บทที่หก

2216 คำ
หกปีผ่านไป… “นี่ฮะมามี้ ขอบคุณนะครับ” เสียงหยอกล้อจอแจจากเด็กน้อยวัยห้าขวบในชุดนักเรียนถูกระเบียบอย่าง ‘กวินท์’ หรือ ‘กล้าข้าว’ เรียกความสนใจมารดา “มามี้ส่งมาให้ฮะ เดี๋ยวกล้าข้าวถือเอง” เขาว่าพลางยื่นมือป้อมน่ารักให้จนญาดาหัวเราะในลำคอก่อนขยี้ผมสีดำสนิทเบา ๆ เชิงเอ็นดู กล้าข้าวเด็กคนนี้สดใสราวพระอาทิตย์ เขาเป็นยอดดวงใจของเธอ “กล้าข้าวไหวเหรอ ในนี้มีหนังสือเรียนอยู่ หนักน้า” หญิงสาวย่อกายพลางพูดกับลูกชายด้วยแววตาเอ็นดู “ไหวสิฮะ เป็นผู้ชายลุงมินสอนว่าต้องแข็งแรง อย่าอ่อนแอนะฮะ!” เด็กน้อยเชิดหน้ายกแขนทั้งสองข้างคล้ายเบ่งกล้าม “ไม่อย่างนั้นโตไป ใครจะปกป้องดูแลมามี้กับน้านาล่ะฮะ” คำพูดของเขาทำเอาเธอยิ้มไม่หุบ ญาดาจึงส่งกระเป๋าให้เด็กหนุ่มราวเลี่ยงไม่ได้ “เก่งที่สุดในโลกเลย สุดหล่อของมามี้” คนเป็นแม่เอ่ยชมเสียงอ่อนหวาน นิ้วโป้งทั้งสองข้างเคลื่อนไหวสลับกันไปมาจนร่างเล็กยิ้มร่า “ไหนเติมพลังก่อนทำงานสิ!” “ได้เลยฮะ มามี้คิส ๆ” ทั้งสองโผกอดกันเบา ๆ ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนจรดริมฝีปากสัมผัสแก้มนุ่มนิ่มทั้งสองข้างของญาดา ฟอด! ฟอด! เธอเองก็ทำแบบเดียวกับกล้าข้าวเช่นกัน ตั้งแต่ลูกคนนี้เกิดมาเขาเปรียบดั่งออกซิเจนของผู้เป็นแม่ คอยเพิ่มพลังงานแห่งรักที่ญาดามั่นใจว่าในโลกนี้คงไม่มีใครเหมือนกับลูกในอก แค่มีเด็กน้อยผู้หญิงขี้แพ้อย่างเธอก็พร้อมเดินสู้ต่อ กว่าหกปีที่ล้มลุกคลุกคลานลำบากด้วยกันมาในช่วงปีแรกที่หย่าขาดกับคนใจร้าย ยอมรับว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวแบบเธอ ทว่าหลังบิดาจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ญาดาหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีแทนท่านจงได้สักวัน เธอจำเป็นต้องเข้มแข็งเพื่อลูกเพื่อน้องสาว ญาดาบอกตนเองเช่นนั้น เธอส่งเสียอันนาไปพร้อมกับเลี้ยงดูลูกชายเกือบ ๆ สามปี ยังดีหน่อยที่น้องสาวเป็นคนหัวดี หล่อนจึงสามารถสอบชิงทุนเข้าเรียนแพทย์ในมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ไม่ยากเย็น ปี๊น! ปี๊น! “กล้าข้าว ลุงมินมารับแล้ว” เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของอันนาปลุกญาดาสะดุ้งจากภวังค์ความคิด “วันนี้ไปโรงเรียนกับลุงมินกับน้านานะฮะ” อันนาจูงมือหลานชายคนเดียวแกว่งไกวราวออดอ้อน กล้าข้าวเรียนโรงเรียนซึ่งอยู่ห่างไกลจากบ้าน ญาดาส่งลูกชายเรียนหลักสูตรสองภาษา เพราะไม่อยากให้เขาน้อยหน้าใคร “พี่ฝากนาดูแลกล้าข้าวด้วยนะ แซนด์วิชมามี้ใส่ไว้ในกระเป๋าพร้อมกระติกน้ำแล้ว กล้าข้าวรู้ใช่ไหมฮะ” ญาดาหันไปบอกลูกชายอีกรอบ เพราะวันนี้เจ๊หยกรับงานให้ตนเองในช่วงเช้า “รับทราบฮะมามี้!” เด็กน้อยขานรับขันแข็ง “รู้ใช่ไหมว่าต้องเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน” “แน่นอนฮะ!” กล้าข้าวฉีกยิ้มกว้าง เขาจูงมืออันนาแล้วมุ่งออกจากบ้านไปพร้อมกัน ทั้งสองมักติดรถคามินที่ชอบแวะเวียนมาเล่นกับหลานอยู่บ่อย ๆ ไฮโซหนุ่มชื่อดังในสังคมบัดนี้มีศักดิ์เป็นพี่ชายต่างสายเลือดของเธอ ญาดาคืนดีกับปรานีตั้งแต่ผู้เป็นพ่อจากไปได้เกือบปี เธอไม่ถือสาหาความมารดาที่เคยทิ้งตนเองไป ส่วนท่านปรารถนาอยากชดเชยช่วงเวลาที่ขาดหายโดยการวนเวียนมาอยู่ใกล้ ๆ จนกระทั่งญาดาใจอ่อน หญิงสาวรู้ซึ้งว่าชีวิตคนเราไม่ยั่งยืนนัก เธอไม่อยากลาจากกับท่านทั้งที่ใจยังยึดถือทิฐิ อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้ก็เป็นผู้ให้กำเนิด คนตัวเล็กระบายยิ้มกว้างสำรวจตัวเองในกระจกอยู่ชั่วครู่ เธอจัดแต่งร่างกายพร้อมหยิบกระเป๋าและหมุนตรวจตราความเรียบร้อย เพื่อดูว่าพริตตีสุดฮอตอย่างญาดาพร้อมแล้วสำหรับงานวันนี้ งานโชว์รถสุดหรูจัดขึ้นบนห้างหรูใจกลางกรุงเทพฯ ร่างสูงของนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อจ้ำอ้าวเข้างานพร้อมความมั่นอกมั่นใจ ชายหนุ่มก้มดูนาฬิกาข้อมือเรือนแพงระยับ คิ้วเข้มขมวดฉับพลัน เพราะได้เวลาแล้วแต่ผู้นัดหมายยังไม่มาเสียที “ไอ้เชน!” เสียงทักดัง ๆ พร้อมมือหนัก ๆ ตบลงบนบ่ากว้างจนอนวัฒน์เบี่ยงสายตาจ้องมอง “ตรงเวลาเหมือนเดิมนะมึง” รัฐภาคหรี่ตาหยอกล้อตามประสาหนุ่มสังคมอารมณ์ดี “เดี๋ยวกูมีธุระต่อ มึงก็เหมือนเดิม…” อนวัฒน์ระบายลมหายใจร้อนผ่าว “ไร้สาระเหมือนเดิม” ปกติเขาไม่ชอบวุ่นวายกับงานแบบนี้เท่าไร “กูแค่อยากพามึงมาเปิดหูเปิดตา เห็นไปอยู่นอกมาหลายปี” “ใช่เรื่องไหม” “กลับไทยทั้งทีต้องดูของสวย ๆ งาม ๆ สิวะ” อนวัฒน์และรัฐภาครู้จักกันตั้งแต่ชายหนุ่มย้ายไปอยู่แอลเอใหม่ ๆ สังคมคนไทยในต่างแดนไม่กว้างมากนัก ทั้งสองเรียนต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัยเดียวกันจึงสนิทสนมโดยปริยาย “มึงกลับมาปีละไม่กี่ครั้ง มาทีก็ขลุกอยู่แต่กับงานไม่เบื่อบ้างเหรอวะ” “คำถามจำเจใช้ได้” “แล้วนี่จะกลับมาอยู่ถาวรเลยใช่ไหม” “คงงั้น พ่อย้ายกูมาคุมฝั่งเอเชียส่วนกูก็มีธุรกิจที่นี่ อยู่ไปก็ไม่ได้แย่อะไร” “ดีแล้ว ยังไงที่นี่ก็บ้านเกิดมึง” รัฐภาคพยักหน้าหงึกหงักหลังจากฟังคำตอบ เป็นที่ล่วงรู้ในหมู่เพื่อนสนิทว่าอนวัฒน์ไม่ปรารถนากลับไทย สมัยเรียนจบโทใหม่ ๆ ชายหนุ่มเข้าไปทำงานกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ในอเมริกา ทว่าจากนั้นไม่นานบิดาแท้ ๆ ของเขาอย่าง ‘คุณริชาร์ด’ ก็ดึงอนวัฒน์เข้าไปช่วยบริหารกิจการอย่างเดอะวูดโฮเต็ล โรงแรมห้าดาวที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก “อย่าเสือกเรื่องกู มึงนั่นแหละไม่กี่เดือนจะหมั้นอยู่แล้ว พากูมาเจอใคร ?” “เจ้าของหัวใจ” “หยุดเสี่ยว กูมั่นใจว่าคุณเขมไม่ได้ทำงานที่นี่” อนวัฒน์ส่ายหน้าแล้วถามถึงว่าที่เจ้าสาวเพื่อนรัก เขามองรอบข้างมีเพียงสาวสวยซึ่งต่างแต่งกายน้อยชิ้น ใจนึงคิดว่าน่าพิสมัยอยู่หรอก แต่ถ้าจะให้เอามาเป็นแม่ของลูกเห็นทีต้องขอบาย ก็แค่ผู้หญิงง่าย ๆ ที่โชว์ร่างกายแลกเงิน อาชีพแบบนี้ เขาเกลียดที่สุด เกลียดจนวันตาย! “กูไม่ได้หมายถึงเขม” “นี่มึงอย่าบอกนะว่ามึงนอกใจคุณเขมไปหาผู้หญิงพวกนี้” “ไอ้เชน…” “กูขอเตือนไว้เลยนะ ผู้หญิงแบบนี้สวยแต่รูป ได้ไปก็เท่านั้น” “นี่มึงยังไม่เลิกมองโลกในแง่ร้ายอีกเหรอวะ คนนี้ที่กูอยากแนะนำให้มึงรู้จักคือเธอทั้งสวย นิสัยดีแถมยังน่ารัก มึงช่วยกูนะ เชียร์ให้แม่กูใจอ่อนที” รัฐภาคพร่ำเพ้อพรรณนาถึงนางในฝันไม่หยุดหย่อน เขามักได้ยินมันพูดถึงอยู่บ่อยครั้งในช่วงครึ่งปีให้หลัง คราแรกอนวัฒน์นึกว่าเพื่อนหมายถึงเขมมิกาเจ้าสาวที่บ้านของรัฐภาคจับคู่ไว้ให้ ใครจะไปคิดว่าเพื่อนเสน่หาผู้หญิงหากิน ถ้าเขารู้จะเป็นคนแรกที่ออกตัวห้าม เพราะประสบการณ์ในอดีตเคยสอนว่า…ใช้หัวใจมากกว่าสมองเมื่อไรนั่นเท่ากับบรรลัยทันที “มึงนี่นะ” อนวัฒน์ถอนหายใจเบื่อหน่าย เพราะตนสนิทกับมารดาของรัฐภาคเช่นนี้เพื่อนจึงอยากให้ช่วยหว่านล้อมกระมั่ง “นะไอ้เชน กูชอบคนนี้จริง ๆ” “แต่เขมคือผู้หญิงที่เหมาะกับมึงที่สุด” “กูกับเขมไม่เหมือนมึงกับคุณอิง” รัฐภาคเบี่ยงปลายเท้าพาอนวัฒน์เดินไปเรื่อย ๆ ราวกับพูดไปดูรถไป เรียวปากหยักพาดพิงถึงอิงอรหญิงเดียวซึ่งใกล้ชิดกับคนข้างกายมากกว่าใครตลอดหลายปีที่ผ่านมา “กูกับอิง ?” “มึงกับคุณอิงรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก มึงมีเวลาเตรียมใจแต่กูไม่” “เพราะกูใช้นี่ มากกว่าตรงนี้ไงกูถึงเลือกอิง” อนวัฒน์ส่ายหน้าระอาในความคิดเด็ก ๆ นิ้วชี้จิ้มบริเวณขมับข้างขวาแล้วเลื่อนลงมาตำแหน่งอกข้างซ้าย “โคตรเหี้ย ไร้หัวใจมากเพื่อนกู” “ตอนนี้กูรู้แล้ว อิงคือคนที่เหมาะสมที่สุด” ใบหน้าหล่อเหลาพูดถึงว่าที่เจ้าสาวในอนาคต แต่ไม่มีแววตาแห่งความรักสักนิด “กูละภาวนาให้มึงตกหลุมรักใครเข้าสักวันแล้วใช้หัวใจมากกว่าสมองอย่างที่มึงว่ากู!” รัฐภาคกัดฟันกรอด “อยากเห็นสภาพคุณเชนจริง ๆ ว่าจะเก่งจริงเหมือนปากว่าไหม” เขาหัวเราะร่วนยามจินตนาการถึงช่วงเวลาที่เจ้าชายน้ำแข็งคลั่งรัก แต่ใบหน้าเคร่งขรึมปานนั้นมีผู้หญิงที่ไหนกล้าทำความรู้จักนอกจากหล่อนหมายปองไอ้หน้าหล่อนี่จริง “ไม่มีวัน” อนวัฒน์ปฏิเสธทันควัน “นี่มึงไม่คิดรักใครอีก ?” “หัวใจของกู ไม่ได้มีไว้เพื่อรักใครนานแล้ว” น้ำเสียงเย็นราบเรียบปราศจากความรู้สึก อนวัฒน์แข็งกร้าวสมฉายานักธุรกิจเลือดเย็น “แล้วนี่ไหนผู้หญิงที่มึงว่า” ชายหนุ่มเลิกคิ้วยียวนถามรัฐภาค “หวังว่าหล่อนรักมึงที่เป็นมึง ไม่ใช่อย่างอื่นนะ” “นั่นปากเหรอวะ เดี๋ยวคงออกมาแล้วแหละ วันนี้กูได้ข่าวว่าคุณดะ…” ติ๊ด! ติ๊ด! “ขอตัวแป๊บ มือขวากูโทร. มา” ก่อนที่รัฐภาคจะแนะนำชื่อเสียงเรียงนามเจ้าของหัวใจให้นักธุรกิจหน้าเลือดรู้จัก เสียงโทรศัพท์เครื่องบางในกระเป๋ากางเกงขัดจังหวะพอดิบพอดี อนวัฒน์ดูหน้าจอก่อนกดรับสายเชิงรีบร้อน เท้ายาวจ้ำอ้าวเดินออกไปสวนทางกับสปอตไลต์หน้าเวทีซึ่งสาดส่องมายังใครบางคน เสียงปรบมือเกรียวกราวดังสนั่นในจังหวะที่ร่างงามก้าวยืนมั่นคงอยู่ตรงกลางเวที หญิงสาวเคลื่อนไหวร่างกายราวกับสายน้ำเพื่อเปิดตัวรถคันหรูที่มีมูลค่ากว่าสามสิบล้าน ญาดายิ้มหวานหยดสู้หมู่มวลนักข่าวรวมถึงสายตาหนุ่ม ๆ ซึ่งต่างจับจ้องเธอเป็นตาเดียว ฟู่! ควันขาว ๆ พ่นพร้อมริบบิ้นสีเงินข้างเวทีซึ่งเป็นสัญญาณว่าการแสดงทุกอย่างจบสิ้นลง ญาดาเดินรอบรถคันหรูอีกครั้งเพื่อให้ทุกคนได้ถ่ายรูปดั่งใจหมาย แชะ! แชะ! พรอาภาบอกว่าวันนี้เธอไม่ต้องเชิญชวนอะไรมากนัก แค่โปรยยิ้มหวาน ๆ กับเสน่ห์เหลือล้นก็เกินพอแล้ว หลายปีกว่า ญาดาจะก้าวขึ้นมาเป็นพริตตีแถวหน้าซึ่งมูลค่าสูงลิ่วกว่าใคร ร่างบางไม่ต้องยืนพรีเซนต์สินค้าให้หน่ายเหมือนก่อน เธอแค่โชว์เปิดตัวก็ได้รับเม็ดเงินก้อนงามกลับไปทันที ไม่ถึงหนึ่งนาทีพรีเซนเตอร์ของงานนั่นคือดาราระดับซูเปอร์สตาร์ขึ้นมาทดแทน ญาดาพาตนเองกลับมายังเวทีข้างล่างเพราะงานทุกอย่างเสร็จสิ้นลง “คุณดา…” “คุณภาค” แรงดึงแผ่วเบาราวปุยนุ่มเรียกให้เธอได้รู้ตัว นัยน์ตาเบิกกว้างคล้ายมีคำถามว่าทำไมชายหนุ่มรูปงามถึงมาอยู่ตรงนี้ “มีอะไรหรือเปล่าคะ” “พอดีผมอยากจะขอเวลาคุณดาสักครู่ได้ไหมครับ” รัฐภาคบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ถ้าวันนี้คุณดาว่าง ผมอยากจะชวนไปดินเนอร์” “คือดา…” “นะครับ ผมมีใครคนหนึ่งอยากแนะนำให้คุณดารู้จัก” ดวงตาคมกริบขอร้องอ้อนวอนอย่างที่ไม่เคยทำกับใคร หากญาดากลับนิ่งชั่วครู่สมองเริ่มประมวลใช้ความคิด เธอรู้จักรัฐภาคมาเกือบปีก็พอมองออกว่าเขากำลังตามจีบ แต่ส่วนลึกญาดาไม่รู้สึกอะไรกับชายตรงหน้า หญิงสาวค่อนข้างขยาดในความรักโดยเฉพาะกับเหล่าลูกผู้ดีมีอันจะกิน “นะครับคุณดา ผมบอกมันไปแล้วว่าจะแนะนำคุณดาให้รู้จัก” “ดาไม่แน่ใจ” “นะครับ” มือหนาจับเรียวแขนเล็กไม่ยอมปล่อย ท่าทีรัฐภาคเหมือนประกาศชัดในตัว ถ้าญาดาไม่ตอบตกลงเขาไม่มีวันไปไหน “ก็ได้ค่ะ งั้นเย็นนี้เราดินเนอร์กัน” ทั้งที่กดดันแต่ก็รับปากตกลง ญาดาคิดว่าควรพูดกับเขาเป็นจริงเป็นจังเสียที ถ้าไม่ปฏิเสธตรง ๆ รัฐภาคยิ่งมีความหวังว่าเธอ มีใจ “เย่ ผมจะรอนะครับคุณดา” ชายหนุ่มระบายยิ้มกว้างมีความสุขเกินบรรยาย ครั้งแรกที่เจอผู้หญิงคนนี้ราวกับโลกหยุดหมุน ใบหน้าหวาน ๆ กุมหัวใจเขาไปภายในชั่วพริบตา รัฐภาคตกหลุมรักญาดาหมดหัวใจ แล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสุดท้ายตนเองต้องเผชิญกับความผิดหวัง… เพราะผู้หญิงมีอดีตอย่างเธอในชีวิตรักได้เพียงตนเองและลูกเท่านั้น… จนกระทั่งบัดนี้ญาดายังไม่พร้อมเปิดใจให้ใคร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม