นิดายืนมองบริษัทขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก วันนี้เธอตั้งใจพาลูกเลี้ยงมาคุยเรื่องข้อตกลงก่อนที่จะแต่งงานกับน้องชายเจ้าของบริษัทแห่งนี้
“สวัสดีค่ะ มาติดต่อเรื่องอะไรคะ” เสียงพนักงานสาวที่อยู่ด้านหน้าเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ฉันมาพบคุณฟาร์ริกซ์” นิดาเชิดหน้าตอบด้วยความมั่นใจ ถึงตอนนี้พนักงานจะยังไม่รู้จักเธอก็ไม่เป็นไร เพราะอีกหน่อยพนักงานที่นี่ก็จะต้องรู้จักเธอเป็นอย่างดี
“คุณฟาร์ริกซ์ไม่อยู่ค่ะ” พนักงานสาวตอบกลับทันทีหลังจากที่เช็คข้อมูลในระบบของบริษัท
นิดาถอดแว่นกันแดดสีดำออกด้วยท่าทางอารมณ์เสีย เมื่อคนที่เธอตั้งใจมาคุยธุระด้วยไม่อยู่ เมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้เธอก็เลยรีบถามถึงผู้ชายอีกคนทันที
“แล้วคุณฟินนิคซ์ล่ะ อยู่หรือเปล่า”
พนักงานสาวสวยตรวจเช็คข้อมูลในระบบอีกครั้งก่อนที่จะตอบออกมา
“อยู่ค่ะ”
“งั้นบอกว่าคุณนิดามาขอพบ” นิดาเชิดหน้าขึ้นมาอีกครั้งด้วยความมั่นใจ
“สักครู่นะคะ”
“ถ้าเขาไม่อยู่เราค่อยมาวันหลังก็ได้หนิคะ”
โรสรินกระซิบบอกแม่เลี้ยงเสียงสั่น เมื่อเธอไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะมา แต่เธอโดนแม่เลี้ยงลากมาด้วย ซึ่งเธอยังไม่พร้อมที่จะเจอใครในตอนนี้
“เงียบไปเลย แกอยู่เฉยๆ แล้วทำตามที่ฉันบอกก็พอ” แม่เลี้ยงหันไปดุลูกเลี้ยงเสียงเบาพร้อมกับส่งสายตาดุดันเพื่อเป็นคำสั่งให้เธอหยุดพูด
“ตอนนี้คุณฟินนิคซ์ติดประชุมอยู่ค่ะ แต่อีกสักครู่จะมีเลขาลงมารับคุณนิดาไปรอที่ห้องทำงานค่ะ” พนักงานสาวรีบรายงานไปตามที่อีกฝ่ายแจ้งมาทันที
ใช้เวลาไม่นานนิดากับโรสรินก็ได้ขึ้นมานั่งรออยู่บนห้องทำงานใหญ่ ซึ่งเป็นห้องทำงานของประธานบริษัทที่มีไม่กี่คนที่สามารถเข้ามาได้
“ถ้าแกได้แต่งงานก็รีบกอบโกยเงินจากเขาให้ได้เยอะๆ ห้ามหย่าเด็ดขาด เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเกิดใหม่อีกกี่ชาติแกถึงจะได้ผัวรวยขนาดนี้” นิดาพูดพร้อมกับมองสำรวจห้องทำงานใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยของใช้ราคาแพง ถ้าหากว่าโรสรินได้แต่งงาน ชีวิตของนิดาก็จะสุขสบายไปด้วย
“เขาจะยอมแต่งด้วยหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลยค่ะ” โรสรินตอบเสียงเบา เธอไม่คิดเลยว่าชีวิตที่เคยสุขสบาย ตอนนี้กลับต้องมาแต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่ได้รักและไม่เคยรู้จัก เพื่อที่จะหาเงินมารักษาบริษัทของคุณพ่อเอาไว้
“ยังไงก็ต้องแต่ง เพราะมันเป็นสัญญาที่ผู้ใหญ่คุยกันไว้ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนจัดการทุกอย่างให้เอง” นิดาพูดด้วยความมั่นใจ เพราะก่อนตายสามีได้ฝากฝั่งเรื่องนี้ให้เธอเป็นคนจัดการต่อ
“สวัสดีครับ” ฟินนิคซ์ที่ประชุมเสร็จก็รีบมาหาแขกคนสำคัญทันที เพราะถึงยังไงทั้งสองคนก็ถือเป็นแขกคนสำคัญของคุณพ่อ
“สวัสดีค่ะ”
นิดาทักทายพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาหา ส่วนโรสรินก็รีบยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท ก่อนที่เธอจะเอาแต่นั่งก้มหน้าไม่กล้าพูดและไม่กล้ามอง
“ขอโทษนะครับที่ให้คุณนิดาต้องมานั่งรอ” ฟินนิคซ์ขอโทษไปตามมารยาท
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”
“ฉันขอพูดเข้าเรื่องแบบตรงๆ เลยนะคะจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าตอบซึ่งเขาเองก็พอจะรู้ว่าเรื่องอะไร
“ฉันอยากจะมาคุยเรื่องข้อตกลงก่อนที่โรสรินจะแต่งงานค่ะ” ถ้าเป็นเรื่องเงินและเรื่องผลประโยชน์แล้วแม่เลี้ยงอย่างนิดาไม่รีรอให้เสียเวลาอย่างแน่นอน
“คุณนิดาอยากได้สินสอดเท่าไหร่ก็เรียกมาได้เลยครับ เพราะเรื่องนี้ผมเป็นคนจัดการอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มถามไปตามหน้าที่เพราะถึงยังไงแล้วฝ่ายชายก็ต้องมอบสินสอดให้ฝ่ายหญิงอยู่ดีและเขาก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะให้เท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม ก็เลยอยากจะขอฟังความคิดเห็นของอีกฝ่ายว่าต้องการเท่าไหร่ เพื่อใช้ในการพิจารณาและตัดสินใจตามความเหมาะสม
“ถึงคุณรพีจะไม่อยู่แล้วแต่ทางครอบครัวเราก็มีหน้ามีตาทางสังคม ฉันอยากได้เงินสดสิบล้าน ซึ่งยังไม่รวมทองกับเพชรและโฉนดที่ดินที่จะใช้เป็นสินสอดในวันงานค่ะ” นิดาพูดด้วยความมั่นใจ เพราะเธอรู้ดีว่ายอดเงินแค่นี้ไม่ได้มากเกินไปสำหรับอีกฝ่าย
โรสรินมองหน้าแม่เลี้ยงด้วยความตกใจเมื่อได้ยินจำนวนเงินที่พูดออกมา เพราะเธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าแม่เลี้ยงจะเรียกค่าสินสอดเยอะขนาดนี้ ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะมาก เยอะจนตัวเธอเองยังรู้สึกอาย
“ผมคิดว่าจำนวนเงินจะเยอะเกินไปนะครับ” ฟินนิคซ์พูดไปตามความเป็นจริง เพราะหลังจากแต่งงานแล้วทางครอบครัวของเขาต้องรับผิดชอบหนี้สินทั้งหมดช่วยอยู่ดี
“เงินแค่นี้ไม่มากเกินไปหรอกค่ะเมื่อเทียบกับการแต่งงานของลูกสาวคนเดียวของคุณรพี” นิดายังคงยืนยันคำพูดเดิม เพราะนอกจากหนี้สินของบริษัทแล้วเธอก็ยังมีหนี้ส่วนตัวอยู่อีกหลายล้านและเธอก็ต้องการเงินสินสอดไปใช้หนี้ของตัวเองด้วย
“ผมให้เท่าที่ช่วยได้ เพราะที่จริงแค่ให้เงินไปทุกอย่างก็น่าจะจบแล้วและผมก็รู้ด้วยว่าที่บริษัทคุณนิดากำลังมีปัญหาอยู่ แต่ที่ให้ฟาร์ริกซ์แต่งงานด้วยเพราะเป็นคำสั่งของคุณพ่อเท่านั้น” ฟินนิคซ์อธิบายเพราะเขาไม่ใช่คนหัวอ่อนที่จะยอมให้คนอื่นมาเรียกร้องเงินง่ายๆ เกินความจริงแบบนี้
“งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ แค่ทางคุณยอมแต่งงานตามคำสัญญาก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องค่าสินสอดฉันขอไม่เรียกร้องอะไร แล้วแต่ทางคุณจะให้ก็ได้”
เมื่อทุกอย่างไม่เป็นตามแผนที่ต้องการ นิดาจึงเปลี่ยนคำพูดใหม่ทันที ถึงจะได้เงินสินสอดน้อยหรือมากก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะถ้าแต่งงานกันแล้วเธอจะขอเงินอีกเท่าไหร่ก็ได้ตามต้องการ
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ยังไงทางเราก็ไม่ให้ทางคุณนิดาน้อยหน้าใครแน่นอน” ฟินนิคซ์พูดเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ
“แล้วเรื่องบริษัทล่ะคะ” โรสรินถามขึ้น เพราะที่เธอยอมแต่งงานก็เพื่อรักษาบริษัทไม่ใช่เพราะเงินสินสอดที่แม่เลี้ยงของเธอกำลังอยากได้
“หลังจากแต่งงานผมจะเป็นคนจัดการเรื่องบริษัทให้เองครับ ไม่ต้องเป็นห่วง” ฟินนิคซ์อธิบายให้หญิงสาวฟังเพื่อความสบายใจ
โรสรินพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แค่ได้ยินเขารับปากว่าจะช่วยแบบนี้เธอก็ดีใจมากแล้ว อย่างน้อยๆ บริษัทที่คุณพ่อสร้างมาก็จะได้อยู่ต่อไป
“แล้วเรื่องฤกษ์จัดงานแต่งล่ะคะ” นิดาถามตรงประเด็นอย่างไม่รอช้า เพราะยิ่งจัดงานแต่งเร็วเท่าไหร่เธอก็ยิ่งจะได้ใช้เงินเร็วเท่านั้น
“ถ้าจัดงานเร็วๆ นี้ทางคุณนิดาจะติดปัญหาอะไรไหมครับ” ชายหนุ่มถามอย่างสุภาพ เพราะเขาอยากจัดการทุกอย่างตามที่คุณพ่อต้องการให้เร็วที่สุด
“ไม่ติดค่ะ” นิดายิ้มกริ่มด้วยความพอใจ
“งั้นเดี๋ยวผมจะให้เลขาติดต่อไปนะครับ คงจะเร็วๆ นี้แน่นอน”
“ค่ะ ฉันจะรอฟังข่าวนะคะ” นิดาพูดจบก็ขอตัวกลับทันที
ฟินนิคซ์มองตามหลังของคุณนิดากับหญิงสาวอีกคนด้วยความรู้สึกสงสาร ถึงเธอจะยังดูเด็กเกินกว่าที่จะมาแต่งงาน แต่เขาก็ดูออกว่าที่เธอยอมแต่งงานก็เพราะอยากรักษาบริษัทของคุณพ่อให้อยู่ต่อไป โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังโดนแม่เลี้ยงหลอกใช้ เพื่อหวังผลประโยชน์จากการแต่งงานในครั้งนี้…
..
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
เป็นข้อตกลงที่คนแต่งไม่ได้พูด คนพูดไม่ได้แต่ง
แต่ยังไงก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี