ระหว่างที่กำลังเดินเพื่อไปขึ้นวินมอเตอร์ไซค์เจ้าประจำ ก็มีกลุ่มผู้ชายที่เธอทะเลาะด้วยในผับ เดินมาดักหน้าเธอด้วยใบหน้าขึงขังทั้งสี่คน
“คิดว่าด่าพวกกูขนาดนั้น แล้วพวกกูจะปล่อยมึงไปง่าย ๆ เหรอ”
พายเอามือจับสายสะพายของกระเป๋าไว้แน่น เธอกำลังคิดทางหนี ทีไล่ หากจะวิ่งฝ่ากลุ่มผู้ชายพวกนี้ก็ดูเหมือนจะคิดผิด เพราะแต่ละคนร่างสูงใหญ่ราวกับเสาไฟฟ้า ไม่รู้ทำไมตอนอยู่ในผับก่อนหน้านี้เธอถึงไม่เห็นว่าคนพวกนี้จะตัวใหญ่และหน้าตาเหมือนคนเพิ่งแหกคุกออกมาขนาดนี้ หรือเพราะแสงไฟมันหลอกตาเธอกันนะ
“แล้วพวกคุณต้องการอะไร”เธอพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น ทั้งที่ภายในใจเริ่มกลัว เพราะหางตาเธอมองไม่เห็นสิ่งมีชีวิตแถวนี้เลย อีกทั้งตรงนี้หากจะวิ่งกลับไปที่ผับก็ห่างกันเกือบสองร้อยเมตร ส่วนวินมอเตอร์ไซค์ถึงจะอยู่ไม่ไกล แต่ก็ต้องเลี้ยวเข้าไปตรงซอย ทำให้ตรงที่เธอยืนอยู่เป็นที่เปลี่ยว ๆ ที่มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าต้นหนึ่งเท่านั้น
“อย่ามาพูดดี เมื่อกี้มึงยังด่ากูว่าหื่นกามอยู่เลย บอกว่าพวกกูน่าขยะแขยงบ้าง มึงลองมาเป็นเมียพวกกูพร้อมกันทั้งสี่คนดูไหมล่ะ ว่าน่าขยะแขยงเหมือนปากมึงว่าหรือเปล่า”
หญิงสาวพยายามควบคุมสติของตัวเองที่เริ่มกระเจิดกระเจิงเพราะความกลัวที่เพิ่มมากขึ้น ถึงเมื่อกี้จะทำปากเก่ง แต่เมื่ออยู่ในที่อับผู้คนแบบนี้ เธอเองก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีแรงเยอะขนาดจะสู้กับผู้ชายสี่คนท่าทางน่ากลัวขนาดนี้ได้
“ไหนผู้หญิงปากเก่งคนเมื่อกี้ว่ะ พวกมึงเห็นไหม มันหายไปไหนแล้วว่ะ”
ไอ้ผู้ชายคนที่มันเอามือจับก้นเธอพูดจบ มันก็เดินเข้ามาหาเธอเรื่อย ๆ จนเธอต้องเดินถอยหลังห่างจากมัน แต่ทว่าเพราะเธอเดินไม่มองทาง ทำให้ล้มลงก้นจ้ำเบ้าบนพื้นทันที
“พวกแกคิดว่าเท่ห์มากหรือไง ถึงได้มารุมผู้หญิงคนเดียวแบบนี้”
“ฮ่า! ฮ่า! กูไม่ได้ต้องการความเท่ห์ว่ะ ตอนนี้กูต้องการมึง”
ด้านคาเตอร์ที่ขับรถออกมาจากผับพอดี ที่เขากลับดึกขนาดผับปิดแบบนี้ เพราะเขาขึ้นไปดื่มกับธันเดอร์ต่อบนห้องพัก หลังจากโซลขอตัวกลับไปตั้งแต่สี่ทุ่ม
ระหว่างที่กำลังขับรถเลี้ยวออกจากลานจอดรถ แล้วออกทางด้านข้างผับเหมือนทุกครั้ง เขาเหลือบไปเห็นกลุ่มผู้ชายหน้าคุ้นกำลังยืนล้อมวงอะไรสักอย่างอยู่ ตอนแรกก็คิดว่าจะขับรถผ่านไปเฉย ๆ โดยไม่สนใจ ตามนิสัยของตัวเอง แต่ทว่าขนาดกำลังเลี้ยวผ่านตรงจุดนั้นพอดี เขาก็เห็นแววตาขอความช่วยเหลือจากผู้หญิงคนนั้นที่พวกผู้ชายกลุ่มนั้นกำลังล้อมวงอยู่
และใช่…เขาจำเธอได้ เธอคือเด็กเสิร์ฟที่มีเรื่องกับผู้ชายกลุ่มนั้นตอนอยู่ในผับ คงกำลังจะถูกรุมทำร้ายเพราะความปากดีของตัวเอง เขาเองก็ได้ยินคำด่าที่เธอด่ากราดผู้ชายกลุ่มนั้น เป็นเขาเองก็คงจะไม่ยอมเหมือนกัน
แต่ต้องไม่ใช่สี่รุมหนึ่งแบบนี้ ทำให้รถยนต์คันหรู ถูกเหยียบเบรคกระทันหันทันที
เอี้ยดดด!!!
ส่วนพายเธอมองไม่เห็นเจ้าของรถคันนั้น เพราะรถเขาติดฟิล์มดำสนิท แต่ทว่าเธอแค่หวังว่าความดีของเธอที่เคยทำมา มันจะส่งผลถึงเธอบ้าง เลยเลือกส่งสายตาอ้อนวอนให้เจ้าของรถคันนั้นเห็น ตอนแรกที่เห็นรถกำลังจะเลื่อนผ่านเธอไป ใจเธอก็ตกลงไปที่ตาตุ่มทันที เมื่อคิดว่าคำภาวนาของเธอไม่เป็นผล
แต่ทว่าอยู่ ๆ รถคันนั้นก็เหยียบเบรคเสียงดังทันที มันทำให้เธอมีแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง เลยพยายามทรงตัวยืนขึ้น
“ใครว่ะ?”หนึ่งในผู้ชายกลุ่มนั้นถามขึ้น พร้อมทั้งคนในกลุ่มอีกสามคนหันไปมองรถสีดำคันหรูเป็นตาเดียว
“ดูเหมือนจะเป็นพวกชอบเสือก”
“ลงมาสิ กูจะจัดแม่ง!!! ให้พร้อมกันเลย”ไอ้ผู้ชายคนที่จับก้นเธอพูดขึ้นมา ก่อนที่จะเห็นร่างสูงของคนในรถเดินลงมาด้วย พร้อมกับมือที่สอดเข้าไปในเสื้อแจ๊คเกตยี่ห้อดังทั้งสองข้าง
ดวงตากลมโตหรี่ลงเล็กน้อย เธอคุ้นหน้าเขาเหลือเกินเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ทว่านึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก แต่ก็ต้องเตือนสติตัวเอง ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดถึงเรื่องพวกนั้น เธอควรจะเอาตัวรอดก่อน เสียงหวานเลยตัดสินใจตะโกนออกไปทันทีตามสัญชาตญาณ
“ช่วยด้วยค่ะ!!!”
“มึงหุบปากไปนะ”หนึ่งในพวกนั้น เอามือมาอุดปากเธอเอาไว้ พร้อมทั้งจับมือเธอทั้งสองข้างไขว้หลัง ทำไมคนพวกนี้ถึงดูเหมือนอันธพาลขนาดนี้ เธอไม่น่าปากดีไปด่ากราดพวกมันเลย ได้แต่นึกโทษตัวเอง หากผู้ชายคนนั้นจะใจดำไม่ช่วยเธอก็คงไม่มีสิทธิ์ไปโทษเขา เพราะคนพวกนี้มีสี่คน ในขณะที่เขามีคนเดียวแบบนี้ เธอก็เหมือนต้องทำใจยอมรับเรื่องนี้แล้วว่าคงไม่มีบุญได้กลับไปหายายอีก
“สี่รุมหนึ่ง...คงไม่ใช่สิ่งที่ลูกผู้ชายเขาทำกัน แล้วยิ่งเป็นผู้หญิงด้วย ยิ่งไม่ควร..."
"....."
"พวกมึงคงไม่อยากไปนอนในคุกใช่ไหม”
“หึ นี่ก็อีกตัว”ไอ้คนที่จับก้นเธอ เดินไปยืนประจันหน้ากับผู้ชายคนนั้น ตอนนี้คนทั้งสองยืนมองหน้ากันอย่างดุดัน โดยมีเธอที่โดนอีกสามคนจับตัวเอาไว้ และขยับมายืนหลังไอ้ผู้ชายที่จับก้นเธอ
“มึงจะมาพล่ามเรื่องศีลธรรมพวกนี้ทำไมว่ะ คิดว่าการที่กูยืนกันอยู่ตรงนี้ กูต้องการเป็นลูกผู้ชายเหรอว่ะ”
มือหนาของมันผลักอกผู้ชายคนนั้นอย่างไม่กลัว แต่ทว่าผู้ชายคนนั้นก็ยังยิ้มมุมปากเอามือล้วงกระเป๋าเหมือนเดิม ตอนนี้เธอนึกอยากให้มือที่เขากำลังล้วงเข้าไปนั้น เป็นปืนหรืออาวุธอะไรก็ได้ ที่ทำให้คนพวกนี้กลัวแล้วปล่อยเธอไป
“แล้วตำรวจพวกมึงกลัวหรือเปล่าล่ะ อีกไม่กี่นาทีน่าจะมาถึงนะ”
คาเตอร์พูดขึ้นขณะที่ลอบมองใบหน้าสวยของผู้หญิงคนนั้น ใบหน้าของเธอซีดเผือดไร้สีเลือด ขนาดว่ามองในความมืดยังมองออกว่าแววตาเธอหวาดกลัวขนาดไหน ไม่เหลือเค้าผู้หญิงปากดีในผับเมื่อกี้สักนิดเลย
“ตำรวจเหรอว่ะ ตั้งแต่กูเกิดมา กูไม่เห็นพวกแม่งทำอะไรกูได้สักอย่าง”
ดูท่าว่าไอ้สี่คนนี้ คงเป็นลูกคนใหญ่คนโตหรือไม่ก็พวกลูกนักการเมืองอะไรทำนองนี้แน่ ไม่งั้นคงไม่กล้าทำอะไรอุกอาจขนาดนี้ เขาพอจะมองออกตั้งแต่ในผับแล้วว่าพวกมันไม่ใช่อันธพาลทั่วไป
“แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นเด็กของพี่กูที่เป็นเจ้าของผับ มึงไม่ควรยุ่งกับเด็กของคนอื่นนะ”
พายทำหน้างงกับสิ่งที่เขาบอกคนพวกนั้น แต่เธอก็ไม่ได้แก้ตัวอะไรออกไป ตอนนี้ทางที่จะทำให้เธอรอดจากไอ้พวกเลวนี้ได้ ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะบอกว่าเธอเป็นเมียเขา จังหวะนี้เธอก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
“เหอะ…มึงอย่ามาโกหก กูรู้มึงก็แค่พวกเด็กขี้เสือก ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กลับไปซะดีกว่า อย่าให้กูต้องใช้กำลังกับมึงเลยนะ มึงสู้กูไม่ได้หรอก ตอนนี้กูอยากเอาเวลาไปเอาอีนี่มากกว่า”
มันหันหน้ามามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ต้องบอกว่าเป็นสายตาที่ทำให้เธอรู้สึกขยะแขยงเป็นที่สุด ตั้งแต่เกิดมาเลยก็ว่าได้ แต่จังหวะหนึ่งที่ผู้ชายคนนั้นหันมาสบตากับเธอ สายตาเธอก็มองเห็นวัตถุบางอย่างขยับอยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ็คเกตของเขา แต่ทว่าคนพวกนี้คงไม่ทันสังเกตุ
“ปล่อยเด็กพี่กู ก่อนที่กูจะโมโห”
“ตลกเป็นบ้า...ฮ่า! ฮ่า! อยู่ ๆ มึงก็มาบอกว่าอีนี่เป็นเด็กพี่มึง ไม่ใช่ว่ามึงก็อยากได้มันเหมือนพวกกูเหรอ ถ้ามึงอยากได้…”
มือหนาของมันตบเบา ๆ ที่บ่าแกร่งของผู้ชายคนนั้น ก่อนที่จะพูดประโยคที่ทำให้เธอนึกกลัวว่าเขาจะบ้าจี้ทำตามพวกมันจริง ๆ “กูจะให้...แต่มึงต้องรอต่อพวกกูนะ”