ตอนที่ 5 ล้วงความลับ
นารินทร์เดินออกมาจากโรงแรม โดยเลือกใช้ประตูทางออกด้านข้างเพราะมันเชื่อมกับอาคารสำหรับจอดรถ หากแต่สายตาไปปะเข้ากับผู้ชายสองคนที่เดินลงมาจากรถ พร้อมประโยคน่าสนใจ
“ไม่ว่ายังไงคืนนี้ต้องหว่านล้อมให้ทางคุณธี ตอบตกลงเซ็นเอกสารการสั่งซื้อสินค้าล็อตนี้ให้ได้ เพราะถ้าขืนปล่อยนานไปถ้าคุณการันต์เรียกตรวจสอบขึ้นมาจะซวยกันหมด”
“บ้าชะมัดเลย เห็นหน้าซื่อ ๆ แบบนั้นไม่คิดว่าเขี้ยวเล็บจะยาวขนาดนี้”
“การันต์เหรอ” นารินทร์ชะงักหยุดฝีเท้า ใช้มุมของเสาต้นหนึ่งพรางตา กระทั่งเห็นว่าพนักงานฝ่ายจัดซื้อของบริษัทสองคน เดินหายเข้าไปในโรงแรมหรู จึงตัดสินใจเดินกลับเข้าไปอีกครั้ง
พนักงานจัดซื้อทั้งสองเดินหายไปเบื้องหลังประตูบานหนึ่ง ที่นารินทร์เข้าใจว่ามันน่าจะมีเอาไว้สำหรับจัดเลี้ยงแบบไพรเวตรูม เพราะเคยใช้บริการเวลามีงานเลี้ยงวันเกิด หรือปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ หลายครั้ง
“เดี๋ยวค่ะ” นารินทร์คว้าแขนพนักงานโรงแรมคนหนึ่ง ที่เดินมาพร้อมสาวสวยนุ่งน้อยห่มน้อยสี่คน แต่งตัวคล้ายจะมารับงานเอ็นเตอร์เทรนด์ หรือเป็นพวกเต้นโชว์ทำนองนั้น
“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้ามีอะไรอย่างนั้นหรือคะ”
“พอดี ฉันว่าอยากเซอร์ไพรส์เพื่อนเท่านั้นเองค่ะ” นารินทร์เปิดกระเป๋าหยิบธนบัตรใบสีเทาออกมาจากกระเป๋าหลายใบ ยัดใส่ลงไปในมือของพนักงานสาว
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องกังวลค่ะ ฉันไม่ได้มาตามจับชู้ หรือว่าสะกดรอยตามผัว”
นารินทร์เปลี่ยนเสื้อผ้าแปลงร่างเป็นเด็กเอ็นนุ่งสั้น ดันหน้าอกจนแทบปลิ้นออกมาจากเสื้อ เดินต่อแถวเข้ามาภายในห้องจัดเลี้ยงพิเศษ ด้านในมีลูกค้าเป็นผู้ชายนั่งดื่มกันอยู่เพียงสี่คนเท่านั้น เจ้าของสะโพกอวบอัด สัดส่วนน่าประทับใจ เดินแทรกเข้าไปเบียดกายนั่งลงตรงกลางระหว่างหนุ่มใหญ่สองคน
“เอ๋...ผมเรียกเด็กเอ็นมาแค่สี่คน ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูเป็นตัวแถม ถูกส่งให้มาบริการพวกพี่ในฐานะลูกค้าวีไอพี” สาวสวยผู้ซ่อนใบหน้าอยู่เบื้องหลังหน้ากากขนนกเอ่ยขึ้นอย่างรู้เท่าทันความคิดคนตระหนี่ จากนั้นเอื้อมมือไปหยิบเหล้าฝรั่งแล้วจัดการชงมันคะยั้นคะยอให้หนุ่มใหญ่ที่ตัวเองไม่รู้จักดื่ม
“ทำไมต้องใส่หน้ากากด้วย” ตัวแทนจากบริษัทไหนสักแห่งที่นารินทร์ไม่รู้จักยื่นมือมาจับหน้ากาก เหมือนอยากให้เธอสลัดมันทิ้งไป
“เพราะอยากให้พี่มองอย่างอื่นมากกว่าหน้าไงคะ” นารินทร์แสร้งแอ่นหน้าอกอึ๋ม อวดความเต่งตึงยั่วสายตา
“อืมมมมม น่ามองจริง ๆ นั่นแหละ” มือหยาบยกขึ้นมาทำท่าเหมือนจะลวนลามล่วงเกิน หากแต่นารินทร์มือไวใช้ท่อนแขนปกป้องตัวเองเอาไว้ได้ทัน
“ดูได้แต่ตา ห้ามแตะต้อง เพราะของ...มันแพงนะคะ”
“สักเท่าไหร่กันเชียว หรือว่า...” คนเมาหรี่ตาลงไปมองเอกสารใบจัดซื้อบนโต๊ะด้านหน้า ก่อนจะหันไปสบตากับคนไม่ซื่อทั้งสอง
“คุณธี เซ็นเอกสารก่อนดีหรือเปล่าครับ เผื่อว่า...จะได้ไปต่อที่อื่นสะดวกขึ้น”
“คุณสองคนนี่ร้ายจริง ๆ เลยนะ”
“แหม คุณธีครับ พวกเราทำธุรกิจร่วมกันมาหลายปี คุณธีชอบอะไรผมก็จัดหามาให้ ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์นะครับ”
นารินทร์ซ่อนใบหน้าตึงไว้เบื้องหลังรอยยิ้มหวาน สายตาปราดกวาดมองอ่านเอกสารการตกลงซื้อขายวัสดุ อุปกรณ์ล็อตใหม่มูลค่าสูงหลายล้านบาท แต่เนื่องจากตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทได้เพียงไม่นานจึงยังไม่รู้เรื่องผลิตภัณฑ์หรือการสั่งซื้อ สั่งจ้าง มากนักในเวลานี้เธอจึงยังไม่อาจฟันธงได้แน่ชัดว่าพนักงานซีเนียร์ฝ่ายจัดซื้อทั้งสองคน กำลังใช้กลอุบายอะไรในการทำเรื่องทุจริต
“ผมหวังว่าคุณธีจะยังร่วมธุรกิจ ซื้อขายกับเราสองคนต่อไปนะครับ” ปากกาด้ามหนึ่งถูกดึงออกมาจากกระเป๋า ส่งใส่ลงไปในมือของผู้ร่วมกระบวนการทุจริตครั้งนี้
“ผมได้ยินมาว่า นายการันต์ว่าที่ประธานบริษัทคนใหม่ เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน เตรียมรับช่วงต่อบริษัทจากคุณภารัญเร็ว ๆ นี้ หรือว่าเขาจะเป็นตัวปัญหาของพวกเรา”
“เป็นธรรมดาของพวกเด็กหนุ่มรุ่นใหม่ไฟยังแรงน่ะครับ เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ยังไม่ถึงเดือน แต่เรียกตรวจสอบเอกสารจนวุ่นวายกันทั้งบริษัท ก็คงหวังทำผลงานให้พ่อตัวเองเห็นนั่นแหละ”
“นั่นสินะ เด็กพวกนี้น่ารำคาญจริง ๆ แต่พวกคุณไม่ต้องห่วงครับ พวกเราน่ะทำธุรกิจร่วมกันมาหลายปี ผมไม่ยอมให้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแค่คนเดียวมาตัดช่องทางทำมาหากินของพวกเราหรอก” ปากกาลูกลื่นจรดลงไปบนหน้ากระดาษ จากนั้นลายมือชื่อหวัด ๆ ถูกเซ็นลงไปสามสี่จุดตามด้วยตรายางประทับลงไปยังตำแหน่งด้านข้าง สร้างรอยยิ้มพึงพอใจให้กับผู้ชายทั้งสี่คน
“เอาล่ะ ทีนี้พวกเราก็มาสนุกกันได้เต็มที่แล้วสินะ”
คนเมามือเริ่มยุ่มย่ามไม่อยู่นิ่ง จนน่ารินทร์ชักอยากจะแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทย ที่เคยร่ำเรียนมาตั้งแต่สมัยยังเด็กซัดไอ้แก่ลามกนี่ให้หน้าหงาย หากไม่กลัวว่าแผนที่วางเอาไว้จะเสีย
“เดี๋ยวสิ หนูจะไปไหน” มือหยาบคว้าหมับจับแขนของนารินทร์
“หนูจะไปเอาเครื่องดื่มมาเพิ่มให้ค่ะ”
“เครื่องดื่มน่ะ ช่างมันเถอะ เรามาตกลงกันดีกว่าว่า พวกพี่ต้องจ่ายเพิ่มเท่าไหร่ คืนนี้หนูถึงจะไปรินเหล้าให้พี่บนเตียง” ท่อนแขนตวัดรวบเอวบางรั้งนารินทร์ให้กลับลงไปนั่ง
“อยากให้หนูขึ้นเตียง...มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะคะ”
“ก็ไม่เห็นต้องทำให้มันยากนี่”
“หนูไม่ชอบทำตัวง่าย ๆ น่ะค่ะ ไม่อยากเป็นของตลาด ที่ใคร ๆ ก็เอื้อมถึง” สาวไฮโซซ่อนฐานะ สะบัดตัวลุกขึ้นมายืนอย่างมั่นใจ นารินทร์ถูกจัดประเภทอยู่ในกลุ่มสาวสายปาร์ตี้ ดังนั้นเธอรู้ว่ามารยาทอันงดงาม หรือความเดียงสา อ่อนต่อโลก ไม่มีประโยชน์ในที่แห่งนี้ นารินทร์ตัดสินใจลุกขึ้นแล้วรีบเดินออกมาจากห้องสลัวนั้นทันที
กระทั่งเมื่อเดินพ้นออกมา มือขยับจับหน้ากากขนนกแล้วยกมันถอดออกเพราะไม่คิดว่าจะกลับเข้าไปในห้องนั้นอีก แต่ไม่คิดว่าจะเดินมาเจอเข้ากับธันวา
“หนูรินทร์ ฉันคิดว่าเธอรีบกลับบ้านซะอีก” ดวงตาคมไล่มองเริ่มจากเสื้อเกาะอก ขนาดเนื้อผ้ากว้างกว่าฝ่ามือของเขาเพียงนิดหน่อย ผ้าแถบผืนน้อยเหมือนมันจะรั้งโอบอุ้มอกคู่ใหญ่นั้นแทบไม่ไหว กระโปรงสีดำชายขอบด้านล่างอยู่ในระดับสูงจนเกือบเสมอง่ามขา
“กำลังจะกลับค่ะ” นารินทร์อ่านสีหน้าแววตาไม่พอใจของธันวาได้ในชั่วพริบตา นี่เขาคงกำลังคิดว่า ที่เธอรีบแยกตัวออกมาเพราะต้องการมาหาเศษความสุขกับคนอื่นแน่
“อย่างนั้นเหรอ” ดวงตาคมปราดมองไปยังทางเดินด้านหลังซึ่งธันวารู้ดีว่ามันเป็นส่วนไว้สำหรับบริการพวกแขกวีไอพี
“ค่ะ”
“มีอะไรที่เธออยากพูด หรือว่าอยากอธิบายกับฉันหรือเปล่า”
“มีค่ะ”
“ว่ามาสิ...”
“อย่าบอกใครว่าเจอหนูรินทร์ที่นี่” ปลายเท้าเขย่งสูงจากนั้นประทับจูบรีบร้อน ก่อนจะเดินเร็ว ๆ พาตัวเองไปให้พ้นจากประตูโรงแรม
“พี่รินทร์”
“ยังไม่นอนอีกเหรอ การันต์” คนที่กำลังก้าวขาเดินขึ้นบันไดบ้าน หมุนตัวกลับมาเผชิญสายตาของน้องชาย ที่ไม่ต่างอะไรจากนายธันวา นั่นอาจเพราะเสื้อผ้าอันน้อยชิ้นและเปิดเผยจนเกินงามไปมาก
“กำลังจะนอนแล้วล่ะ พอดีได้ยินเสียงรถของพี่รินทร์ เลยเดินมาดู นี่....พี่รินทร์ไปไหนมา แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้”
“แค่ปาร์ตี้กับเพื่อน”
“ปาร์ตี้เหรอ” การันต์เดินวนรอบพี่สาวเป็นวงกลมเหมือนไม่เข้าใจว่างานปาร์ตี้จำเป็นต้องแต่งตัวโป๊อย่างนี้ด้วยหรือ
“ช่างพี่เถอะน่า เจอการันต์ก็ดีแล้ว พี่มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย”
นารินทร์นำเรื่องที่ตัวเองไปพบเจอมาตลอดสองสามวันนี้ มาบอกกล่าวเล่าให้การันต์ผู้เป็นน้องชายได้รับรู้ เพื่อจะได้เตรียมวางแผนรับมือ และทำการตรวจสอบ ในข้อสงสัยที่นารินทร์คาดเอาไว้ว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมีการคอร์รัปชันทุจริตเกิดขึ้น
“พี่รินทร์มั่นใจใช่มั้ยครับ”
“มีความเป็นไปได้สูง แต่เรื่องนี้การันต์อย่าเพิ่งบอกคุณพ่อเลยนะ เพราะคนพวกนั้น ส่วนใหญ่เป็นคนเก่าคนแก่ทั้งนั้น เราลองช่วยกันสืบเองแบบเงียบ ๆ ไปก่อน ต้องพยายามหาหลักฐานให้แน่นหนา มัดพวกมันให้อยู่หมัด ไม่ให้พวกมันดิ้นหลุดไปได้”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องนี้เอง อันที่จริงพี่รินทร์ไม่น่าเสี่ยงทำอะไรแบบนี้นะครับ มันอันตราย”
“พี่ไม่ใช่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ไร้เดียงสาแล้วนะ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก พี่ดูแลตัวเองได้” นารินทร์วาดแขนขึ้นไปกอดคอน้องชายฝาแฝดจากนั้นเดินขึ้นบันไดบ้านไปพร้อมกัน
“แต่พี่รินทร์อย่าลืมนะครับ อันตรายมันอาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ที่เราประมาท” การันต์เดินมาส่งพี่สาวจนถึงประตูห้องนอน
“ตกลง พี่จะระวังตัว”