“มาพบคุณสาธิตจ๊ะ” นางนารีเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
“นัดไว้หรือเปล่าคะ” เด็กรับใช้เอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก และอยากจะไล่ให้สองคนแม่ลูกออกไปจากที่นี่ มายืนเกะกะขวางประตูบ้านแบบนี้ น่าจะเป็นมิจฉาชีพแน่ๆ
“ไม่ได้นัดจ๊ะ หนูช่วยบอกคุณสาธิตได้มั้ยจ๊ะว่านารีมาหา” นางนารีรีบขอความเห็นใจ หากว่าไม่ได้พบสาธิต นางกับลูกคงต้องระหกระเหเร่ร่อนไปอีกแน่ๆ
“คงไม่ได้หรอกค่ะ พวกคุณกลับไปเถอะ คุณผู้ชายไปทำงาน” สาวใช้ยังคงตอบอย่างไร้เยื่อใย ไม่แม้แต่คิดจะโทรไปแจ้งเจ้านาย ด้วยเพราะคิดไปแล้วว่าสองคนแม่ลูกคือมิจฉาชีพ
“ฉันมีเรื่องด่วนจริงๆ ขอร้องล่ะหนู ช่วยโทรบอกคุณสาธิตให้หน่อยได้มั้ย” นางนารีเอ่ยด้วยน้ำเสียงวิงวอน ทำให้น้ำรินสงสารมารดาเป็นอย่างมาก
“ถ้าเขาไม่ช่วยเราก็ไปเถอะค่ะแม่ ทุกอย่างมันคงถูกกำหนดไว้แบบนี้” น้ำรินสงสารมารดา เธอจึงเอ่ยออกไปเช่นนั้น ที่จริงหนีไปอยู่ด้วยกันสองคนแม่ลูกก็ได้ ไม่ต้องมาหาบิดาที่เธอไม่เคยรู้จักชื่อและไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนแบบนี้ เพราะเอาเข้าจริง เธอคงไม่มีความสำคัญพอที่เวคินจะออกตามหาตัวหรือออกตามทำร้ายขนาดนั้นหรอก การหนีของเธอครั้งนี้อาจจะทำให้เวคินดีใจเสียด้วยซ้ำ ที่เธอไม่อยู่ทำให้เขาเดือดร้อนใจอีก
“ไม่ได้หรอกลูก ยังไงแม่ก็ต้องพบเขาให้ได้ เพื่อตัวลูกแล้วก็หลาน” นางนารีเอ่ยออกมาด้วยความมุ่งมั่น ส่วนสาวใช้ยังมองมาที่สองคนแม่ลูกด้วยความรำคาญ เธอไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวมอซอแบบนี้จะรู้จักกับคุณสาธิตเจ้าของบ้านจริงๆ หรอกนะ นักธุรกิจใหญ่โตคงไม่ลงมาเกลือกกลั้วกับสองแม่ลูกนี่อีกแน่ๆ ถ้าเธอปล่อยเขาไปรอพบคุณผู้ชาย มีหวังถูกคุณผู้ชายตำหนิแน่ๆ
“น้ำไม่ต้องการอะไรจริงๆ นะแม่ น้ำมีเงินเก็บมากพอที่จะอยู่จนคลอด แล้วหลังคลอดน้ำจะทำงานเลี้ยงแม่กับเจ้าตัวเล็กเอง” น้ำรินเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยความมั่นใจ เธอมีเงินเก็บมากพอสมควรจากที่เวคินให้ แต่เพราะอยากให้ลูกในท้องมีอนาคตที่ดีกว่านี้ เธอเลยเชื่อฟังมารดาและตามท่านมาที่นี่ เพราะไม่อยากให้ท่านต้องผิดหวังเรื่องตนเองซ้ำ แต่ถ้าการมาที่นี่แล้วมันจะทำให้มารดาต้องโดนมองเหยียดแบบนี้ เธอก็ไม่ต้องการ เธอจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับมารดาสองคน โดยไม่ต้องมาลุ้นว่าบิดาจะยอมรับเธอหรือไม่ดีกว่า
“ไม่ได้ แม่จะรออยู่ที่นี่ รอจนกว่าคุณสาธิตจะกลับมา” นางนารีเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด