ยามสายัณห์มาเยือนองค์ฟาโรห์คาโมสกับพระสหายสองคนนั่งบนโต๊ะเก้าอี้ ขณะที่บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารคาวหวานราวกับเลี้ยงฉลองส่งใครไปอยู่เมืองอื่น อีกทั้งองค์ฟาโรห์มีพระกระแสรับสั่งถามซามอนเรื่องการเก็บส่วย การทำนาหลวงที่ให้เหล่าทาสได้ทำเข้ายุ้งฉาง และแจกจ่ายให้กับราษฎร์ในยามแห้งแล้ง อีกทั้งทาสเหล่านั้นได้รับเงินหลวง เบียร์ เหล้าและอาหารพระราชทานจากพระองค์ เพื่อให้พวกเขาได้กินอิ่มนอนหลับ ใครอยากกลับบ้านก็กลับไปได้ ใครอยากทำงานก็จะมีที่อยู่ที่กิน จึงมีทาสจำนวนมากมาทำงานเป็นทาสหลวง แต่เมื่อยามศึกสงครามพวกเขาก็จะมีหน้าที่ส่งเสบียงให้กองทัพ หรือยามแห้งแล้ง พระองค์ก็ให้พวกเขากลับบ้านไปหาลูกเมีย และนำข้าวจากพระคลังตามที่หัวหน้างานให้ โดยมีซามอนเป็นคนกำกับดูแลอีกที
"ฝาบาท หม่อมฉันได้ข่าวว่า พระองค์นำว่าที่องค์ราชินีมายังอียิปต์แล้วหรือพระเจ้าค่ะ" ซามอนถามองค์ฟาโรห์คาโมสด้วยน้ำเสียงดีใจ
"ใช่ นางงดงามมากเลย จนข้าไม่อาจแตะต้องให้นางมีราคี" องค์ฟาโรห์ตรัสเรียบเฉย
"สงสัยว่าองค์ฟาโรห์ของเราจะหลงใหลองค์หญิงจากบาบิโลน ถึงไม่กล้าแตะต้องพระนางเลยทีเดียว" ซามอนทูลด้วยรอยยิ้ม
"ใช่ นางควรสมัครใจที่จะมาเสพสังวาสกับข้า" องค์ฟาโรห์แผ่วเบา
"ถ้าเป็นหญิงอื่นจับปล้ำไปแล้ว" อารอสทูลบอกเช่นนี้ องค์ฟาโรห์ตบหัวอารอสไม่หนักมาก แต่สร้างเสียงหัวเราให้ซามอนและองค์ฟาโรห์ได้ดีทีเดียว
องค์หญิงอาร์ทีน่าเสด็จมาประทับอยู่ที่พระราชวังของอียิปต์ได้หนึ่งสัปดาห์ พระนางมีความสุขในทุกๆ วัน พระนางให้เซียร่า และซาเลนสอนเขียนอักษรไฮเออโรกลีฟ อีกทั้งพระนางมีพื้นฐานอยู่แล้ว เพราะรัชทายาทอาเธอร์เป็นผู้สอนพระนางเอง ทำให้พระนางเรียนรู้ได้ไวกว่าคนทั่วไปที่ไม่ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด อีกทั้งพระนางราเซนยังทรงช่วยสอนอีกด้วย
วันนี้องค์หญิงเสด็จมาในอุทยานหลวง ทอดพระเนตรมองดอกไม้นานาชนิดที่เกิดในอียิปต์ และเกิดในอาณาจักรต่างๆ องค์ฟาโรห์ทรงให้นำมาปลูก อีกทั้งยังมีสระบัวขนานใหญ่ที่กินพื้นที่เกือบครึ่งสวน ในสระบัวแห่งนี้ยังมีดอกบัวสีม่วงมากมาย และมีปลาที่แหวกว่ายนานาพันธ์ุ ทำให้ร่มรื่นและงดงามยิ่งนัก ราวกับโอเอซีสกลางทะเลทราย
"สวยจังเลย" องค์หญิงอาร์ทีน่าตรัสอย่างแจ่มใส ขณะที่เสด็จอยู่กับเซียร่า ซาเลน และนางกำนัลอีกประมาณสี่คน องค์หญิงทอดพระเนตรชื่นชมดอกไม้ในอุทยานหลวงอย่างเบิกบานพระทัยยิ่งนัก แต่ทว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังส่งสายพระเนตรอาฆาตมายังองค์หญิงอาร์ทีน่า หญิงสาวผู้นั้นก็คือพระสนมเอกบีนู อีกทั้งพระนางเสด็จตรงมาหาองค์หญิงพร้อมกับนางกำนัลอีกที่คน
"นี่สินะ ว่าที่พระราชินีอียิปต์ไม่เห็นจะดีเด่นอะไรตรงไหนเลย" พระสนมเอกบีนูตรัสด้วยสุรเสียงไม่เกรงกลัว ขณะที่องค์หญิงอาร์ทีน่าเป็นองค์หญิงของอาณาจักรบาบิโลนที่ทรงอำนาจเทียบอาณาจักรอียิปต์ แค่ศักดิ์ศรีขององค์หญิงอาร์ทีน่าก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว อีกทั้งองค์ฟาโรห์และพระพันปีก็เอ็นดู และโปรดปรานองค์หญิงยิ่งนัก
"พระสนมเอกขององค์ฟาโรห์ ไม่เห็นจะมีดีเด่นซักเท่าไหร่เลย ข้าจะบอกเจ้าให้อย่างหนึ่งนะ บีนู คาโมสเสด็จมาหาข้าเมื่อคืนพระองค์ตรัสพร่ำรำพัน ว่าข้างามอย่างนู้นงามอย่างนี่ จนพระองค์อยู่กับข้าถึงเช้า" องค์หญิงอาร์ทีน่าตรัสเช่นนี้ ราวกับเย้ยหยัน ความจริงแล้วองค์หญิงเพียงแค่อยากให้พระสนมเอกสำนึกได้ว่าควรพูดกับใคร ที่ไหน อย่างไร
พระสนมเอกกลับพระโลหิตขึ้นพระพักตร์ด้วยทรงพิโรธ หมายจะยกพระหัตถ์ตบลงพระพักตร์ขององค์หญิงอาร์ทีน่า จังหวะนั้นองค์หญิงกลับสวนกับด้วยการตบลงพระพักตร์ของพระสนมเอกหนึ่งที ทำให้พระสนมเอกบีนูมีพระโลหิตไหลออกมาที่พระโอษฐ์ และทรงล้มลงบนพื้น
"นี่คือโทษฐานที่จาบจ้วงว่าที่ราชินีอียิปต์ ข้าไม่เคยรังแกใครก่อน ถ้าผู้นั้นไม่คิดจะไม่รังแกข้า ข้าจะไม่ทำร้ายคน จำไว้ กลับตำหนักกันเถอะ ป่านนี้ฝ่าบาทคงรอข้านานแล้ว"
องค์หญิงอาร์ทีน่าตรัสจบคำ แล้วจึงเสด็จไปจากตรงนี้ อีกทั้งไม่หันมาทอดพระเนตรพระสนมเอกเลย พระสนมเอกได้แต่กรีดร้องลั่นอุทยานหลวง แต่พระสนมเอกหารู้ไม่ว่า การกระทำของพระนางทำให้องค์ฟาโรห์ได้ทอดพระเนตรถึงความร้ายกาจของพระนางจากบนตำหนัก
องค์ฟาโรห์กลับดีพระทัยที่ว่าที่ราชินีดูแลตนเองได้ ขณะที่พระองค์ไม่อยู่
องค์หญิงเสด็จเข้ามาในพระตำหนักตะวันตกทันที นางกำนัลก็เดินตามมาด้วยเช่นกัน พระนางนั่งลงประทับที่ตั่งไม้ เซียร่าจึงรินน้ำถวายพระนางทันที องค์หญิงจึงรับมาเสวย
"บีนู เป็นใครหรือ เซียร่า"
"พระสนมเอกบีนู เป็นพระสนมเอกของฟาโรห์คาโมสเพคะ นางจัดอยู่ในสนมสองร้อยนางขององค์ฟาโรห์ แต่ก่อนหน้าที่องค์หญิงจะเสด็จมาอยู่ที่อียิปต์ของเรา พระสนมเอกบีนูทำหน้าที่ดูแลฝ่าบาทมากที่สุด จึงทำให้พระนางทะนงตนไม่กลัวใครอย่างวันนี้ แต่มีอีกอย่างหนึ่งเพคะ คือฝ่าบาทไม่เคยนอนค้างตำหนักของสนมองค์ไหนไหนเลย นอกจากกลับตำหนักของพระองค์เอง บางทีก็บรรทมห้องพระอักษร ไม่ก็เสด็จไปค้างอยู่ตำหนักพระชนนีเพคะ" เซียร่าทูลบอกองค์หญิงเช่นนี้ องค์หญิงได้สดับคำหนึ่งว่า องค์ฟาโรห์มีสนมถึงสองร้อยองค์ถือว่ามากนัก ขณะที่พระบิดาของพระนางมีพระมารดาเป็นองค์ราชินีเพียงพระองค์เดียว
"ตั้งสองร้อยคนเชียวหรือ ไม่มีคนไหนท้องบ้างหรืออย่างไร" องค์หญิงตรัสถามด้วยความแปลกพระทัย
"ไม่มีเพคะ เพราะฝ่าบาทให้หมอหลวงปรุงยา เพื่อไม่ให้พวกพระสนมตั้งพระครรภ์ได้เพคะ" ซาเลนทูลตอบ
"หม่อมฉันเคยได้ยินว่า ฝ่าบาทอยากให้พระโอรสประสูติแต่พระราชินีเพียงผู้เดียวเพคะ" เซียร่าทูลบอกจริงจัง
คำพูดที่พวกนางทูลออกมานั้นทำให้องค์หญิงอาร์ทีน่าแย้มพระสรวลขึ้นมาทันที
เซียร่าก้าวเดินออกมาจากครัวหลวง อีกทั้งกำลังถือพระกระยาหารพร้อมกับนางกำนัลอีกหกคนนำไปถวายองค์หญิงอาร์ทีน่า นางจึงให้นางกำนัลใต้บังคับของนางเดินไปก่อน ส่วนนางถือถาดขนมปัง อีกทั้งเซียร่าก้มหน้าก้มตามองเท้า ได้ชนกับแผ่นอกของอารอสอย่างจัง จนอาหารที่อยู่ในมือกระจัดกระจายไปหมด
"เจ้าเดินของเจ้าอย่างไง ไม่เห็นคนถือถาดอาหารหรือไง เลอะเทอะไปหมดเลย ข้ายิ่งรีบๆ อยู่" เซียร่าเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดุดัน
"เจ้านั่นแหละ ที่ไม่ดูมัวแต่ก้มมองเท้า" อารอสเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงยียวน อยากที่จะกวนประสาทของนางผู้อยู่ตรงหน้า
"ข้าไม่ยืนเถียงกับเจ้าแล้ว เสียเวลาจริงๆ " เซียร่าเอ่ยบอกเดินจากตรงนั้นไปเอาถาดพระกระยาหารใหม่ และบอกพ่อครัวว่าจะนำไปถวายองค์หญิงอาร์ทีน่า พ่อครัวจึงรีบทำให้ใหม่ทันที
เซียร่ารู้ว่าอารอสเป็นราชองครักษ์ของฟาโรห์ แต่นิสัยไม่เคยยอมคนของนางเอง ไม่เคยยอมเขาเหมือนกัน ทำให้เจอหน้าทะเลาะกันได้ทุกทีไป
ทางด้านราชองครักษ์หนุ่มก็รักนางเหมือนกัน แต่ติดตรงที่ปากแข็งไม่ยอมพูดบอกรักนางสักที ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา อารอสเฝ้ามองนางทุกเมื่อเชื่อวัน แต่กลับกันกับน้องชายอย่าสิ้นเชิง