“โอเคค่ะ ยังไงพี่ไหมดูแลตัวเองดีๆ นะ ฝากบอกหลานด้วยแพรคิดถึง” ริมฝีปากสีเชอรี่ผุดยิ้มหวาน ขณะปลายนิ้วกดปุ่มปิดหน้าจอแล้วเก็บสมาร์ตโฟนเครื่องบางใส่กระเป๋าตามเดิม
หลายปีมานี้สองคนพี่น้องแยกย้ายกันใช้ชีวิตเพราะภาระหน้าที่ที่แตกต่าง แต่ทั้งคู่ยังหมั่นให้กำลังใจกันสม่ำเสมอ หากว่างตรงกันก็จะหาเวลาพูดคุยผ่านสายโทรศัพท์ และทุกครั้งเมื่อเห็นหน้าเหมือนไหมและหลานสาวดุจแพรจะพลอยได้รับพลังงานดีๆ ไปด้วย
อย่างเช่นวันนี้… เธอโทรหาพี่สาวคนเก่ง เพราะต้องขึ้นรำงานใหญ่ซึ่งแอบซุ่มซ้อมเองมาหลายวัน
“เป็นไงบ้าง โอเครึเปล่าแพร” พาขวัญเปิดประตูเข้ามาสำรวจนางรำคนสวย แววตาหล่อนประกายทันทีพออีกฝ่ายหมุนตัวกลับมาให้ชื่นชม
วันนี้สาวน้อยแต่งกายด้วยเกาะอกแดงเข้มขลับผิวขาวดุจหิมะ สวมสไบเฉียงและผ้านุ่งสีทองระยิบระยับราวกับประกายแสงอาทิตย์ยามสัมผัสผิวน้ำทะเล เรือนผมยาวรวบหางม้าและประดับรัดเกล้าเป็นเครื่องหัว
กำไลข้อมือทองอร่ามส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งทันที เมื่อดุจแพรยกมือลูบแก้มและถามผู้มาใหม่ท่าทางประหม่า
“พอไหวไหมคะคุณเพ๊บ”
“โหแพรสวยมาก รับรองถ้าพี่พายกับแม่เห็นนะต้องตะลึงแน่ๆ แล้วนี่ตื่นเต้นมากน่ะสิถึงโทร. หาพี่ไหม”
“คุณเพ๊บเดาออกตลอด แพรไม่เคยรำงานใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลยตื่นเต้นก็เป็นธรรมดาค่ะ ต้องขอบคุณคุณลินญามากกว่าอุตส่าห์ส่งช่างแต่งหน้ามืออาชีพมาเนรมิตแพรซะสวยเช้ง”
“พูดอะไรแบบนั้น หนูน่ะเบ้าหน้าดีอยู่แล้วค่ะลูกสาว พี่แค่แต่งนิดๆ หน่อยๆ ก็ออกมาสวยแล้ว แต่คนสวยความสามารถเยอะขนาดนี้สนใจเข้าวงการรึเปล่า พี่แนะนำได้นะ” จุนนี่ที่เก็บสัมภาระอีกมุมหนึ่งของห้องแต่งตัวหันมาพูดเสียงใส ความสวยตามแบบฉบับสาวลูกครึ่งนัยน์ตาคมทำหล่อนตะลึงไปในวินาทีแรก
แต่มากกว่าความงามทางรูปลักษณ์คือความดีจากเนื้อแท้ของดุจแพร หลายชั่วโมงที่อยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัวหญิงสาวน่ารัก ถ้อมตน ซ้ำยังมีจิตใจอ่อนโยนจนชายร่างใหญ่ใจสาวประทับใจ และเผลอแอบชมหลายต่อหลายครั้ง
“สนใจไหมคะว่าที่คุณหมอ”
“ว้ายน้องแพรเรียนหมอเหรอคะเนี่ย แรงมาก” จุนนี่ยกมือป้องปาก คราวนี้เห็นทีเป็นอันต้องฝันสลาย
“ใช่สิคะพี่จุนนี่ น้องแพรของพี่เป็นถึงว่าที่คุณหมอคนเก่งเลยนะ” พาขวัญหัวเราะ สมัยนี้นักเรียนแพทย์ส่วนมากไม่ได้ใส่แว่น หรือเก็บตัวเพราะเอาแต่อ่านหนังสือเหมือนเมื่อก่อน บางคนชอบทำกิจกรรม ทั้งยังใส่ใจดูแลตัวเองชนิดที่ตัวหล่อนเองยังอาย ดุจแพรก็เช่นกันหลายคนมักคาดเดาว่าเธอเรียนนิเทศศาสตร์หรือไม่ก็บริหารธุรกิจ หารู้ไม่นี่คือว่าที่แพทย์หญิงในอนาคต
“น้องเพ๊บดับฝันพี่มาก แต่ไม่เป็นไรค่ะ”
จุนนี่พูดพร้อมถอนหายใจ สองสาวจึงมองหน้าและระเบิดหัวเราะเป็นเสียงเดียว
“พี่จุนนี่แลกไลน์ไว้ก็ได้ เผื่อมีจ็อบเสริมเดินแบบสวยๆ แพรอาจสนใจ”
“แพรไม่รับปาก แต่เราแลกไลน์กันไว้ก่อนได้ไหมคะพี่จุนนี่ จริงๆ ปกติถ้ามีงานพิเศษอันไหนที่พอทำได้ แพรก็รับหมด แต่ตอนนี้กังวลแค่ว่าตัวเองมีเวลาไม่พอ” คนตัวเล็กอ้อมแอ้มบอก แท้จริงเธอสนใจงานในวงการบันเทิงไม่แพ้อาชีพหมอ
เพราะหากจับผลัดจับผลูดังขึ้นมา มันสามารถเปลี่ยนทั้งชีวิตใครคนหนึ่งไปตลอดกาล ดังนั้นสิ่งที่จุนนี่เสนอจึงเป็นเหมือนประตูแห่งโอกาสสำหรับคนไม่มีต้นทุนด้านฐานะอย่างดุจแพร
“ไม่ต้องกังวลเลยค่ะลูกสาว ถ้าน้องแพรไม่สนใจเดินแบบเป็นแคสน์โฆษณาก็ได้นะ แต่ก่อนตอบตกลงหนูต้องให้ไลน์พี่ก่อน”
“ขอบคุณนะคะพี่จุนนี่” ดุจแพรยิ้มร่าตาเป็นประกาย มือบางหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาสแกนคิวอาร์โค้ดว่องไว จากนั้นทั้งสามก็พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ผ่านไปสักพักสตาฟของงานจึงเปิดประตูเข้ามาตามนางรำคนสวย
“สู้ๆ นะ ตื่นเต้นเมื่อไหร่แพรมองมาซ้ายมือข้างล่างได้เลย เพ๊บกับพี่พายรออยู่ตรงนั้นแหละ ไม่หนีไปไหนแน่นอน”
ห้องแกรนด์บอลรูมสุดหรูบัดนี้เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตา ซึ่งตบเท้าเข้ามาร่วมยินดีตามคำเชิญชวน รอบกายเจ้าของร่างสูงในชุดสูทแบรนด์ดังล้อมด้วยผู้บริหาร ผู้คนแวดวงธุรกิจใกล้เคียง และสมาชิกวีไอพีที่ส่งเสริมโรงพยาบาลผดุงเดชาอยู่เบื้องหลัง
นรัณกรพูดคุยกับพวกเขาเหล่านั้นน้ำเสียงฉะฉาน ใบหน้าเปื้อนยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มบนแก้มทั้งสองข้าง นี่เป็นงานแรกในรอบหลายปีที่เขาปรากฏตัว หลังตัดสินใจทิ้งตำแหน่งทายาทโรงพยาบาลไปเรียนต่อยังต่างประเทศ
พอกลับมาบ้านเกิด ไฮโซหนุ่มไม่ได้เข้าร่วมธุรกิจฝั่งบิดาในทันที เขาเลือกเดินตามเส้นทางที่ตนอยากเดินจนกระทั่งมารดาเสียชีวิตเมื่อหลายเดือนก่อน นรัณกรตัดสินใจกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อยึดครองเก้าอี้ผู้บริหาร และหาทางสลัดพวกปลิงดูดเลือดออกไปให้พ้นทาง
“หนูมินโชคดีจริงๆ ที่ได้คนเก่งอย่างคุณมาเป็นหุ้นส่วนชีวิต ได้ข่าวว่าทำธุรกิจหลายอย่างไว้ผมขออนุญาตแวะไปเยี่ยมชมบ้างนะ” นายตำรวจคนดังจับมือชื่นชมหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง
“ด้วยความยินดีครับ” นรัณกรคลี่ยิ้มรับ ส่วนมินตราแสดงทีท่าขวยเขินก่อนกระชับวงแขนคู่ควงแน่นกว่าเดิม
“ฝากว่าที่ลูกเขยผมด้วยนะ อีกไม่นานจะดองกันแล้ว ใช่ไหมไอ้ลูกชาย” เจ้าสัววิชัยหัวเราะ หันมองหนุ่มรุ่นลูกคล้ายกดดันไปในตัว
“โถ่คุณพ่อพูดกลางวงแบบนี้มินก็เขินสิคะ” เสียงใสผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดที่สัมผัสได้เป็นระยะ บิดาเปิดสงครามกับนรัณกรผ่านถ้อยคำหวาน หากแฝงความกดดัน ทว่าหล่อนกลับเลือกข้างเขา เหมือนที่เคยเลือกตั้งแต่พาตัวเองก้าวเข้ามาในความสัมพันธ์ครั้งนี้
“มินขอตัวพาพี่รัณไปทักทายแขกทางนู้นก่อนนะคะ นั่นไงยายอันมาพอดี” มินตราชี้ไปทางน้องสาวซึ่งเดินมาพร้อมกับมารดา อันดามีสีหน้าบูดบึ้งไม่สบอารมณ์เพราะถูกขัดจังหวะปาร์ตี้ ในเวลาปกติไม่มีใครกล้าขัดใจลูกสาวคนเล็กของเจ้าสัววิชัย
สองสาวส่งสายตาหากันแว่บเดียว อันดาก็เดินเข้าไปประจบผู้เป็นพ่อเล่นเอาวิชัยยิ้มไม่หุบเพราะท่าทีฉอเลาะ แม้พื้นฐานนิสัยเหวี่ยงวีนได้ทุกสถานการณ์ แต่ทุกครั้งหากพี่สาวขอความช่วยเหลือ น้องคนนี้ยินดีตอบรับโดยไม่เกี่ยงงอน
“ขอบคุณนะน้องมิน”
หญิงสาวไม่ตอบในทีแรก แต่เลือกหมุนกายไปหยิบไวน์จากบริกรหนุ่มแทน ร่างบางชะงักเล็กน้อยก่อนยื่นแก้วให้นรัณกร น้ำเสียงที่ใช้เอ่ยอ่อนหวานเช่นเดียวกับนัยน์ตาคู่สวย
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นดินเนอร์ด้วยกันสักมื้อได้ไหมคะ”
“ได้สิ ไว้ว่างพี่ทำอาหารอร่อยๆ ให้มินทานที่บ้าน โอเคไหม”
“ถ้าเชฟสุดหล่อให้เกียรติมินก็ไม่ปฏิเสธค่ะ”
“ไม่ค่อยเห็นแก่กินเท่าไหร่เลยนะ” ทั้งคู่ชนแก้วก่อนระเบิดหัวเราะเป็นเสียงเดียว ไฮโซสาวละเลียดดื่มไวน์ทีละนิดพลางสังเกตหน้าเวที พอพบเป้าหมายหล่อนจึงหันกลับมา
“ไม่เข้าไปทักทายคุณพ่อพี่หน่อยเหรอคะ” มินตราถามแม้สุดท้ายจะได้รับคำปฏิเสธ นรัณกรส่ายหน้าขณะมองตรงไปทางผู้เป็นพ่อที่ควงคู่มากับเมียใหม่
แก่จนป่านี้ไม่รู้จะละอาย น่ารังเกียจพอกัน!
“อีกไม่กี่นาทีงานจะเริ่มแล้ว วันนี้นอกจากโชว์ที่เตรียมไว้ มีอะไรพิเศษๆ บ้างไหมคะพี่รัณ”
“ไม่รู้สิ ต้องลองถามพ่อมินดู”
“แย่เลย…คุณพ่อชอบเก็บอะไรสนุกๆ ไว้เป็นความลับด้วย งั้นมินรอดูดีกว่าเดี๋ยวไม่เซอร์ไพร์ส”
“อืมพี่ก็ชอบเซอร์ไพร์สเหมือนกัน” เจ้าพ่อหนุ่มหัวเราะเสียงเย็น แววตาเจือตัดพ้อลอบมองธนินท์ จากนั้นจึงกลับมาเรียบนิ่งดั่งเดิม
ดนตรีไทยบรรเลงช้าๆ พร้อมม่านกำมะหยี่ที่เปิดออก เสียงปรบมือกึกก้องต้อนรับสาวสวยในชุดไทยแสนสง่างาม ร่างอรชรวาดลวดลายอ่อนช้อยตามจังหวะ มือฟ้อนรำขณะระบายยิ้มหวานให้แขกหรื่อ เป็นรอยยิ้มที่สามารถกระตุกใจใครหลายคน ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกชายเจ้าของงาน
นรัณกรนิ่งงันเหมือนถูกไม้หน้าสามตีแสกหน้า นางรำคนนี้คือดุจแพร ใบหน้าหล่อถมึงตึง ไม่พอใจที่ผู้หญิงของตนอวดโฉมความงดงาม แถมยังรู้จักกับคนที่จงเกลียดจงชัง
ส่วนดุจแพรเองก็เช่นกัน ร่างบางชะงักเล็กน้อยแต่ยังคงทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างยอดเยี่ยม หญิงสาวรำอวยพรวันครบโรงพยาบาลแห่งนี้จนบทเพลงสิ้นสุด เสียงปรบมือดังสนั่นหลังท้วงทำนองสุดท้ายจบลง
“จบไปแล้วนะครับสำหรับการแสดงสุดพิเศษในค่ำคืนนี้ ขอเชิญเจ้าสัววิชัยขึ้นมากล่าวอะไรบนเวทีสักหน่อยครับ”
สัมผัสบนวงแขนผลักเขาหลุดภวังค์ ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าขึ้นเวทีพร้อมเจ้าสัวคนดังและลูกสาว แล้วจึงหยุดข้างพิธีกร แว่บเดียวเท่านั้นที่สายตาคมเข้มเหลือบสังเกตดุจแพร พอเห็นหญิงสาววางท่าเฉยเมย หนำซ้ำยังโปรยรอยยิ้มแจกผู้ชมข้างล่างไปทั่ว ความหงุดหงิดพลันพัดกระหน่ำในใจแกร่งไม่ต่างจากพายุมรสุม
ยิ้มอะไรนักหนาวะ
นรัณกรตำหนิอีกฝ่ายในใจขณะรับไมโครโฟนมาทำสิ่งที่ตั้งมั่นเอาไว้แต่แรก
“ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณคุณพ่อที่ให้โอกาสผมได้ดูแลงานครั้งนี้ และผมมีข่าวดีที่อยากจะแจ้งให้ทราบนั่นคือผมได้มีโอกาสทำรู้จักกับผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งนั่นเจ้าสัววิชัย ท่านมีความประสงค์อยากเข้าไปสนับสนุน และช่วยดูแลมูลนิธิสานรักครับ” สุ้มเสียงน่าฟังเอ่ย แท้จริงแผนการวันนี้ไม่มีอะไรมาก นอกจากชักชวนวิชัยเข้ามาปั่นป่วนมูลนิธิที่เมียรักพ่อหวงแหน
ริมฝีปากหยักแสยะยิ้มร้ายขณะจดจ้องลินญาและธนินท์ที่ลุกยืนจากเก้าอี้เบื้องหน้า เขาชื่นชอบใบหน้าถอดสีของผู้หญิงคนนั้น…เห็นแล้วแม่งโคตรสะใจ
"ครับนอกจากแบ่งปันความหวังดีต่อเด็กๆ แล้ว ผมอยากสนับสนุนว่าที่ลูกเขยด้วย นรัณกรเป็นคนดีมีความสามารถ เขาชอบช่วยเหลือผู้อื่น ถือว่าเป็นโชคดีของลูกสาวผมที่ได้หนุ่มรูปหล่อคนนี้เข้ามาในชีวิต"
เสียงกรีดร้องเบื้องล่างและเสียงแซวจากพิธีกรทำไฮโซหนุ่มผงะเล็กน้อย นรัณกรลืมหายใจไปชั่วขณะ เพิ่งรู้ว่ากำลังถูกสองพ่อลูกมัดมือชกด้วยสถานะที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นหรือเปล่า สถานการณ์พลิกผันเหมือนกรรมตามสนองคนอวดดี
ใบหน้าหล่อซีดเผือด เพราะเดิมทีแผนแรกเริ่มที่คุยไม่ใช่แบบนี้ เขาตั้งใจประกาศความยิ่งใหญ่ผ่านการครอบครองมูลนิธิของลินญา
นี่มันสถานะห่าเหวอะไรนี่!
นัยน์ตาคู่คมเหลือบมองนางรำคนสวย นรัณกรจึงพบว่าดุจแพรมองตนเองอยู่เช่นกัน แววตาที่เคยสดใสบัดนี้แฝงไปด้วยความเศร้าและคำถามมากมาย พอได้เห็นหน้า ได้สบตากันชัดๆ หญิงสาวน้ำตาร่วงจนต้องหลบสายตาอย่างรวดเร็ว
เธอหันกลับไปทางผู้ชม…ไม่หันมาหาเขาอีกเลย
“เนื่องในวันเวลาพิเศษแบบนี้ ทางมินและคุณพ่อขอบริจาคเงินให้มูลนิธิสานรักเพิ่มเป็นจำนวนสิบล้านบาท มอบค่าตอบแทนให้นางรำคนสวยในค่ำคืนนี้ด้วยนะคะ”
เสียงไฮโซสาวผลักทั้งสองคู่กลับสู่โลกแห่งความจริง ผู้ช่วยข้างหลังเดินเข้ามายื่นซองเงินให้มินตรา หล่อนรับไว้เตรียมส่งมอบให้ดุจแพรแทนคำขอบคุณ
เปรี้ยง!
ทว่าไวเท่าความคิดจังหวะที่ร่างบางกำลังจะก้าวไปรับสินน้ำใจ ความชุลมุนวุ่นวายพลันเกิดขึ้นกะทันหัน แชนเดอร์เลียราคาแพงร่วงลงมาจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ประกายไฟลุกโชนท่วมทั้งเวที
เสียงหวีดร้องดังระงมก่อนไฟทุกดวงจะดับสนิท ความหวาดกลัวแล่นพล่านสู่ใจแกร่งโดยไม่ทันตั้งหลัก ทันทีที่นรัณกรลืมตาพบเนื้อตัวของหญิงสาวฝั่งตรงข้าม อาบไปด้วยเลือดไม่ต่างจากเกาะอกภายใต้สไบที่เธอสวม…