เช้าวันใหม่เนสิตาตื่นตั้งแต่เช้า เธอเลือกสวมชุดที่เน้นความสบายคล่องตัวแต่ยังคงความน่ารักอย่างที่ชอบ เสื้อกล้ามคอกลมผ้าคอตตอนสีขาวซึ่งเป็นสีโปรดจากนั้นสวมทับคาร์ดิแกนสีเบจตัวบางเหมาะสำหรับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ท่อนล่างกางเกงผ้าลินินสีเบจขาสั้นเหนือเข่าเผยให้เห็นเรียวขาสวยรับกับรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่โปรดที่เธอสวมอยู่เป็นประจำ
ผมสีน้ำตาลเข้มถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าสูงปล่อยปอยผมบางส่วนหลุดลุ่ยลงมาข้างแก้มอย่างเป็นธรรมชาติ วันนี้เธอแต่งหน้าอ่อนๆ เผยผิวหน้าใสรับริมฝีปากที่เจือสีระเรื่อจากลิปออยด์สีหวานทำให้เธอดูมีเสน่ห์ตามวัยอย่างน่ามอง หญิงสาวหมุนตัวหน้ากระจกจนมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกมาช่วยมารดาเอาแซนด์วิชลงกล่อง
“ถึงแล้วโทรบอกแม่ด้วยนะลูก”
“ได้ค่ะแม่หนูรู้ว่าแม่เป็นห่วง”
เมื่อรถของฐากูรเล่นเข้ามาหน้าบ้านสองแม่ลูกก็จัดแซนด์วิชลงกล่องเสร็จพอดี
ฐากูรดับเครื่องและเดินลงมาจากรถวันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นถึงข้อศอกกับกางเกงยีนสบายๆ เหมือนกับทุกวันจะต่างก็ตรงรองเท้าเพราะวันนี้เขาสวมรองเท้าผ้าใบแทนที่จะเป็นรองเท้าบูตเหมือนตอนที่อยู่ในไร่
ชายหนุ่มยังไม่ทันได้กดออดที่หน้าบ้านคุณนีรนุชและลูกสาวก็เดินออกมาพอดี
“สวัสดีค่ะคุณฐา” นีรนุชและลูกสาวทักทายพร้อมกัน
“สวัสดีครับ”
“ขอบคุณนะคะที่ให้ลูกสาวฉันติดรถไปอีกแล้ว ฉันทำแซนด์วิชกับกาแฟไว้ให้แล้วจะได้เอาไปทานบนรถ”
“ขอบคุณมากครับ”
“ฉันเกรงใจคุณฐามากที่ลูกสาวไปกวนคุณบ่อยๆ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมขับรถเข้ากรุงเทพคนเดียวคงง่วงมากมีเนสไปด้วยคงช่วยหายง่วงได้เยอะ” เขาพูดแล้วกันมามองหน้าคนช่างพูดที่ยืนอยู่ข้างๆ มารดา
“เห็นไหมคะแม่มีหนูไปด้วยก็มีประโยชน์นะคะอย่างน้อยคุณฐาก็ง่วงค่ะ”
“เรื่องนี้ก็จริงนะ เพราะลูกสาวแม่คุยเก่ง แม่จะกลัวคุณฐารำคาญมากกว่าค่ะ ถ้าคุณฐารำคาญก็บอกเธอไปเลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ครับ”
“เนสว่าเรารีบไปกันเถอะค่ะ ทำธุระเสร็จแล้วจะได้รีบกลับ”
“ดูแลตัวเองดีๆ นะลูกอย่ากวนคุณฐา”
“ค่ะแม่”
“ผมไปก่อนนะครับแล้วจะรีบกลับมาส่งก่อนค่ำ”
“ค่ะ ฉันฝากดูแลลูกสาวด้วยนะคะ”
หลังจากบอกลามารดาแล้วเนสิตาก็เดินอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนนั่งข้างคนขับฐากูรสตาร์ทรถและค่อยๆ ขับเคลื่อนออกจากบ้านหลังเล็กมุ่งหน้าสู่ถนนใหญ่ที่เชื่อมไปยังกรุงเทพฯ
“สงสัยว่าคุณต้องเพิ่มเมนูนี้ในร้านแล้วล่ะ” ฐากูรพูดหลังจากทานแซนด์วิชหมดไปหนึ่งชิ้น
“เนสก็คิดเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ที่ร้านรับคนมาเพิ่มแล้วบางทีอาจมีเมนูใหม่ๆ เพิ่มขึ้น”
“ผมดีใจกับคุณและแม่คุณด้วยนะ ร้านเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงสองปีแต่ลูกค้าก็เยอะขึ้นมาก”
“คุณฐารู้ได้ยังไงคะ”
“ผมสังเกตจากยอดสั่งไวน์ที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงหลายเดือนมา”
“แล้วที่ไร่คุณฐากูรเป็นไงบ้างคะ เนสอยากเข้าไปดูการผลิตไวน์มากเลยค่ะ เนสดูการผลิตในยูทูปแล้วก็อยากเห็นของจริง”
“เอาไว้กลับไปก่อนก็แล้วกันนะ”
“องุ่นที่เนสเก็บวันนั้นตอนนี้คงได้เอาไปทำไวน์แล้วใช่ไหมคะ”
“ตอนนี้ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการบ่มเบื้องต้นเลยครับ เป็นช่วงที่ต้องดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ คนงานต้องเปิดชิมทุกวันก่อนจะเอาลงถังไม้โอ๊คอีกที”
“เนสอยากไปชิมด้วย”
“มันไม่อร่อยหรอกครับ แต่ถ้าอยากชิมจริงๆ ก็ต้องไปชิมในถังที่บ่มไปนานแล้ว เรามีให้นักท่องเที่ยวชิมหลายแบบเลย เอาไว้ผมจะพาไปชิมนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“แม่ว่าไวน์ที่ไร่คุณฐาขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ องุ่นสดก็หวานกรอบอร่อย ขนาดเนสซื้อที่ห้างยังอร่อยมากถ้ากินที่ไร่คงอร่อยมากกว่าเยอะ”
“ผมขอโทษนะ”
“คุณฐาขอโทษเรื่องอะไรคะ”
“ก็ขอโทษที่คุณไปเที่ยวที่ไร่และไปช่วยตัดองุ่นทั้งวันแต่คุณไม่ได้กินองุ่นเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ วันนั้นเนสเองก็สนุกมากจนลืมเรื่องกินองุ่นไปเลย เอาไว้ครั้งหน้าเนสจะไปกินสดที่ไร่เลยค่ะ แต่คงต้องพกขวดน้ำไปด้วยใช่ไหมคะเพราะน้าพลบอกว่าต้องล้างก่อน”
“ครับ ถึงแม้ก่อนเก็บเราจะเว้นระยะจากการให้ยาและปุ๋ยแต่ก็ควรล้างก่อนครับ”
“ครั้งหน้าเนสจะไม่พลาดทั้งองุ่นสดและไวน์ค่ะ”
“แต่ผมว่าคุณน่าจะเคยดื่มไวน์ของผมบ้างนะ”
“ก็เคยค่ะ แต่เนสว่ามันต้องต่างจากการดื่มจากถังไม้โอ๊คแน่ๆ”
“ก็ต่างกันอยู่บ้าง”
“เนสว่ามันต้องเป็นไวน์ที่อร่อยที่สุดแน่เลยค่ะ”
“เดี๋ยวก็ได้ชิม” เขาพูดแล้วหันมายิ้ม
ตลอดทางจากบ้านเข้ามายังกรุงเทพเนสิตาชวนฐากูรคุยมาตลอดทางชายหนุ่มรู้สึกว่าการขับรถเข้ากรุงเทพไม่น่าเบื่อเหมือนเคย
“ถึงแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ ถ้าเนสทำธุระเสร็จแล้วจะไปรอที่ห้างนะคะ” หญิงสาวบอกชื่อห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้บริเวณนี้กับฐากูรหลังจากเขาจอดรถที่หน้าหอพัก
“ถ้าผมทำธุระเสร็จแล้วจะรับตามไปนะ”
เมื่อฐากูรไปแล้วเนสิตาก็เดินเข้าไปติดต่อเจ้าของหอพักและจัดการสัญญาเช่าก่อนจะขึ้นไปทำความสะอาดห้องของตนเอง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ไปรอเขาที่ห้างซึ่งเธอนัดให้เพื่อนมาเจอที่นี่
“มิวทางนี้” เนสิตาโบกมือให้เพื่อนเมื่อเธอเดินเข้ามาที่ร้านกาแฟซึ่งเธอมารออยู่ได้สักพักแล้ว
“คิดถึงจังไหนบอกว่าจะเข้ามาอาทิตย์หน้า”
“พอดีติดรถคนอื่นมาน่ะ”
“แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ”
“เขาไปทำธุระน่ะ แล้วมิวเป็นยังไงบ้างปิดเทอมได้ไปเที่ยวไหนหรือเปล่า”
“ก็ไปทะเลกับที่บ้าน เนสล่ะ”
“ก็ช่วยงานแม่ที่ร้านแล้วก็ไปเที่ยวไร่องุ่น”
“ไร่องุ่นเหรอ”
“อือ คนที่เนสมาด้วยเขาเป็นเจ้าของไร่น่ะ”
“เวลาพูดถึงเขาทำไมต้องยิ้มด้วยล่ะ มิวว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เลยใช่ไหม”
“เนสชอบเขาและกำลังจีบเขาอยู่”
“อะไรนะ คนอย่างเนสต้องจีบผู้ชายด้วยเหรอ”
“คนนี้น่าสนใจมาก” แล้วเนสิตาก็เอารูปที่เธอแอบถ่ายฐากูรให้กับเพื่อนดู
“มันก็น่าจีบอยู่นะ หล่อซะขนาดนี้”
“ใช่มั้ยล่ะ เนสเห็นครั้งแรกก็ชอบเลยแล้วพอได้อยู่ใกล้ก็ตกหลุมรักเลยล่ะ เขาดูเหมือนคนเย็นชาแต่เนสรู้สึกว่าเขาก็แค่แกล้งทำไปแบบนั้น เขาเป็นคนอบอุ่น ยิ่งเวลาทำงานเขาจริงจังมาก”
“แล้วคิดว่าจะจีบติดก่อนเปิดเทอมไหม”
“อันนี้ก็ไม่รู้แต่ตอนนี้ก็หาทางเข้าใกล้เขาอยู่”
“เขาโสดแน่เหรอ”
“แน่นอนเนสสืบมาหมดแล้ว”
“ถ้าจีบติดแล้วเปิดเทอมพาเขามาที่มหาลัยด้วยนะเพื่อนๆ เห็นคงได้อิจฉาเนสกันแน่ๆ”
“ถ้าจีบติดนะ”
“มันคงไม่ยากหรอกน่า เนสทั้งสวยทั้งมีเสน่ห์ไม่มีผู้ชายคนไหนใจแข็งได้นานหรอก”
“มันก็ไม่แน่นะ บางทีเนสอาจต้องหลอกล่อนิดหน่อยให้เขายอมเป็นแฟน”
“ยังไง”
แล้วเนสิตาก็เล่าถึงแผนที่ตัวเองวางให้กับเพื่อนฟังก่อนที่ทั้งสองจะแยกกันเมื่อฐากูรโทรมาบอกว่าเขาทำธุระเสร็จแล้วและกำลังจะมาหาเธอที่ห้าง
“รอนานไหม” เขาถามเมื่อเดินมาเจอหญิงสาวที่จุดนัดพบ
“ไม่หรอกค่ะ คุณฐาจัดการธุระเสร็จแล้วใช่ไหม”
“ครับ หิวหรือยัง”
“นิดหน่อยค่ะ เราจะกินข้าวก่อนกลับใช่ไหมคะ”
“ครับ”
ฐากูรพาเนสิตามาทานอาหารไทยที่ร้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าเท่าไหร่ การพูดคุยดำเนินไปอย่างฐากูรรู้สึกสบายใจอย่างประหลาดเมื่อได้คุยกับหญิงสาวช่างพูดคนนี้ เขาไม่รู้สึกรำคาญหากแต่รู้สึกสนุกที่ได้ฟังเธอเล่าเรื่องของเธอสลับกับเรื่องที่เธอถามเขา
หลังมื้ออาหารเข้าก็พาเธอมาส่งที่ร้าน ชายหนุ่มแวะเข้าไปทักทายมารดาของเธอเล็กน้อยก่อนจะขอตัวกลับ