ใครจะลืมลง
“ทำไมพี่ไม่กู้เงินจากป้าก่อนล่ะ ค่อยทยอยใช้คืน” สาวรุ่นน้องเสนอทางออกขึ้นมาอย่างง่าย ๆ ทว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ
“ป้าเขาก็มีภาระ ลูกสามคนก็กำลังเรียนหนังสือ คนโตเรียนมหา’ลัยค่าใช้จ่ายเยอะนะ อีกอย่างเกรงใจลุง” ครอบครัวของป้าเธอถือว่ามีฐานะดีเชียวละ หากท่านก็มีลูกที่ต้องรับผิดชอบ อีกทั้งก็ไม่รู้ว่าสามีท่านจะคิดอย่างไรถ้ามีญาติพี่น้องไปขอยืมเงิน ถึงแม้คนคนนั้นจะเป็นน้องชายแท้ ๆ อย่างพ่อหรือเป็นหลานแท้ ๆ อย่างเธอ “เรื่องเงินมันไม่เข้าใครออกใคร ดิ้นรนเองได้ก็ต้องดิ้นรนเองไปก่อน”
“ก็จริง” ชนกนันท์พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนดวงหน้าพริ้มเพราจะเศร้าสลดลงเมื่อคิดถึงวันที่สาวรุ่นพี่ต้องย้ายไปทำงานที่อื่น “งือ...นิ่มไม่อยากให้พี่ซันไปเลย ถ้าพี่ซันไปแล้วนิ่มจะกินข้าวเที่ยงกับใคร”
รุ้งตะวันส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้ แล้วเย้าแหย่คนที่อายุน้อยกว่าอย่างขำ ๆ “กินกับป้าแตนไง”
“นิ่มต้องผอมเหลือแต่กระดูก เพราะกินข้าวไม่ลงแน่ ๆ” ป้าแตนที่พูดถึงคือพนักงานคนเก่าคนแก่ในแผนกเดียวกัน ซึ่งมีนิสัยจู้จี้จุกจิกเป็นที่หนึ่ง ถือเป็น ‘มนุษย์ป้า’ ของพนักงานรุ่นใหม่ ๆ ในบริษัทเลยละ เพียงแค่ได้ยินเสียงดังมาแต่ไกลก็ต้องรีบเผ่นด้วยไม่มีใครอยากโดนเฉ่งและโดนจิกหัวใช้ “หรือว่านิ่มควรหางานใหม่ดี”
“คิดว่าไงล่ะ ถ้าไม่พอใจที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ควรหาใหม่” รุ้งตะวันไม่ได้ตีกรอบหรือชักจูงไปทางใด หากปล่อยให้รุ่นน้องสาวได้คิดและตัดสินใจเอาเอง เพราะบริษัทที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้แย่ สวัสดิการที่มีให้ก็ออกจะดีมากเสียด้วยซ้ำ แต่ที่อยู่ต่อไม่ได้ก็เพราะว่าความต้องการด้านการเงินของเธอมันเพิ่มมากขึ้น จึงต้องมองหางานที่ใหม่ หรือถ้าไม่มีจริง ๆ ก็คงต้องหาอาชีพเสริม
สาวน้อยยู่ปาก เธอเพิ่งเข้าทำงานที่นี่ได้สามปีนิด ๆ เอง อีกไม่กี่เดือนก็มีแววว่าจะได้ปรับขึ้นเงินเดือน หากจะลาออกก็นึกเสียดาย “จริง ๆ มันก็ดี แต่ถ้าไม่มีพี่ซัน นิ่มก็ไม่รู้จะคุยกับใคร”
“เดี๋ยวก็มีคนใหม่มาแทนพี่”
“ก็ไม่รู้ว่าคนใหม่ที่เข้ามาจะไฟต์กับยายป้าแตนได้เหมือนพี่ซันหรือเปล่าอะดิ”
รุ้งตะวันส่ายหน้าขำ ไพล่นึกถึงตอนที่ตนเองสมัครเข้ามาทำงานที่นี่ตอนจบใหม่ ๆ ตอนนั้นเธอยังไม่รู้ว่าใครมีนิสัยเป็นอย่างไร ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองให้เสร็จ ป้าแตนคือรุ่นพี่ที่สอนงานเธอ ทว่าพอเริ่มเป็นงานและเริ่มคล่องก็มีงานหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย บางวันกว่างานจะเสร็จก็มืดค่ำทั้งที่คนอื่นเก็บกระเป๋ากลับไปตั้งแต่ห้าโมงเย็น ในตอนนั้นเองหญิงสาวจึงรู้สึกเอะใจในความไม่เท่าเทียม
และด้วยความที่เป็นคนที่ไม่เคยยอมใคร เมื่อรู้ตัวว่ากำลังโดนเอาเปรียบ เธอก็ไม่ทน เริ่มแข็งข้อใส่รุ่นเก๋าอย่างป้าแตนตั้งแต่นั้นมา พอมีพนักงานคนใหม่เข้ามาในแผนก รุ้งตะวันก็จะรีบออกตัวปกป้องไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบทันที
“อย่าไปยอมเชียวนะ ถ้าถูกยายป้านั้นข่มเหงใช้งานหนักก็รีบไปฟ้องหัวหน้าเลย พี่ศัลย์แกใจดี” พิศัลย์คือหัวหน้าแผนกวางแผนกระจายสินค้าที่พวกเธอทำงานอยู่
“เรื่องฟ้องนิ่มฟ้องแน่ แต่จากนั้นก็จะถูกเขม่นน่ะสิ”
“เขม่นมาก็เขม่นกลับเลย ยายป้านั่นเก่งไม่จริงหรอก อย่าไปทำหงอใส่เชียวนะ ไม่งั้นได้ใจตายเลย” คนอายุมากกว่าย้ำประโยคที่เคยบอกเป็นประจำ การทำงานร่วมกับคนอื่นก็อย่างนี้ ถ้าเจอคนที่ไม่แฟร์ หากเราไม่สู้ เราก็จะถูกเอารัดเอาเปรียบไปตลอด “แต่อย่าเพิ่งไปคิดมากเลย พี่ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะได้งานใหม่หรือเปล่า รอผลอย่างริบหรี่มาก ๆ” หญิงสาวปลอบใจรุ่นน้อง
ได้ยินดังนั้นชนกนันท์ก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ถึงจะไม่อยากให้พี่สาวไปทำงานที่อื่น หากเธอก็ไม่คิดรั้งเอาไว้ มีแต่จะร่วมยินดีหากรุ่นพี่ไปได้ดิบได้ดี ใบหน้าพริ้มเพราหันไปมองคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ “เอ้อ แล้วสรุปพี่เตเขานอกใจพี่จริง ๆ อย่างที่ป้าแตนพูดวันก่อนไหม”
“จริง” รุ้งตะวันตอบไปตามตรง เพราะไม่มีอะไรต้องปิดบัง ต้องขอบคุณมนุษย์ป้าอย่างป้าแตนด้วยซ้ำที่สอดรู้สอดเห็นไปบังเอิญเจอเตชาวัตเดินควงสาวอื่น แล้ววิ่งแจ้นมากระแหนะกระแหนให้เธอระคายใจ จนแอบตามติดจนจับได้คาหนังคาเขาเมื่อคืนนี้
เตชาวัตทำงานเป็นผู้จัดการอยู่บริษัทค้าปลีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของเธอนัก เพื่อนร่วมงานของเธอเกือบทุกคนเคยเห็นและรู้จักเขา เพราะช่วงที่คบกันแรก ๆ หรือช่วงควบคุมพฤติกรรมเขามักมารับเธอถึงที่ทำงานทุกวัน อีกทั้งเขายังมีหน้าตาและบุคลิกที่ดูดี จึงไม่แปลกที่พอไปบังเอิญเจอข้างนอกแล้วป้าแตนจะจำเขาได้
ชนกนันท์เบิกตากว้าง ยกมือทาบอกทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อนรุ่นพี่ “คือจับได้เลยเหรอ”
“เต็ม ๆ สองตาเลยละ”
“แล้วพี่ซันทำไง” สาวรุ่นน้องถามต่อด้วยความอยากรู้
“ก็ซัดหัวไปหนึ่งที แล้วก็ด่าอีกหลายคำ แต่ยังไม่สะใจหรอกนะ มีคนมาห้ามก่อน” ซึ่งคนห้ามก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ชายหนุ่มที่มีนามว่า ‘เจ’ นั้นเอง “ช่างเถอะ ตอนนี้เลิกกันแล้ว พร้อมแรด”
“จริงจัง ? จะเลิกได้กี่วัน” ชนกนันท์เชื่อว่าเดี๋ยวเตชาวัตก็ตามมาง้อ เพราะสองคนนี้รัก ๆ เลิก ๆ กันบ่อยเสียเหลือเกิน
“ครั้งนี้เลิกจริง พี่ไม่เอาแล้ว” รุ้งตะวันบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ต่างจากทุกครั้งที่ไม่มั่นคง ด้วยลึก ๆ แล้วเธอก็อยากมีใครสักคนอยู่ข้าง ๆ หากตัดเรื่องผู้หญิงออกไป เตชาวัตก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไร แต่ปัญหาคือเขาไม่ยอมหยุดเรื่องผู้หญิงสักที เห็นทีครั้งนี้จะต้องเป็นเธอที่ควรหยุดแบบจริงจัง
“จริงไหมเนี่ย ตอนนี้นิ่มไม่กล้าด่าไอ้พี่เตเลยนะ เดี๋ยวกลายเป็นหมาอีก” ทุกทีเธอมักเล่นใหญ่ด่าแฟนของสาวรุ่นพี่ที่นอกใจเสมอ หากสุดท้ายทั้งสองก็กลับมาคบกันเหมือนเดิม คราวนี้เธอจึงต้องสงวนท่าทีไว้หน่อย จะได้ไม่ต้องหอนอีก
รุ้งตะวันหลุดขำด้วยความเอ็นดู ก่อนจะยืนยันให้สาวน้อยได้มั่นใจ “ครั้งนี้จริงจังมาก ไม่กลับไปแล้วชัวร์ ๆ สู้หาผัวใหม่ดีกว่า”
ชนกนันท์เลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ หากไม่นานก็พยักหน้ายอมเชื่อแบบกวน ๆ ก่อนที่หัวคิ้วทั้งสองข้างจะมุ่นเข้าหากัน ด้วยเมื่อกี้เหมือนจะเห็นแวบ ๆ ว่าบริเวณกระดูกไหปลาร้าของพี่สาวเหมือนมีรอยอะไรแดง ๆ เห็นไม่ชัดว่าเป็นรอยอะไร จึงถามออกไปด้วยความไม่แน่ใจ
“พี่ซันถูกไอ้พี่เตทำร้ายร่างกายด้วยเหรอ” จะว่าไปวันนี้เธอรู้สึกว่ารุ่นพี่สาวเดินแปลก ๆ ด้วยนะ อาจเป็นไปได้ว่ามีปากเสียงกันจนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย
“หืม...” คนถูกถามทำหน้าไม่เข้าใจ “ทำไมเหรอ”
“ก็นี่ไง...” ชนกนันท์ไม่ว่าเปล่า เจ้าหล่อนถือวิสาสะดึงคอเสื้อโปโลของรุ่นพี่ลงแล้วชี้รอยแดงที่เป็นจ้ำ ๆ สี่ห้ารอยบนแอ่งชีพจร ก่อนที่ตากลมโตจะเบิกกว้าง พอได้สังเกตดี ๆ แล้วจึงรู้ว่ารอยพวกนี้คือรอยอะไร คงรวมถึงการเดินขัด ๆ นั่นด้วยสินะ ครั้นรู้ตัวคนที่อายุน้อยกว่าก็รีบดึงมือตัวเองกลับมาแล้วประนมไหว้ขอโทษขอโพยทันที “พี่ซัน นะ นิ่มขอโทษ นิ่มไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วง ขอโทษจริง ๆ”
รุ้งตะวันเองก็ตกใจในคราแรก ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าร่างกายตนเองมีรอยอะไร ทว่าก็เห็นว่ามันอยู่ในร่มผ้า และที่สำคัญเมื่อเช้าเธอติดกระดุมสูงจนถึงคอ แต่ที่ตกใจก็ไม่รู้ว่ากระดุมมันหลุดไปตั้งแต่เมื่อไร
“ไม่เป็นไร ช่างเถอะพี่ไม่ได้โกรธอะไร” …แต่อายมากกว่า คนโป๊ะแตกต่อประโยคในใจแล้วรีบติดกระดุมกลับคืน หน้าม้านอายนิด ๆ ความรู้สึกคล้ายถูกจับได้ว่าทำผิด
จากนั้นสองสาวก็เงียบกันมาตลอดทาง กระทั่งถึงออฟฟิศจึงแยกย้ายกันไปทำงานของใครของมัน หากคนที่โป๊ะแตกกลับรู้สึกกระวนกระวายใจ ด้วยกังวลว่ารุ่นน้องสาวอาจจะคิดว่ารอยพวกนี้เกิดจากการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเตชาวัต แต่จะให้เดินเข้าไปแก้ตัวก็หาใช่เรื่อง จึงทำให้รุ้งตะวันทำงานแบบกระสับกระส่ายตลอดช่วงบ่ายจนถึงเย็นย่ำ
พาลนึกโกรธเคืองคนทำ ไม่รู้จักยับยั้งตัวเอง!