บทที่ 1 เพราะเขาคือชาร์วี

2061 คำ
บทที่ 1 เพราะเขาคือชาร์วี วันนี้มีแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร มหาวิทยาลัยคริสตัลจึงคลาคล่ำไปด้วยนักศึกษาต่างสถาบัน เสียงเชียร์ดังสนั่นเมื่อมีการทำประตู ทีมเจ้าบ้านเป็นฝ่ายพลิกขึ้นนำอีกครั้ง จากผลงานของกองหน้าสุดหล่อนามว่าชาร์วี “แอบเชียร์เด็กอยู่ล่ะสิ” คติยาแซวเพื่อนร่วมงานรุ่นน้อง ขณะนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ข้างสนาม หัวหน้าสั่งหยุดงานครึ่งวัน เพื่อให้พนักงานแผนกธุรการได้เข้าชมการแข่งขัน โชคดีที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝน อากาศจึงไม่ค่อยร้อน “มิกิต้องเชียร์ทีมมหาลัยอยู่แล้วค่ะพี่เค้ก” คนตอบยิ้มแห้ง เมินหลบสายตาจับผิด ตั้งแต่เรียนจบ มนปรียา ศรีพรรณ ได้เข้าทำงานในแผนกธุรการของมหาวิทยาลัยคริสตัลมาปีกว่า ด้วยอายุไล่เลี่ยกันจึงสนิทกับคติยามากกว่าคนอื่น “พี่เตือนหลายทีแล้วนะว่าอย่าเล่นกับไฟ” “ชาร์เป็นน้อง” คนถูกดุอึกอัก จะทำอย่างไร..ในเมื่อไฟที่ว่าคือชาร์วี เขาเป็นน้องชายข้างบ้าน รู้จักตั้งแต่เรียนประถม สนิทสนมกลมเกลียวกันมานาน เพิ่งเริ่มห่างก็ตอนที่เธอไปเรียนต่างจังหวัด "เด็กมันร้าย! จำคำพูดพี่ไว้ให้ดี" “มิกิรู้ค่ะ” ชื่อเสียงชาร์วีไม่ธรรมดา สาวเล็กสาวใหญ่ กระทั่งอาจารย์บางคนก็ถูกเขาฟาดจนนับไม่ถ้วน เรียกว่าเสือผู้หญิงอาจเป็นการดูถูกเกินไปด้วยซ้ำ เพราะชาร์วีไปไกลกว่าคำนั้นมาก ด้วยบุคลิกนิ่งขรึมแต่มีเสน่ห์ ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย แม้เป็นคนยิ้มยากแต่น่าค้นหา อยู่เฉย ๆ ก็มีแรงดึงดูดให้อยากเข้าใกล้ ซ้ำยังเป็นนักกีฬาดาวเด่นของมหาวิทยาลัย เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผู้หญิงอยากลองเล่นกับไฟดูสักครั้ง ส่วนเธอ..เห็นเขาเป็นอะไรชักไม่แน่ใจ เพราะยิ่งใกล้ชิด ก็ยิ่งหวั่นไหวมากขึ้นทุกวัน “รู้? แต่ยังปล่อยให้วนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เนี่ยนะ เราหัดปฏิเสธบ้างเถอะ” ก่อนที่มนปรียาจะพูดตอบโต้ กรรมการก็เป่านกหวีดหมดเวลา เสียงเฮดังกึกก้อง เพราะทีมเจ้าบ้านเฉือนเอาชนะคู่แข่งไปอย่างสุดมัน ด้วยสกอร์ 4 - 3 “เย้ ๆ ชนะแล้ว” มนปรียาปรบมือยิ้มแก้มปริ ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักสว่างจ้า ดึงดูดสายตาหนุ่มนักศึกษาได้ไม่น้อย หากไม่ใส่ยูนิฟอร์มของมหาวิทยาลัย คนคงคิดว่าเธอเป็นนิสิตปีหนึ่ง เพราะหน้าเด็กตัวเล็ก จึงไม่เหมือนหญิงสาววัยยี่สิบสี่แต่อย่างใด “โอ๊ะ..เด็กนั่นเรียกมิกิหรือเปล่า” คติยาชี้ไปทางหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ข้างสนาม ไม่ยอมเข้าห้องพักนักกีฬาเหมือนคนอื่น มือหนึ่งใช้ผ้าซับเหงื่อ อีกมือกวักเรียกใครบางคน ซึ่งองศามันตรงกับมนปรียาพอดีเป๊ะ “มะ..ไม่มั้ง” ตากลมมนจ้องไปยังนัยน์ตาลุ่มลึก แม้อยู่ไกลแต่หัวใจเต้นผิดจังหวะ เธอเลิ่กลั่กมองซ้ายมองขวาขณะที่ชายหนุ่มตั้งท่าจะเดินมาหา “กลับก่อนนะพี่เค้ก..ไว้เจอกันพรุ่งนี้” “อ้าว! เดี๋ยวสิ!” ไม่ฟังคำทัดทาน คนน่ารักรีบวิ่งหลบไปด้านหลังอัฒจันทร์ ไม่อยากคุยกับชาร์วีต่อหน้าคนเยอะ ๆ เพราะงานนี้เขาเป็นจุดสนใจ หากทำตัวสนิทเกินไปอาจเป็นภัยต่อตัวเอง พอวิ่งมาถึงอาคารเรียนก็หยุดหอบหายใจ ผิวหน้าแดงระเรื่อ ปลายจมูกมีเหงื่อซึม ยืนพักเหนื่อยอยู่หลายนาที แหงนหน้ามองท้องฟ้าเห็นฝนทำท่าจะตก คิดว่าคงต้องรีบกลับบ้าน ขืนช้าได้เปียกเป็นลูกหมาแน่นอน หมับ! ในจังหวะหมุนตัวจะเดินก็ถูกคว้าข้อมือเอาไว้ มนปรียาตกใจจนหน้าซีดเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ชาร์วี สิทธินนท์ ร่างสูงใหญ่ในชุดนักกีฬาสีขาว ส่งให้เขาหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ ผมไม่เป็นทรงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าคมคายแดงเล็กน้อยจากความร้อนอบอ้าว “มิกิหนีโคตรเก่ง” “ฟู่ว..” หญิงสาวพ่นลมออกจากปากอย่างอ่อนใจ ไม่ใช่แค่เคร่งขรึม ชาร์วียังเดาอารมณ์ยาก เห็นเขาตั้งแต่เจ็ดขวบ สนิทเหมือนพี่น้องแต่เธอกลับไม่รู้จักเขาเลย ตอนเรียนอุดมศึกษาเป็นเวลาที่ห่างกันนานสุด เพราะมนปรียาสอบติดมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด จำเป็นต้องย้ายไปอยู่หอที่นั่น ถึงกลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยครั้งแต่ไม่เจอชาร์วี ทักแชตหาก็ไม่ค่อยตอบ นานวันเข้าก็ห่างเหิน พอเรียนจบกลับมา เขาก็โตเป็นหนุ่ม และไม่เรียกเธอว่าพี่อีกต่อไป “พี่รีบกลับบ้าน” “รอกลับด้วยกันสิครับ” เรื่องพูดก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของชาร์วี เขามักมีหางเสียงกับเธอตลอด ถึงหน้านิ่งแต่แววตาสื่อความรู้สึกได้เป็นอย่างดี “ไม่อะ..กว่าชาร์จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าคงมืดพอดี” “ผมอาบแป๊บเดียว” “แต่พี่รีบ..กลับก่อนนะ” หญิงสาวสะบัดแขนออก แต่ถูกกระชากให้เดินตาม เธอจึงเริ่มโวยวาย “จะพาพี่ไปไหน!” “เงียบ..แล้วตามผมมา” ร่างเล็กถูกลากมายังห้องเก็บของใต้อาคารเรียน ยังดีที่ไม่มีใครเห็น ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่ "เอ๊ะ!" คนไม่สบอารมณ์ทำเสียงฮึดฮัด ที่น้องชาย(นอกไส้)ทำตัวไม่น่ารัก ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชาร์วีถึงเนื้อถึงตัว เขามักแตะนิดแตะหน่อยอยู่เป็นประจำ ซึ่งขัดกับบุคลิกหน้านิ่งเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เรียนจบและกลับมาทำงานได้ปีกว่า ชาร์วีไม่เคยมีท่าที กระทั่งสองเดือนก่อนถึงเริ่มเปลี่ยน เขาชวนนั่งรถมามหาวิทยาลัยด้วยกันบ่อยขึ้น รอกลับพร้อมกันในวันที่ไม่ได้ไปกับเพื่อน แสดงความไม่พอใจในตอนที่เธอไปเที่ยวคลับแล้วกลับดึก ที่สำคัญ..เขามือไวมาก! “อะ! อะไรเนี่ย?” มนปรียาถูกดันให้ชิดผนังห้อง ร่างสูงใหญ่เบียดแนบเข้าหา ความอบอ้าวผสมกลิ่นเหงื่อจากตัวเขาทำให้เธอวูบวาบ ไม่รังเกียจแต่มันหวามไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “พาพี่มาที่นี่ทำไม? อุ๊บส์!" เธอรีบยกมือปิดปาก ในตอนที่หน้าคมคายโน้มลงมาใกล้จนรับรู้ลมหายใจอุ่นร้อน “ไม่รู้จริง ๆ เหรอครับ?” เขาเลิกคิ้วถามเสียงราบเรียบ แต่แววตากรุ้มกริ่มในแบบที่ไม่เคยเห็น เธอจึงส่ายหน้าไม่ยอมเปิดปากพูด พลางสำรวจโครงหน้าของเขาไปด้วย ผิวเรียบเนียนทำให้อิจฉาอยู่นิด ๆ คนอะไรเกิดมาช่างสมบูรณ์แบบ หน้าตาดี เรียนเก่ง ฐานะร่ำรวย มีรถหรูขับไม่ซ้ำคัน เสื้อผ้าและเครื่องใช้ล้วนแบรนด์เนม กระทั่งถุงเท้าก็ราคาหลักพัน แบบนี้จะไม่เป็นหนุ่มฮอตได้ยังไง ถึงชาร์วีไม่เข้าหา..ผู้หญิงก็มักเข้าหาเขาก่อนอยู่ดี “เอามือออกแล้วพวกเรามาคุยกัน” “อือ ๆ” หญิงสาวส่ายหน้า มือยังปิดปากอยู่เหมือนเดิม ดวงตาไหวระริกในตอนที่ปลายจมูกโด่งสัมผัสกับหลังมือของเธอ “มิกิครับ” โทนเสียงแหบพร่าเล่นเอาคนฟังใจสั่น แต่ไม่ทันไรก็ต้องตาโต เมื่อเขาวางมือแหมะบนสะโพกกลมกลึง ฝ่ามือใหญ่ค่อย ๆ ลูบไล้ มนปรียาจึงลนลานปัดออก ทำให้ริมฝีปากเป็นอิสระ เพิ่มความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ปากของเขาอยู่ใกล้แค่ลมหายใจสัมผัส!! “คิดจะทำอะไร พี่ไม่เล่นนะชาร์!” “ผมก็ไม่เล่น” เพราะเขาอยากเอาจริง ๆ “มันเกินไปแล้วนะ” แผล็บ.. “ทำบ้าอะไร!” ชาร์วีแลบลิ้นเลียปลายจมูกของเธอ มนปรียาถึงกับตัวแข็งทื่อ เป็นสัมผัสที่มากกว่าครั้งไหน พอตั้งสติได้จึงรีบผลักเขาออก ยังดีที่ชาร์วียอมถอย แต่ยังจ้องเธออยู่เหมือนเดิม “มีเหงื่อตรงจมูก ผมเลยเช็ดให้” “มือไม่มีหรือไง ทีหลังอย่าทำอีก..พี่ไม่ชอบ” สติสตังหายเกลี้ยง อยากกรีดร้องให้ความหน้าด้านของเขา “ไม่ชอบก็ขออภัย เผอิญลิ้นอยู่ใกล้กว่ามือ” “ชาร์!!” เรียกเสียงหลง เมื่อชายหนุ่มรวบเอวบางมากอด มืออีกข้างจับปลายคางมนดันขึ้นสบตา “พวกเราไม่ใช่เด็ก ชาร์จะถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ไม่ได้” “เมื่อก่อนมิกิหอมแก้มผมออกบ่อย” “นั่นมันตอนเด็ก..โตแล้วก็ไม่ควรรุ่มร่าม” “ไม่รู้สึกว่าผมเปลี่ยนไปบ้างเหรอ” “เปลี่ยนแล้วยังไง มันเกี่ยวอะไรกับพี่” ยิ่งเธอดิ้นเขาก็ยิ่งกอดแน่นขึ้น มนปรียาชักสีหน้าทำฟึดฟัด “เกี่ยวสิ..” โคตรจะเกี่ยว..ใครใช้ให้พี่สาวน่ากินขนาดนี้ล่ะ! ถึงอีกฝ่ายจะอายุมากกว่า แต่ไม่ทำให้ชาร์วีกริ่งเกรงสักนิด ตรงกันข้าม..มันกลับสร้างความตื่นเต้นแปลกใหม่ เพิ่มความกระหายหิวให้มีเพิ่มขึ้น พี่สาวโคตรยั่วเย ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งแข็ง! “เกี่ยวแบบไหนมิทราบ” “เพราะผมคิดอะไรมากกว่าเมื่อก่อน” คือ..คิดเรื่องใต้สะดือ ไม่มีเรื่องอื่น “อย่าเลอะเทอะ..พี่จะกลับบ้านแล้วค่ะ” “เธอโคตรดื้อ” “อือ!!” ชาร์วีก้มลงงับริมฝีปากอวบอิ่มจนมันยืดแล้วปล่อย มนปรียาโมโหจึงกางเล็บข่วนท่อนแขนแกร่งเต็มแรง เกิดแผลยาวเลือดซิบ พอเขาทำท่าจะจูบก็จิกเล็บลงบนลำคอ จนชาร์วีซู้ดปากและหยุดการกระทำ "ซี้ด..มิกิเล่นแรงจัง" “พี่ไม่เล่น!..ชาร์ทำแบบนี้ไม่โอเคเลย” “ขนาดนี้แล้วยังคิดว่าผมเล่นอีกเหรอ” ทำไมชาร์วีถึงพูดมาก ต่อปากต่อคำไม่เลิก ทั้งที่ปกติจะพูดน้อย ส่วนใหญ่จะใช้สายตาและการกระทำสื่อสารกับเธอมากกว่า “ไอ้เด็กบ้า!” และนั่นทำให้เธอเห็นรอยยิ้มของเขาในรอบหลายวัน ฟันขาวสะอาดเรียงสวย ส่งให้ใบหน้าคมคายน่ามองยิ่งขึ้น ความหล่อเหลาไม่ต้องถาม เพราะมีมากจนทำให้คนไม่คิดอะไรหวั่นไหวได้ไม่ยาก ชาร์วีไม่ใช่น้องน้อยที่เคยรู้จักอีกต่อไป “มิกิเคยจูบกับใครหรือเปล่า” เขายิงถาม “พี่อยากกลับบ้าน” เธอเฉไฉ “ผมอยากรู้” “..........” หญิงสาวใช้ความเงียบเป็นคำตอบ “ช่วยตอบด้วย” เขาเค้นเสียงด้วยแววจริงจัง พี่สาวกำลังสับสนและหวาดกลัว..เขารู้ “อายุยี่สิบสี่เรื่องพวกนี้ก็ต้องมีบ้าง พี่ไม่ใสอย่างที่คิดหรอกนะ” หลังจากกลั้นใจตอบ ก็ได้ยินเสียงชาร์วีจิปากไม่สบอารมณ์ รู้สึกเสียวสันหลังในตอนที่เขายกมุมปากขึ้น “รวมถึงเซ็กซ์ด้วยหรือเปล่า” “ใช่” ตอบเสียงหนักแน่น “ก็ดี” มนปรียาตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเขาแนบริมฝีปากเข้ากับใบหู แล้วกระซิบเสียงแหบพร่าทว่าหนักแน่น “ถ้าบอกว่าชอบ..เธอจะเชื่อไหมครับ” “พี่ไม่เชื่อ” “งั้นผมจะทำให้เชื่อ..มิกิอย่าร้องแล้วกัน” หน้าคมคายจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม มันดูลึกลับน่าหวาดหวั่น แววตาลุ่มลึกเหลือจะคาดเดา มนปรียาปากสั่นหัวใจเต้นแรง จนจะทะลุออกมาด้านนอก น้องชายแสนน่ารักได้กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดฮอต ทุกอย่างที่เป็นชาร์วีล้วนมีอิทธิพลต่อเธอ ยิ่งพักหลังเขาใกล้ชิดเธอก็ยิ่งถลำลึก กลิ่นผู้ชายมันหอมแบบนี้นี่เอง ถ้าบอกไม่รู้สึก..คงเป็นการโกหกที่ตลกเกินไป “ชาร์..” “ตอนนี้ไม่เชื่อไม่เป็นไร..แต่ผมจะทำให้เชื่อในสักวัน” “ปล่อยพี่เถอะนะ..พี่ต้องรีบกลับบ้านจริง ๆ” วิงวอนเสียงสั่น หน้าจิ้มลิ้มซีดแล้วซีดอีก ดูน่าสงสารและน่าขย้ำในเวลาเดียวกัน ให้ตาย! เขาโคตรอยาก อ่าส์..ชายหนุ่มหลับตา สัดส่วนที่เสียดสีได้ก่ออารมณ์กำหนัด เห็นตัวเล็กแต่พอได้แนบชิดก็อวบอัดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน "ชาร์..ได้โปรด" เธอวิงวอนอีกครั้ง และเขาก็ใจอ่อน “ปล่อยก็ได้..แต่ห้ามหลบหน้าผมอีก” “อืม..” “อย่าโกหกก็แล้วกัน” วันนี้จะยอมปล่อยไปก่อน แต่วันหน้าต้องได้ทำมากกว่านี้ และบทสรุปต้องได้เธอ! ไม่ว่ามนปรียา..จะรักเขาหรือไม่รักก็ตาม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม