“ทำค่ะ งานอะไรหนูก็ทำ ขอแค่ให้เป็นงานสุจริตแล้วก็มีเงินเลี้ยงตัวเอง”
“งั้นก็นอนพักให้หายดีก่อน หายดีเมื่อไหร่ค่อยเริ่มงานกัน ค่ารักษาน่ะไม่เป็นไรหรอก ค่อยหักกันไป เดี๋ยวฉันจะคุยกับหัวหน้าให้เอง ว่าขอฝากเธอเข้าทำงานสักคน เพราะกำลังขาดคนงานอยู่พอดี”
“หนูขอบคุณพี่มาก ๆ นะคะ” มีนาก้มลงกราบ
หลังจากได้งานเธอก็ทำงานอย่างแข็งขัน พยาบาลแก้วตาหาที่อยู่ให้เธอเสร็จสรรพ มีบ้านพักว่างอยู่ทางด้านหลังโรงพยาบาลพอดี เธอจึงได้ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลและมีที่พักไม่ไกลกันนัก
มีนายังไม่มีเงินเดือน แก้วตาจึงให้เงินเธอมาก่อนเพราะสงสาร มีนามีน้ำใจคอยช่วยเหลือคนอื่นอย่างไม่เกี่ยงงอน เธอจึงได้กินอาหารฟรีของโรงพยาบาลแบบไม่ต้องหาซื้อ กับข้าวรสชาติอร่อยหรือไม่อร่อย เธอก็ไม่เกี่ยงขอแค่มีข้าวกินเป็นพอ
“หนูอยากเจอหน้าลูก แต่ไม่รู้จะไปหาลูกยังไง พี่พาหนูไปหน่อยได้ไหมคะ ถือว่าหนูขอร้อง หนูรู้ว่าหนูรบกวนพี่หลายเรื่องแล้ว แต่ขอให้ได้เจอหน้าลูกสักครั้ง แค่ครั้งเดียวเท่านั้น” ความหวังว่าจะได้เจอลูกทำให้มีนามีแรงกายแรงใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ
“ก็ได้” แก้วตาเป็นคนกรุงเทพฯ จึงรู้จักเส้นทางดี เธอค้นหาประวัติของคุณหญิงดาวเรืองทางอินเตอร์เน็ตให้มีนาดู เพราะคุณหญิงเป็นคนดัง จึงไม่ยากที่จะพามีนาไปที่บ้านหลังนั้น
บ้านปิดเงียบ มีเพียงคนรับใช้เท่านั้นที่คอยเฝ้าบ้านให้ ถามไถ่กันไปมา จึงรู้ว่าคุณหญิงพาลูกชายและลูกสาวไปอยู่ต่างประเทศ และปิดบ้านเอาไว้นานนับเดือนแล้ว
เธอจำได้ว่าเริงฤทธิ์กำลังจะเรียนจบเหลือแค่สอบจบเท่านั้น ส่วนรังรองเรียนอยู่ปีสอง ย้ายไปอยู่ที่โน่นคงหาที่เรียนใหม่ได้ไม่ยาก เพราะคนมีเงินจะทำอะไรก็ได้
มีนาปล่อยโฮ ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แก้วตาลูบหลังลูบไหล่ให้อย่างปลอบโยน ประตูบานใหญ่ของบ้านถูกปิดลงตรงหน้า เป็นการบอกว่าเธอหมดหนทางที่จะเจอลูกอีกต่อไปแล้ว
“หนูแค่อยากเห็นหน้าลูกสักครั้ง สักครั้งจริง ๆ ไม่ได้อยากจะให้ลูกมาลำบากด้วย เพราะเขาคงมีชีวิตที่ดีที่ได้อยู่กับพ่อและย่าของเขา ตั้งแต่ลูกคลอดหนูก็ยังไม่ได้เห็นหน้าลูกเลย” มีนาสะอื้นแทบขาดใจ ตอนเธอเบ่งคลอด พอลูกออกมาเธอก็สลบไปเสียก่อน หมอกับพยาบาลต้องปฐมพยาบาลกันใหญ่กว่าจะฟื้นขึ้นมา เธอจึงไม่ได้เห็นหน้าลูกแม้แต่น้อย ลูกที่เธออุ้มท้องมาถึงเก้าเดือน แค่อยากเห็นหน้าสักครั้งเท่านั้นเองจริง ๆ
ห้าปีต่อมา...
มีนายืนครุ่นคิดอะไรมากมายในหัว เรื่องราวในอดีตมันฉายชัดในห้วงความทรงจำของเธอ
บ้านหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าคือบ้านที่เธอเคยอาศัยอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งของชีวิต
ป้ายประกาศรับสมัครพี่เลี้ยงเด็กถูกติดหราอยู่หน้าบ้าน ทำให้เธอรีบมาสมัครงานที่นี่ในทันที แต่จริง ๆ แก้วตาเป็นคนบอกเธอ เพราะอีกฝ่ายขับรถผ่านจึงเห็นป้ายประกาศอันนี้
ใจของมีนาเต้นรัวไม่เป็นส่ำ เมื่อคิดว่าเด็กที่เธอจะได้ดูแลคือลูกน้อยกลอยใจที่จากกันนานนับห้าปี
หลังจากที่แก้วตา พยาบาลใจดีช่วยเหลือเธอเอาไว้ในครั้งนั้น เธอก็ได้ทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดที่โรงพยาบาล ขัดห้องน้ำ กวาดขยะ ถูพื้นตามหน้าที่ ลำบากแค่ไหนก็ทน และคิดว่าโชคดีที่มีงานทำ วุฒิการศึกษาแค่ม. 6 คงทำอะไรไม่ได้มาก
อยู่ไปปีกว่าแก้วตาซึ่งเป็นพยาบาลใจดีที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้ บอกให้เธอไปเรียนเพิ่มด้านผู้ช่วยพยาบาล เพราะทางโรงพยาบาลจะมีการรับสมัครตำแหน่งผู้ช่วยพยาบาล เนื่องจากทางโรงพยาบาลมีการทุบตึกเก่าและจะสร้างตึกใหม่ จึงรับสมัครงานเพิ่ม เพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วยที่มีเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
เธอไปเรียนต่อผู้ช่วยพยาบาลเพิ่มและยังทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดโรงพยาบาลอยู่เช่นเดิม ก่อนที่ห้องคลอดจะรับสมัครผู้ช่วยพยาบาลในห้องคลอด ห้องดูแลเด็กและคุณแม่หลังคลอด ทำให้เธอเปลี่ยนจากงานแม่บ้านเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่แผนกสูตินารีเวช ถือว่าได้ประสบการณ์การ การทำงานอีกรูปแบบหนึ่ง ด้วยความช่วยเหลือของแก้วตา
ทุกวันเธอได้แต่ยืนมองเด็กน้อยที่ถูกมารดาอุ้มให้นมด้วยความรู้สึกเศร้าใจ พานน้ำตาจะไหลอยู่เสมอ เพราะคิดถึงลูกน้อยของตนเอง ที่ไม่เคยแม้แต่จะได้อุ้มหรือให้นมเลยสักหยดเดียว
ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีเพราะแก้วตาดีกับเธอมาก คอยช่วยเหลือเธอโดยไม่หวังผล ในขณะที่ข่าวคราวของมารดาจางหายไปราวกับสายลม ป่านนี้ท่านคงมีความสุขกับสามีใหม่ไปแล้ว
“เชิญด้านในค่ะ” ภวังค์ความคิดของมีนาจบลงเมื่อมีเสียงเชิญเข้าบ้าน
เธอมาสมัครงานที่นี่ก็เพราะแก้วตาอีกนั่นแหละบอกเธอว่าที่นี่รับสมัครงาน เธอป้วนเปี้ยนสืบข่าวอยู่นานหลายวันจนรู้ว่าครอบครัวของคุณหญิงดาวเรืองย้ายกลับมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่อีกครั้ง และคุณหญิงดาวเรืองก็เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปีกลาย
การมาสมัครงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่นี่ทำให้เธอรู้สึกใจเต้นรัว ไม่รู้เลยว่าเขาจะรับเธอเข้าทำงานหรือไม่ หรือจะโดนเฉดหัวออกจากบ้านตั้งแต่เห็นหน้ากันก็ไม่รู้
“คุณเริงรออยู่ด้านในค่ะ” สาวใช้คนนี้เธอไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน คงจะเป็นคนใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามา
“มาแล้วเหรอ” เสียงคุ้นเคยนี้คือรังรองน้องสาวคนเดียวของเริงฤทธิ์ อีกฝ่ายกำลังมองเธออยู่ก่อนแล้ว รอยยิ้มจริงใจของคนตรงหน้าทำให้มีนาหายใจคล่องขึ้นมาหน่อย
“สวัสดีค่ะคุณเริง” ห้าปีเต็มที่ไม่ได้เจอกัน รังรองยังเหมือนเดิมคือยิ้มเก่ง และดูฉลาดรู้ทันคนอื่นไปเสียหมด
“ไม่คิดเลยว่าพี่เลี้ยงคนใหม่ของเริงกริชจะเป็นมีนนะ แต่พี่แก้วบอกว่ามีนดูแลเด็กดีมาก จนมีหลายบ้านจ้างไปดูแลเป็นพิเศษในช่วงเย็นและเสาร์อาทิตย์ใช่ไหมจ๊ะ”
“มีคนจ้างบ้างค่ะ แต่ยังทำงานประจำที่โรงพยาบาลเป็นหลักน่ะค่ะ” มีนาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม
“ถ้าจะมาทำงานกับฉันที่นี่ก็ต้องลาออกจากโรงพยาบาลมาประจำอยู่ที่บ้านเลย มีนจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” รังรองเอ่ยถาม เพราะไม่อยากบังคับจิตใจใคร
“มีนคงจะไม่ตกงานกะทันหันใช่ไหมคะ”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกจ้ะ ลาออกจากโรงพยาบาลมาแล้ว ฉันจะรับมีนเข้ามาทำงานที่นี่เลย ไม่มีใครไล่มีนออกได้แน่ ถ้าฉันยังอยู่”
“ทำไมคุณเริงถึงรับมีนเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงล่ะคะ” หัวใจของมีนาเต้นแรง อยากเห็นหน้าลูกสักครั้ง อยากรู้ว่าลูกชายของเธอจะหน้าตาเป็นอย่างไร
“ข้อแรกเลย คือมีนเป็นแม่ของเริงกริช เป็นแม่ก็ต้องดูแลลูกดีอยู่แล้ว และพี่ฤทธิ์ก็ไม่ค่อยมีเวลาด้วยสิ พี่ฤทธิ์ให้หน้าที่การตัดสินใจดูแลเริงกริชเป็นหน้าที่ของฉัน ฉันก็เลยต้องหาพี่เลี้ยงที่คิดว่าจะรักเริงกริชจริงๆ มาดูแล และฉันก็คิดว่ามีนทำหน้าที่นี้ได้ดีทีเดียวเชียวล่ะ” รังรองพูดแล้วยิ้มกว้างออกมา ทำให้มีนาโล่งใจไปได้มากว่าถึงแม้คนรับเธอเข้าทำงานจะเป็นรังรอง แต่เธอคงไม่ถูกไล่ออกกลางคัน ถ้าเริงฤทธิ์มาเห็นเธอเข้าแล้วเขาไม่พอใจอยากจะไล่เธอออกเพราะไม่ชอบหน้าเธอ
ไม่รู้ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาจะไม่ชอบหน้าเธอ อาจเพราะว่าเขากับมารดาไล่เธอออกจากบ้าน และพาลูกหนีไปกระมัง ทำให้เธอคิดว่าเขาไม่ต้องการเธอแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขาก็ดูรักใคร่เธอดีในตอนนั้น แต่พอมาคิดดู เขาอาจจะไม่ได้รักใคร่ไยดีอะไรเธอมากนักหรอก เขาแค่อยากได้เธอก็เลยเอาของมาล่อ ให้โน่นให้นี่เพื่อให้เธอยอมนอนกับเขา คิดมาถึงตรงนี้มีนาก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย ที่เธอเองก็ยอมใจง่ายไปกับเขาในครั้งต่อๆ มา
“ลูกของ... ของมีนเป็นอย่างไรบ้างคะ” มีนาเอ่ยถามถึงลูกน้อยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา