หญิงสาวร่างเปลือยเปล่า รูปร่างบอบบางสีน้ำตาล กำลังควรครางอยู่ใต้ร่างขององค์ฟาโรห์หนุ่ม พระเกศารัตติกาล พระวรกายกำยำสมส่วน ถอดพระวรกายเปลือยเปล่าที่กำลังโถมใส่พระวรกายบางอย่างดุเดือด พระนางเองชอบรสรักรสสวาทที่พระองค์ประทานให้พระนางถึงพระทัย
"อา..."
ไม่ช้าองค์ฟาโรห์ทรงปลดปล่อย พระนางก็ซบลงที่พระอุระเปลือยเปล่าของพระองค์ แล้วพระองค์ก็เอาตัวนางออกจากพระอุระหนา จัดการฉลองพระองค์เตรียมออกจากตำหนักของพระสนมเอก องค์ฟาโรห์มีพระราชดำริเสด็จกลับพระตำหนักที่ประทับส่วนพระองค์
"ฝ่าบาททรงไม่ค้างที่ตำหนักของหม่อมฉันหรือเพคะ" พระนางตรัสถามองค์ฟาโรห์
"เจ้าก็รู้นะบีนู ว่าข้าไม่นอนที่ตำหนักไหนทั้งนั้น ข้าจะกลับตำหนักกลาง ข้ามีงานที่ต้องทำอีกมาก" องค์ฟาโรห์ตรัสกลับทันที แบบที่ไม่ต้องไตร่ตรองก่อนแต่อย่างใด
ทันใดนั้นองค์ฟาโรห์เสด็จออกจากตำหนักพระสนมเอกทันที โดยไม่หันพระพักตร์มาทอดพระเนตรมองพระนางอีกเลย
หลังจากองค์ฟาโรห์เสด็จออกจากตำหนักของพระสนมเอกบีนู พระนางก็ได้แต่ทรงกรีดร้อง ทรงทำลายข้าวของเช่นเคย พระนางมีพระดำริว่า สักวันหนึ่งพระนางจะได้เป็นองค์ราชินีขององค์ฟาโรห์คาโมส แต่ทว่าพระนางไม่เคยได้ความรักจากองค์ฟาโรห์แม้แต่ครั้งเดียว พอองค์ฟาโรห์มาเสพสังวาสเสร็จแล้ว พระองค์ก็เสด็จจากไป แต่พระนางถือได้ว่าได้เสพสังวาสอยู่บ่อยครั้ง กว่านางสนมในตำหนักพันดารา ที่มีไม่ต่ำกว่าสองร้อยกว่าคน พระสนมเอกบีนูทรงเป็นบุตรสาวของเจ้าเมืองซีน่า อยู่ภายใต้การปกครองอียิปต์ ดินแดนแห่งลุ่มแม่น้ำไนล์ตอนบน
"ฝ่าบาทได้เวลาเสวยพระกระยาหารเช้าแล้วพระเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะพระประชวร"
พระสหายคนสนิท อีกทั้งเขายังเป็นราชองครักษ์ส่วนตัวขององค์ฟาโรห์มีนามว่าอารอส เขาสามารถถือดาบเข้าออกตำหนักได้แต่เพียงผู้เดียว
"ไม่เป็นไรหรอก ข้าแข็งแรง" องค์ฟาโรห์ตรัสด้วยพระอารมณ์ขัน แล้วก็เสด็จไปที่ห้องพระกายหารทันที
ขณะที่องค์ฟาโรห์กำลังเสวยพระกระยาหารอยู่นั้น นางกำนัลก็ก้าวเดินเข้ามาถวายบังคม แล้วทูลต่อพระองค์
"ฝ่าบาทเพคะ พระชนนีมีพระเสาวนีย์ให้พระองค์เสด็จไปหาพระนางหลังจากที่ฝ่าบาทเสวยเสร็จเพคะ"
"บอกเสด็จแม่ด้วยว่า ข้าเข้าไปหาพระนาง" องค์ฟาโรห์ตรัสเช่นนี้
"เพคะ"
นางกำนัลถอยออกไปจากพระตำหนัก องค์ฟาโรห์หันไปทอดพระเนตรราชองครักษ์ของพระองค์ ราชองครักษ์ผู้นี้ที่กำลังเผยรอยยิ้มอย่างไม่ปิดบัง
"เจ้ายิ้มอะไร อารอส" องค์ฟาโรห์คาโมสตรัสถาม
"ไม่มีอะไร...พระเจ้าค่ะ"
"อย่าให้ข้ารู้นะ" องค์ฟาโรห์ตรัสจริงจัง อีกทั้งยังทอดพระเนตรอย่างคาดโทษ
ภายในตำหนักของพระพันปี พระพันปีหรือพระชนนีขององค์ฟาโรห์ พระนางยังพระพักตร์งดงามอยู่ไม่จางหาย แม้จะมีพระชนมายุได้สามสิบแปดพระชันษา พระนางมีพระวรกายดุจน้ำผึ้ง พระเนตรกลมโต พระนางทอดพระเนตรเห็นพระโอรสหนึ่งเดียวของพระนาง ที่กำลังเสด็จเข้ามาจากพระทวารของพระตำหนัก องค์ฟาโรห์จึงถวายบังคมพระชนนีทันที
"คาโมส ข้าจะส่งคนไปรับเจ้าหญิงอาร์ทีน่า มาเป็นองค์ราชินีของเจ้า เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีระหว่างบาบิโลนและอียิปต์ บัดนี้บาบิโลนก็ยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากเรา ถ้าเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นได้จะเป็นผลดีต่ออียิปต์เรา เพื่อไม่ให้บาบิโลนหาความโจมตีเราในภายหลัง" พระชนนีตรัสจริงจัง
"เสด็จแม่ ข้ายังไม่อยากแต่งงานกับใครทั้งนั้น บัดนี้อียิปต์เราก็ยิ่งใหญ่ไม่มีใครมาทัดเทียมเรา เหตุใดข้าต้องร่วมอภิเษกกับองค์หญิงแห่งบาบิโลนด้วยเล่า" องค์ฟาโรห์ตรัสถามเรียบเฉย อีกทั้งทรงสวมกอดพระชนนี แล้วใช้พระโอษฐ์ประทับที่พระปรางค์ องค์ฟาโรห์ทำเช่นทุกครั้งที่เสด็จมาหาพระชนนี จนเหล่าข้าหลวงเห็นกันจนชินตา
"องค์ฟาโรห์คาโมส แม่เองก็แก่มากแล้ว แม่อยากเห็นหลานไวๆ องค์หญิงอาร์ทีน่า ถ้ามาเป็นองค์ราชินีของเจ้า แม่เชื่อว่านางต้องเป็นองค์ราชินีที่ดีต่อเจ้า และอาณาจักรของเรา"
"เสด็จแม่..."
"อย่าพึ่งตรัส ให้ข้าพูดให้จบก่อน คาโมสพระธำรงก็อยู่บนนิ้วของเจ้า เจ้าก็ไม่เคยถอด ข้าอยากให้สองอาณาจักรแนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น และทำให้อาณาจักรทั้งสองจะได้ไม่เกิดสงครามขึ้นในอนาคต"
"หม่อมฉันหมดปัญญาจะโต้เถียงพระองค์แล้ว เช่นนั้นสุดแล้วแต่เสด็จแม่พระเจ้าค่ะ"
"ดีมากลูกรัก แม่จะส่งสาส์นไปเทียบเชิญองค์หญิงอาร์ทีน่า"
"พระเจ้าค่ะ ลูกขอทูลลากลับก่อน ลูกมีงานต้องทำต่ออีกมาก" องค์ฟาโรห์ตรัสเช่นนี้ ถวายบังคมพระชนนี แล้วจึงเสด็จออกจากพระตำหนัก พระชนนีมีพระพักตร์ที่เบิกบานพระทัยยิ่งนัก
"สำเร็จ ซานิโครัส พระองค์ต้องดีพระทัยแน่ๆ" พระนางราเซนตรัสเช่นนี้ แล้วพระนางส่งสาส์นที่นางเขียนมาไว้ล่วงหน้าสามวัน ให้นางสนองพระโอษฐ์
ตอนแรกมาแล้วจร้า
อย่าลืมคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน๊า