ำงานเลี้ยงที่มีแต่คนใหญ่คนโตก็ยังไม่เว้นหรอเนี่ย คนรวยชอบแบบนี้สินะ มันคงเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับพวกเขา
ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำอีกห้องที่ว่าง ไม่ได้จะทำธุระส่วนตัวอะไรแค่กลัวลูกน้องของมาลิคจะหาตัวเจอก็เลยเข้ามาแอบ ขอนั่งเงียบๆ ในนี้สักครึ่งชั่วโมง
“คุณคาแลน อื้อ อารมณ์ร้อนไม่เปลี่ยนเลยนะคะ”
“หุบปากไปซะ ร้องอะไรนักหนากลัวคนอื่นไม่ได้ยินรึไง”
เฮือก!! หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบไหวเมื่อได้ยินชื่อที่ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยขึ้นไหนจะน้ำเสียงตอบกลับที่คุ้นหู
ฉันกำมือแน่นพยายามเตือนตัวเองว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันคาแลนมีสิทธิ์จะทำกับใครก็ได้ แต่ทำไมมันหน่วงและเจ็บที่อกข้างซ้ายขนาดนี้กัน
เพราะไม่อยากได้ยินเสียงอะไรต่อ ไม่อยากรับรู้ ฉันตัดสินใจเปิดประตูห้องน้ำแล้วเดินออกมา ไม่คิดว่าห้องตรงข้ามก็จะเปิดประตูออกมาพร้อมกัน
สายตาทั้งสองคู่ประสานกันอย่างไม่ตั้งใจ เป็นคาแลนจริงๆ เสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ไม่ค่อยเรียบร้อยบ่งบอกว่าทั้งคู่เข้าไปทำอะไรกันในห้องน้ำ
ผู้หญิงคนนั้นดูหงุดหงิดนิดหน่อย เธอไม่สนใจว่าฉันจะสงสัยอะไรไหม ออกมาจากห้องน้ำแล้วก็รีบเดินออกไปเลย ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงแค่ฉันกับคาแลนที่ยังยืนมองหน้ากันอยู่
“อะ เอ่อ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะไม่บอกใคร” พอตั้งสติได้ก็รีบบอกทันที นี่มันจังหวะนรกจริงๆ
“เรื่องอะไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามพร้อมหัวคิ้วที่ขมวดเค้ม
“ก็….ที่คุณกับผู้หญิงคนนั้น”
“หืม?”
“ปะ เปล่าๆ ค่ะ คือ ขะ ขอตัวก่อน….” ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ คาแลนก็ดึงฉันมาที่หน้ากระจก เขาใช้สองมือจับสะโพกยกตัวฉันลอยขึ้นมานั่งบนขอบอ่างล้างมือ
“ได้ยินว่าอะไรบ้าง”
“ไม่ได้ยินอะไรเลยค่ะ” ตอบแล้วก็รีบก้มหลบสายตาที่กำลังจับผิด หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวๆ ในตอนที่ใบหน้าคมคายก้มลงมาใกล้
“มาลิคมันไม่ส่งหมาคอยตามเธอหรือไง”
“จริงสิป่านนี้คงกำลังตามหาฉันอยู่ ขอตัวนะคะ” ฉันพยายามหาทางหนี ดันแผงอกแกร่งออกห่างแต่เหมือนคาแลนจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ
เราไม่ควรอยู่ใกล้กันแบบนี้อีกแล้วไม่ใช่หรือไง แต่ทำไมถึงทำไม่เคยได้เลยสักครั้ง
“นอกจากเจ้านาย มาลิคมันเป็นอะไรสำหรับเธออีก?”
ฉันรู้ รู้ว่าคาแลนหวังคำตอบ และฉันก็รู้ว่าควรตอบยังไงเพื่อให้อีกฝ่ายยอมถอยห่างออกไป
“ควงมางานแบบนี้ต้องให้บอกด้วยหรอคะ คุณคาแลนเป็นคนฉลาดคงเดาได้ไม่ยาก”
“นั่นสิ ฉันไม่น่าสงสัย” แววตาที่เคยสงสัยเปลี่ยนเป็นดุดัน ลมหายใจร้อนผ่าวถูกพ่นออกมากระทบใบหน้าของฉัน
“ปล่อยได้แล้วค่ะ ฉันไม่อยากมีปัญหากับคุณมาลิค” ฉันพยายามดันตัวเองออก แต่คาแลนกลับโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ
“มันเลี้ยงเธอด้วยอะไรทำไมถึงเชื่องขนาดนี้”
ฉันมองหน้าเขาและเตือนตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ว่าอย่าหวั่นไหว ก่อนจะตอบ “เงินไงคะ”
“ฉันก็มี เธออยากได้มากขนาดไหน?”
“ไปหาดูในห้องน้ำสิ” เสียงลูกน้องของมาลิคกำลังวุ่นวายอยู่หน้าห้องน้ำพอได้ยินแบบนั้นฉันก็เบิกตากว้าง พยายามดันตัวเองออกจากคนตัวสูงตรงหน้า
“อย่าทำแบบนี้ อยากเดือดร้อนหรอคะ”
“เดือดร้อน? หึ! มันจะทำอะไรได้”
“เขาทำได้มากกว่าที่คุณคิดก็แล้วกัน” ฉันพยายามเตือนอ้อมๆ แต่เหมือนคาแลนจะไม่ค่อยใส่ใจ
ใบหน้าคมคายก้มลงมาบดขยี้จูบบนริมฝีปาก ทำให้ฉันตกใจเพราะถ้าลูกน้องมาลิคมาเจอมีเรื่องแน่ๆ
แต่ไม่นานคนตัวสูงก็ถอดถอนริมฝีปากออก จากนั้นก็ถอยห่างจากตัวฉัน ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมากพอเป็นอิสระฉันก็รีบออกจากห้องน้ำทันที
“หายไปไหนมาครับ นายหงุดหงิดมากเลยตอนนี้” พอลูกน้องมาลิคเจอฉันก็รีบมาประชิดตัวแล้วถามทันที
ฉันไม่ตอบอะไรเดินตามชายที่อยู่ในชุดสูทสีดำกลับมาในงานเลี้ยงอีกครั้ง พอเจอมาลิคก็ถูกสายตาของเขาจ้องเขม็งทันที แต่เพราะมีผู้ใหญ่ในงานเขาก็เลยไม่ทำอะไร
“ฉันต้องขึ้นไปพูดอะไรบนเวทีนิดหน่อย เธอต้องขึ้นไปด้วยเตรียมตัวดีๆ”
“ทำไมต้องขึ้นไปกับคุณด้วยละคะ งานนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับมิลาเลย”
“เกี่ยวสิ เธอเป็นคนสำคัญของฉันนะมิลา” รู้สึกไม่ค่อยดีกับรอยยิ้มมุมปากของคนเจ้าเล่ห์อย่างมาลิคเลย
ไม่นานมาลิคก็ต้องขึ้นไปพูดกล่าวขอบคุณแขกในงานโดยมีฉันยืนอยู่ข้างๆ เขาบนเวที มองไปด้านหน้าตรงนี้เห็นคาแลนชัดมากๆ และแน่นอนว่าสายตาเย็นชาคู่นั้นของเขากำลังจดจ้องมายังใบหน้าของฉัน
มาลิคกล่าวขอบคุณคาแลนที่มาร่วมลงทุนด้วยกัน คำพูดสวยหรูพวกนั้นล้วนเป็นคำลวงทั้งหมด
“ผมมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่อยากจะบอกให้ทุกคนรู้” จู่ๆ มาลิคก็เอาแขนโอบมาที่เอวของฉันแล้วดึงให้แนบชิดกับตัวเอง ก่อนจะพูดต่อ “หลายคนคงสงสัยว่าผู้หญิงที่ยืนข้างๆ ผมตอนนี้คือใคร”
“………..” ตอนนี้มาลิคกำลังจ้องหน้าคาแลนอยู่ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
“เธอชื่อมิลา เป็นว่าที่คู่หมั้นของผมครับ”
หลังจากเสียงประกาศลั่นของมาลิคแขกในงานต่างฮือฮากันใหญ่ ส่วนฉันก็นิ่งค้างเพราะไม่รู้อะไรเลย เขาทำเกินไปแล้ว มายัดเยียดสถานะบ้านี่ให้ทั้งที่ไม่ต้องการได้ยังไง