ก๊อกๆๆ
“เข้ามา”
“นายครับเครื่องบินส่วนตัวออกเดินทางแล้วครับ ส่วนไอ้สองพ่อลูกนั้นมันถูกอีกฝ่ายชิงจับตัวไปก่อนเราจะได้ตัวมันครับ”
มาเฟียหนุ่มปรายตามองลูกน้องคนสนิทเพียงนิด มือหนาวางปากกาแท่งหรูลงบนเอกสารที่กำลังจะจรดปลายปากกาลงเซ็นอนุมัติ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนเป็นปม
“ไปเอาตัวผู้หญิงคนนั้นมาให้กู”
“ครับนาย”
'ลลิล เด็กคนนี้ชื่อลลิล ปีนี้อายุ21ปีเต็ม ผมขายเธอให้คุณ'
'ไม่อยากเชื่อว่ามึงจะเลวถึงขั้นต้องขายลูกเลี้ยงกิน'
'ช่วยไม่ได้ ถ้าคุณไม่เอา ผมจะขายเธอต่อให้คุณไฮเดน
'ผู้หญิงกูจะถือว่าเป็นดอก ส่วนเงินสองร้อยล้านกูให้เวลามึง24ชั่วโมง'
'หญิงบริสุทธิ์ไม่เคยผ่านผู้ชายคนไหนมาเชียวนะคุณ '
'หึ!เลวไร้ที่ติจริงๆ เอาตัวมันออกไป!'
'อ๊าก!! คุณแบล็คเบิร์น คุณจะต้องเสียใจที่ทำกับผมแบบนี้ อั๊ก!!'
“หึ! มึงคิดจะผลักลูกเลี้ยงของมึง มาแลกกับเงินสองร้อยล้านของกูงั้นเหรอ เลวคงเส้นคงวาไม่เปลี่ยนจริงๆ”
มาเฟียหนุ่มส่ายหน้าอย่างปลงตก ให้กับเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เขาพึ่งไปจัดการคนทรยศมา แต่เสียดายที่วันนั้นเขาไม่เด็ดขาดพอ ทำให้ไอ้คนทรยศมันหนีไปได้
มือหนาหยิบปากการาคาแพงขึ้นมาเซ็นเอกสารในแฟ้มต่อจนเสร็จ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานตามลูกน้องคนสนิทของเขาไป
@ไฮมหาลัย
“เฮ้อ~ หมดคาบเรียนสักที นี่ฉันเกือบอ้วกออกมาเป็นกลยุทธ์ธุรกิจแล้วนะเนี่ย”ใบหน้าหวานฟุบลงโต๊ะเรียนอยากหมดพลัง หลังจากที่อาจารย์เดินออกจากห้องไปแล้ว พร้อมให้รายงานเกี่ยวกับการวิเคราะห์กลยุทธ์ธุรกิจมาอีกหนึ่งกระบุง
“ไม่ได้ต่างกันเลยเหอะ ฉันควรกลับบ้านไปนอน” ฟีฟ่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงยานคาง ก่อนจะฟุบหน้าลงท่าเดี๋ยวกันกับฉัน ไม่รู้คิดถูกคิดผิดมาเรียนคณะบัญชี มันหินสุดๆ สำหรับคนโง่คณิตศาสตร์อย่างฉันเลยนะ แต่เพราะแม่ฉันอยากให้เรียนฉันเลยยอมท่าน จนต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้แหละ ฉันชื่อลลิลค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่มหาลัยเอกชนชื่อดัง คณะบัญชี ปี3แล้ว ฉันเรียนไม่ค่อยเก่งอะไรหรอกนะ แค่ขยันเท่านั้นเองเลยรอดมาได้ ปีนี้เข้าปีที่3แล้ว
“กลับกันเลยมั้ย”
“อื้อ กลับเลย ฉันจะแวะไปหาแม่ที่โรงพยาบาล” ฉันบอกเสียงเศร้า เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน แม่ฉันเกิดอุบัติเหตุหกล้มในห้องน้ำ หมอบอกเส้นเลือดฝอย ใต้ชั้นศีรษะแตก โชคดีที่ไม่ใช่เส้นเลือดฝอยในสมองแตก แต่ก็น่าแปลกใจที่ตอนนี้แม่ฉันยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย
“แม่แกเป็นยังไงบ้าง” ฟีฟ่าถามฉันด้วยแววตาที่เป็นห่วงเป็นใย
“ก็เหมือนเดิม ยังไม่ฟื้น แต่คุณหมอบอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
“อื้อ มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกนะ ขอให้แม่แกฟื้นขึ้นมาเร็วๆ”
“จ้า งั้นแยกกันตรงนี้เลยก็ได้” ฉันกับฟีฟ่าต่างโบกมือให้กัน เมื่อพบว่าเราเดินมาถึงรถแล้ว ช่วงฉันมาเรียนคุณลุงปกรณ์ ท่านจ้างพยาบาลพิเศษเฝ้าแม่ฉันที่โรงพยาบาล ฉันจะไปคอยดูแลแม่หลังเลิกเรียนและทุกวันหยุด ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ฉันเองก็เกรงใจคุณลุงปกรณ์มากๆ ท่านเป็นสามีใหม่ของแม่ฉัน หลังจากคุณพ่อฉันเสียไปเมื่อหลายปีก่อน ก็ได้คุณลุงปกรณ์นี่แหละ ที่ดูฉันกับแม่เสมอมา
“อ๊ะ!” ฉันสะดุ้งโหยง เมื่อมือที่กำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูรถถูกใครบางคนกระชากไว้ก่อน
“ถ้าไม่อยากตายอย่าส่งเสียง”จู่ๆก็มีชายชุดดำสองสามคนเข้ามายืนล้อมฉันเอาไว้ หนึ่งในนั้นถือปืนสั้นสีดำมันขลับ จ่อมาที่หน้าท้องของฉัน
“พวกนายเป็นใคร” ฉันถามออกไปด้วยเสียงสั่นเทา ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุม สายตามองหาคนที่จะเข้ามาช่วย แต่กลับไม่มีใครเดินผ่านมาทางนี้เลยสักคน
“ไม่ต้องถามเยอะ ไปขึ้นรถ”
“อ๊ะ!” ไอ้ผู้ชายชุดดำหน้าตาดุร้ายคนนั้น ผลักฉันให้เดินออกไปกับมันโดยมีรถตู้อีกคันที่จอดอยู่ข้างๆ รถของฉัน
“ขึ้นไป”
“อ๊ะ! ช่วย!!อื้ออ่อยอ๊ะ” มือหนาจับผ้าผืนสีขาวๆ ยกขึ้นปิดที่จมูกและปากของฉัน ซึ่งฉันกำลังพยายามร้องให้คนช่วยและดิ้นอย่างสุดแรงเกิด แต่เหมือนมันจะสูญเปล่า เพราะหลังจากได้สูดดมอะไรบางอย่างที่อยู่บนผ้าผืนนั้น สติของฉันก็ค่อยๆ เลือนราง และจมหายไปในที่สุด
“คุณลลิลยังหลับอยู่ครับนาย”
“กูสั่งเหรอว่าให้ใช้ยาสลบ”
“ที่มหา'ลัยคนพลุกพล่านครับนาย”
“อื้อ~” ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อได้ยินเสียงเอะอะของใครบางคน ดังมาเข้าสู่โสตประสาท นัยน์ตากลมเบิกโพลงด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่เตียงนอนในห้องนอนที่ไม่รู้จัก ฉันเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว แต่เพราะอาการปวดหนักๆที่ศีรษะ ทำให้ต้องค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นช้าๆ มือบางถูกยกขึ้นกุมอยู่ที่ศีรษะเอาไว้
“ที่นี่ที่ไหนกัน” ร่างเล็กค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นโงนเงน มองผ่านกระจกออกไปด้านนอกเป็นสีดำสนิท นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว
“คืนนี้ให้ไอ้แซงค์ไปเช็กของล็อตใหม่ ”
“ครับนาย”
ปัง! ปัง! ปัง!
“ใครอยู่ข้างนอก เปิดประตูให้ฉันที”
ปัง! ปัง! ปัง!
“ได้ยินมั้ย เปิดประตูให้ฉันที” ไร้เสียงตอบกลับ ฉันค่อยๆ ทรุดตัวลงหน้าประตูด้วยความอ่อนแรง ด้วยว่าศีรษะเล็กปวดหนึบจนทนยืนต่อไปไม่ไหว ก่อนที่โลกทั้งใบจะวูบดำลงไปอีกครั้ง
(Blackbean:Talk)
ตุ๊บ!
“เฮ้ย! ลลิล”
ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องเข้ามาก็พบกับร่างบางที่ล้มตัวลงกองกับพื้น ตัวของเธอเย็นเฉียบ เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นล้อมกรอบหน้าเต็มไปหมด ผมพยายามเขย่าตัวเธอเพื่อปลุกให้ตื่นแต่ก็ไม่เป็นผล คงเกิดจากฤทธิ์ของยาสลบที่ลูกน้องของผมเอาไปใช้กับเธอ ผมโกรธเลือดขึ้นหน้าเพราะมันทำเกินคำสั่งผม
“ลลิล! นี่เธอ!”เมื่อปลุกแล้วแต่ไม่เป็นผล ผมจึงตัดสินใจหยิบผ้าผืนเล็กชุบน้ำพอหมาดๆ มาเช็ดตัวให้เธอ
“อื้อ...ใคร...”สักพักก็ได้ยินเสียงผ่านลำคอเล็ก ริมฝีปากบางขยับเสียงครางออกมาเบาๆ เมื่อผ้าชุบน้ำเย็นๆสัมผัสตรงพวงแก้มใสของเธอ
“พ่อขา อย่าทิ้งเราไปนะคะ พ่อ”
มือเล็กคว้าแขนของผมกอดเอาไว้แน่นเหมือนกำลังไขว่คว้าหาที่ยึด ก่อนที่เธอจะตวัดแขนทั้งสองข้างกอดรอบเอวสอบของผมเอาไว้แน่นอีกต่อหนึ่ง
“ลลิล!” ปากหนาเอาแต่เรียกชื่อของคนไม่ได้สติ แต่ไม่มีท่าทีว่าเธอจะรู้สึกตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
“พ่อขา กอดลิลทีค่ะ ลิลหนาว ฮึก!
” เสียงสะอื้นไห้พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากสองแก้มของคนไม่ได้สติ มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะดึงเธอเข้ามาสวมกอด มือหนาเกลี่ยลงบนแก้มเนียนเพื่อเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลรินอาบสองแก้มให้เธอ ก่อนจะลูบศีรษะเล็กของเธอเบาๆ อย่างปลอบประโลม
“เธอจะจำคุณลุงขายาวได้มั้ยนะ ลลิล”
ผมหลุบสายตาลงมองใบหน้าหวาน ของคนที่กำลังซุกหน้าลงบนแผงอกของผม พลางกระชับอ้อมแขนกอดคนตัวเล็กไว้หลวม ตอนนี้เสียงสะอื้นไห้หายไปแล้ว มีเพียงลมหายใจอุ่นๆที่กำลังเป่ารดลงแผงอกแกร่งของผมอย่างสม่ำเสมอ