บทที่9 ‘เดินหน้าเท่านั้น’

3094 คำ
เช้าวันต่อมา.... #09.00น. ฉันนอนกะพริบตาปริบๆ ในผ้าห่มสีขาวบนผ้าปูเตียงยับยู่ยี่ที่ไม่ต้องสืบก็พอจะเดาออกว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น ตามพื้นมีเสื้อผ้าของฉันและของเขากระจัดกระจายเกลื่อนพื้น ใช่ หลังจากที่เขาจบประโยคสุดท้ายเขาก็จัดการกับร่างกายของฉันทันทีจนร่างกายฉันระบมไปทั้งตัวและเช้านี้ก็เหมือนจะมีไข้ด้วย ส่วนเขาตอนนี้นะเหรอนอนคว่ำหน้าหลับไม่รู้เรื่องอยู่ข้าง ๆ ฉันไงละ เรื่องเมื่อคืนที่ฉันบอกเขาว่าจะล่ามตัวเขาไว้กับฉันนะ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ฉันพูดจริง ๆ ก็อย่างที่น้ำขิงเคยพูดไว้ ในเมื่อรถฉันไม่มีเกียร์ถอยก็ใส่เกียร์เดินหน้าพุ่งตรงไปเลยเอาให้มันแตกหักไปข้าง เอาให้เขารู้ไปเลยว่าความรู้สึกของฉันที่มอบให้เขามันจริงใจขนาดไหน ฟึบ! ฉันพลิกตัวหันไปทางเขามองร่างกายตามฉบับผู้ชายแข็งแรงของเขาอย่างเงียบ ๆ กลุ่มผมสีดำขลับ แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและรอยสักน่าเกรงขาม แววตานิ่งเรียบเมื่อยามตื่น รอยยิ้มมุมปากยามขยับ กลิ่นประจำตัวของเขาทุกอย่างที่เป็นเขาฉันหลงใหลไปหมด หลงใหลจนคิดว่าถ้าวันหนึ่งฉันไม่มีเขาอยู่ข้างๆ แบบนี้ฉันอาจจะแย่ก็ได้ แย่ที่ไม่สามารถยอมรับได้ว่าเรากลายเป็นคนที่ไม่รู้จักกันแล้ว เพราะฉะนั้นฉันจึงต้องทำให้เขารู้สึกแบบที่ฉันรู้สึกให้ได้ ฉันต้องทำให้เขารู้สึกต้องการฉัน ขาดฉันไม่ได้เหมือนที่ฉันขาดเขาไม่ได้ “ฟ้าต้องการองศานะ” หลังจากที่ฉันพึมพำขณะมองเขาที่ยังหลับอยู่เสร็จ ฉันก็ค่อย ๆ ลุกออกจากเตียงไปจัดการร่างกายที่สกปรกของตัวเองในห้องน้ำต่อ ปล่อยให้เขาได้นอนพักผ่อนไป -ห้องรับแขก- ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด... “ฮัลโล่” เสียงงัวเงียของน้ำขิงตอบกลับมาหลังจากที่รับสายฉัน ฟังจากน้ำเสียงของมันแล้วคงไม่พ้นยังอยู่บนเตียงนอนแน่นอน ใช่แล้วหลังจากที่ฉันอาบน้ำเสร็จฉันก็ออกมาโทรหาน้ำขิงเพื่อที่จะบอกมันเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันจะทำต่อไปนี้ ก็อย่างที่รู้ฉันกับน้ำขิงเราเป็นเพื่อนสนิทกัน เพราะฉะนั้นทุกเรื่องของฉันน้ำขิงมันรู้หมด “ยังไม่ตื่นอีกเหรอขิง” “ยัง ปวดหัวชะมัดเลยวะฟ้า เมื่อคืนฉันซัดเยอะขนาดนั้นไปได้ไงวะ” “ก็ปกติของแกนะที่ซัดเยอะแบบนั้นอะ” ฉันตอบมัน แต่สายตาฉันกลับเหม่อมองออกไปนอกกระจก มองท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ตรงหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน ฉันไม่รู้จะบอกเรื่องนั้นกับน้ำขิงยังไง แต่เหนือกว่าการไม่รู้จะบอกยังไงคือฉันรู้สึกเจ็บที่ต้องพูดประโยคกดดันตัวเองออกไป “อืม มันก็จริง แล้วนี่แกโทรมามีไรป่าว” “อ้อมีสิ...” ฉันเรียกสติตัวเองกลับมาอีกครั้งเมื่อได้ยินที่น้ำขิงถาม ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วพูดประโยคที่ฉันตั้งใจจะโทรมาบอกมันให้รู้ “ฉันจะโทรมาบอกแกว่า ฉันจะรุกองศาแล้วนะ ฉันขอเวลาเขา3เดือน” “เดี๋ยวนะ! ฉันงงแกช่วยขยายความกว่านี้ได้ไหม ทำไมต้องสามเดือนวะ” ทันทีที่ฉันพูดจบฉันก็ได้ยินเสียงลุกจากเตียงของมันพร้อมกับประโยคคำถามแสนงุนงงจากมัน “เมื่อคืนฉันสารภาพกับเขาแล้วว่าฉันชอบเขา” “สารภาพแล้ว! นี่แกบอกเขาแล้วเหรอว่าแกชอบเขา” เสียงตกใจของน้ำขิงทำเอาฉันต้องเอาโทรศัพท์ถอยห่างออกไปจากหูเลยทีเดียวเพราะมันสามารถที่จะทำให้ขี้หูของฉันออกมาเต้นระบำได้ไง “ใช่” ฉันแนบโทรศัพท์กลับไปที่หูอีกครั้งก่อนจะตอบมัน “แล้วเขาว่าไง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสามเดือนว่ะ” มันถามกลับมาอย่างร้อนรน ฉันจึงถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้งก่อนจะตอบประโยคเมื่อคืนที่ทำให้ฉันเจ็บจนเกือบจะเสียน้ำตาต่อหน้าเขา “เขาจะยุติความสัมพันธ์กับฉันเพราะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉัน ไม่ได้รู้สึกเหมือนที่ฉันรู้สึกกับเขา ฉันเลยขอเวลาเขาสามเดือนในการที่จะทำให้เขารู้สึกแบบเดียวกับฉัน” “…” หลังจากที่ฉันตอบคำถามที่แสนเจ็บปวดออกไปน้ำขิงก็เงียบทันที เงียบจนฉันได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นช้า ๆ อย่างเจ็บปวด ใช่ ฉันเจ็บทุกครั้งที่นึกถึงประโยคนั้นของเขาเมื่อคืน “ฟ้า...แล้วแกจะทำได้เหรอวะ แกก็รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ขนาดเมื่อคืนแกยังไม่มีผลกับเขาเลย ที่ฉันเคยบอกแกอะอย่าไปใช้เลย เพราะมันจะทำให้แกเจ็บเปล่าๆ ถอยออกมาเถอะนะ” น้ำเสียงเป็นห่วงแกมอ้อนวอนของน้ำขิงทำเอาฉันขำออกมาเลย ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ได้อยากจะสนับสนุนฉันขนาดนั้นหรอก เมื่อคืนที่มันพูดนะมันก็แค่หมั่นไส้องศา และไม่อยากให้ฉันทนดูอยู่ฝ่ายเดียวแค่นั้นเอง แต่ตอนนี้ฉันเลือกแล้ว ฉันเลือกแล้วว่าจะพาตัวเองเข้าไปเจ็บเพื่อแลกกับคำว่าเขาเองก็ต้องการฉันเหมือนกัน “ถ้าเราไม่ลองเราจะรู้ได้ไงว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่า แกไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ฉันเตรียมตัวตั้งรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้ว ถ้ามันจะเจ็บก็ให้มันเจ็บให้มันพังกันไปเลย แล้วค่อยพาตัวเองไปฮีลที่ไหนสักแห่งที่ที่ไม่มีเขาตามหลอกหลอนฉันได้” “นี่แกยอมเพื่อความรักโง่ ๆ ขนาดนี้เลยเหรอวะฟ้า” “มันอาจจะดูโง่จริงนั่นแหละ แต่ทำไงได้วะแกฉันรักเขาไปแล้ว” “เฮ้อ…เออๆ จะเอาไงก็เอาเถอะ ถ้าไม่ไหวก็บอกฉันละกัน” น้ำขิงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายด้วยความยอมแพ้ หลังจากที่มันได้ฟังคำตอบแสนดื้อรั้นของฉัน ฉันจึงระบายรอยยิ้มบางๆ ออกมาเมื่อได้ฟังคำตอบของมันเพราะนั้นหมายถึงฉันสามารถจะเดินหน้าได้เต็มที่โดยมีเพื่อนรักอยู่ข้าง ๆ ถ้าฉันเจ็บแล้วต้องซมซานกลับไปหามัน มันก็จะไม่ซ้ำเติมฉัน “อื้ม ขอบใจแกมากนะ แล้วก็...เรื่องนี้อย่าบอกไทน์กับเสือได้ไหมโดยเฉพาะเสือ” ใช่ ถึงแม้ว่าน้ำขิงจะยอมแต่ฉันเชื่อว่าถ้าไทน์กับเสือรู้พวกเขาจะไม่ยอมเด็ดขาด โดยเฉพาะเสือหลังๆ มานี่หมอนั้นดูเปลี่ยนไป เขาดูเป็นห่วงฉันจนฉันสัมผัสได้ อีกอย่างฉันรู้สึกว่าองศากับเสือไม่ถูกกันเหมือนพวกเขาเคยรู้จักกันมาก่อนเลย “ฟ้า ไอ้เสือมันฉลาดจะตาย ฉันไม่บอกมันก็ดูออก” และนี้ก็คือสิ่งที่ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันคงหนีไม่พ้น เพราะเพื่อนฉันฉลาดทุกคน ยกเว้นฉันคนเดียว “อื้ม งั้นช่างมันเถอะ ฉันวางแล้วนะ” ในเมื่อฉันซ้อนเรื่องนี้จากเพื่อนไม่ได้ ก็ไม่ต้องซ้อนให้พวกมันสองคนรู้นั่นแหละ บางทีถ้าฉันถลำลึกไปมาก ๆ พวกมันอาจจะดึงฉันออกมาทันก็ได้ “เดี๋ยว เสียงแกเหมือนป่วยเลยวะ ไม่สบายเหรอ?” ไม่ทันที่ฉันจะได้กดวางสายน้ำขิงก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน ฉันก็เลยกระแอมไอเล็กน้อยเพราะรู้สึกคอแห้งพอดี ก่อนจะยกมืออังหน้าผากตัวเองเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย !! บ้าจริง! ฉันว่าฉันไข้ขึ้นแล้วละ เพราะหน้าผากฉันร้อนจี๋เลยอะอีกทั้งยังรู้สึกคอแห้งปากแห้งแถมยังใจเต้นแรงด้วย “นิดหน่อยอะทานยาเดี๋ยวก็หาย” ฉันตอบน้ำขิงกลับไปก่อนจะหมุนตัวกลับไปนั่งที่โซฟาด้านหลัง “เออๆ ถ้าเป็นหนักก็โทรบอกละกัน” “เค” ติ๊ด. หลังจากที่รับปากกับน้ำขิงเสร็จฉันก็กดวางสายทันทีแล้วแบกร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของตัวเองไปนอนที่โซฟาอย่างด่วน เพราะจู่ ๆ ก็รู้สึกปวดหัวเหมือนจะระเบิดเลยแถมยังรู้สึกเหมือนแน่นหน้าอกด้วย แล้วที่ฉันบอกน้ำขิงว่าจะกินยานะ ฉันโกหกมันไปงั้นแหละ เพราะฉันนะเป็นพวกเกลียดยาเกลียดโรงพยาบาลที่สุด แค่ได้กลิ่นของยาฉันก็จะอ้วกแล้ว ความข่มของยาคือสิ่งที่ฉันไม่ชอบที่สุด เพราะฉะนั้นฉันจะไม่กินยาเด็ดขาด ฉันขอนอนพักบนโซฟานี่แทนละกัน พักสักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้นเองแหละ [ Aongsa part ] #10.00น. “อ่าส์” ผมขยับตัวพลิกกลับมานอนหงายแล้วกะพริบตาไล่แสงที่มันทำให้ผมรู้สึกแสบตาเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาตื่นช้า ๆ และลำดับต่อมาที่ผมทำก็คือหันหน้าไปทางที่นอนข้าง ๆ ที่มียัยเด็กอวดดีเมื่อคืนนอนอยู่ แต่พอมองดี ๆ ที่นอนมันกลับว่างเปล่าแถมพอจับแล้วก็รับรู้ถึงความเย็นเฉียบของที่นอนที่บ่งบอกได้ว่าคนที่นอนเมื่อคืนลุกออกไปนานแล้ว “หายไปไหนวะ” ผมลุกขึ้นจากที่นอนแล้วสอดสายตาไปทั่วห้องเพื่อหาคนที่หายไปจากที่นอน แต่กลับไร้วี่แววของเธอ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มันก็วันเสาร์นี่หว่าเธอไม่มีเรียน แล้วหายไปไหนวะ พรึบ! ผมเอาผ้าห่มออกจากร่างกายแล้วลุกออกจากเตียงเดินไปทางห้องน้ำทำธุระเสร็จผมก็ออกมาแต่งตัวเพื่อที่จะได้กลับคอนโดของตัวเองต่อโดยไม่สนใจจะตามหาเจ้าของห้องที่ไม่รู้ว่าไปมุดหัวอยู่ตรงไหน ก็ผมไม่จำเป็นต้องตามหาให้เสียเวลานี่หว่า อยากทำอยากไปไหนก็เชิญ อยากอยู่หรืออยากไปก็เชิญ เพราะผมจะไม่สนใจห่าเหวอะอะไรทั้งนั้น ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ช่างแม่ง หึ อีกอย่างชอบผมเหรอวะไปตายยังง่ายกว่าเลย ปึก! แอ๊ด~ ผมเปิดประตูห้องนอนออกก็พบกับความว่างเปล่าและความเงียบสนิท ไม่มีเสียงทีวีหรือเสียงใด ๆ ให้ได้ยินเลยแม้แต่น้อย ผมจึงเลิกสนใจแล้วเดินไปทางห้องรับแขกแทนเพื่อไปหยิบกุญแจรถที่ตั้งไว้บนโต๊ะหน้าทีวีเมื่อคืน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ไปถึงผมก็เห็นร่างบางของอิงฟ้านอนขดตัวอยู่บนโซฟาสักก่อน นึกว่าหายไปไหนที่แท้ก็มานอนขดตัวอยู่ที่นี่เอง แต่ดูเหมือนยัยนั้นจะหนาวนะ แล้วไปนอนทำอะไรตรงนั้นวะ ผมเลิกตั้งคำถามกับตัวเองแล้วเดินไปที่โซฟาที่เธอนอนอยู่ เพื่อหยิบกุญแจรถ ใช่ครับผมไม่ได้จะเดินไปดูเธอ แต่ผมเดินไปเพื่อหยิบกุญแจรถที่อยู่บนโต๊ะข้างหน้าเธอต่างหาก แต่พอเดินมาหยุดตรงหน้าเธอแล้วผมก็รู้สาเหตุที่เธอนอนขดตัวทันที เพราะเหงื่อที่ผุดตามกรอบหน้าเธอตอนนี้แล้วไหนจะปากที่แห้งและซีดนั้นอีก “หึ ป่วยจนได้สินะ” พรึบ! ผมแค่นหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆ อย่างไม่ยี่หระก่อนจะก้มตัวลงไปหยิบกุญแจรถบนโต๊ะขึ้นมา แล้วเตรียมจะหมุนตัวเดินออกไป แต่ยังไม่ทันได้ขยับก็ถูกมือร้อนๆ ของคนที่นอนอยู่จับไว้สักก่อน หมับ! “องศาจะไปไหน” เสียงแหบพร่าของอิงฟ้าเอ่ยถามผม ผมจึงหันไปดูเธอก็เห็นว่าเธอลุกขึ้นมานั่งบนโซฟามองผมด้วยสายตาอ่อนล้าเต็มที แล้วไหนจะใบหน้าซีดเซียวปากแห้งไม่มีสีนั้นอีก นี่ยัยนี้ป่วยหนักขนาดนั้นเลยเหรอวะ แต่มันก็สมควรที่จะป่วยเพราะเมื่อคืนผมก็จัดหนักชนิดที่ว่าเอาให้สาสมกับความอยากของเธอที่พยายามจะรุกผม “ฉันจะกลับบ้าน” ผมตอบเธอกลับไปเสียงเรียบก่อนจะเบือนหน้ามองทางอื่น ที่เบือนหน้ามองทางอื่นก็เพราะผมไม่อยากมองสายตาที่เหมือนคนจะตายแล้วของเธอไง “อยู่กับฟ้าก่อนได้ไหม ฟ้าไม่สบายอะ” น้ำเสียงสั่นเครือถูกปล่อยออกมาพร้อมกับนิ้วมือที่จับมือผมแน่นกว่าเดิมบ่งบอกว่าเธอกำลังอ้อนวอนให้ผมอยู่กับเธอ หึเมื่อคืนยังดูกร่างกับผมอยู่เลยพอป่วยแล้วกลายเป็นแมวไปเลยวะ “ฉันไม่ว่าง” “ฮึก แต่ฟ้าป่วย องศาอยู่ดูแลฟ้าก่อนได้ไหม” “ร้องไห้ไปฉันก็ไม่อยู่ดูแลเธอหรอกนะอิงฟ้า กินยาแล้วดูแลตัวเองไปสะ” “ไม่ ฟ้าไม่กินยาเด็ดขาด ฟ้าเกลียดยามันข่มมันไม่อร่อย” เธอเถียงกลับมาเสียงแข็ง แล้วแม่งมันคือยา ขมเป็นยาอะไม่เคยได้ยินเหรอวะ “แต่ยาทำให้เธอหายป่วย” “ไม่เอา ฟ้าไม่เอายา ฮึก องศาฟ้าไม่เอายา ฟ้าขอแค่องศาอยู่ดูแลได้ไหม” แม่งเอ๊ยมางอแงอะไรกับผมวะ ถ้ารู้ว่าอ่อนแอแบบนี้ผมไม่จัดให้หรอกเมื่อคืน ภาระฉิบหาย “ถ้าไม่อยากกินยาก็นอนให้ไข้แดกจนช็อกไปเถอะ เลือกเอาว่าจะตายหรือจะกินยา” ผมพูดเสียงเข้มพร้อมกับอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา คือแม่งรำคาญเสียงร้องไห้เหมือนเด็กอนุบาลนั้นไง โตจนจะเป็นแม่คนได้อยู่แล้ว แต่กลับร้องไห้เพราะไม่อยากกินยา ปัญญาอ่อน “ฮึก ฟ้าไม่เอาอะไรทั้งนั้นแหละ ฟ้าจะเอาองศาคนเดียว” ผมเท้าเอวรอเลยสัส ทำไมดื้อด้านอย่างนี้วะ “เฮ้อ...ทำไมดื้ออย่างนี้วะ งั้นก็ไปโรงบาลหมอจะได้ฉีดยาให้” เออ ไม่แดกยาก็ไปโรงพยาบาลให้หมอฉีดยาให้ละกันวะ “ไม่เอา ฟ้าไม่เอา ฟ้าเกลียดทั้งโรงบาลทั้งยานั่นแหละ” พระเจ้ากูอยากตายสัส บอกกูทีว่านี้คือเด็กอายุยี่สิบที่เมื่อคืนทำตัวกร่างจะเอาชนะกูอยู่หยก ๆ “เออดี! ถ้าดื้อแบบนี้งั้นนอนให้ตายห่าไปเลย” เออ ไม่เอาเหี้ยไรก็นอนให้ไข้แดกตายห่าไปเลย น่ารำคาญฉิบหาย ผมพูดจริงนะเพราะทันทีที่ผมพูดจบผมก็สะบัดมือเธอทิ้งแล้วเดินออกมาจากห้องเธอเลย พรึบ “องศา ฮึก ฮรื่อ~” ร้องไปดิ ร้องไห้ตายห่าไปเลยผมไม่สนใจหรอก -เวลาต่อมา- #ร้านยา “ขอซื้อยาลดไข้หน่อยครับ แล้วก็เอาแผ่นเจลลดไข้ด้วยครับ” อืม ตามที่เห็นถึงจะแอบเลวแต่ก็ไม่ได้เลวระยำไง ก็ยังพอมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่บ้าง “ได้ค่ะ” “นี่ค่ะ ทั้งหมด2xx ค่ะ” “ขอบคุณครับ” หลังจากที่ผมได้ยามาหนึ่งถุงผมก็เดินกลับขึ้นไปที่คอนโดของอิงฟ้าอีกครั้ง ถ้ารอบนี้ยังไม่ยอมกินยาอีกผมจะฉีดยาให้เองแม่งเลย เอาให้ร้องไม่ออกด้วย ปึก! แอ๊ด~ “ฮึก ฮรื่อ~” “จะนอนร้องไห้อีกนานไหม ลุกมากินยา” ผมเชื่อละว่านอกจากจะกร่างกับผมเก่งปากดีเก่งยังร้องไห้เก่งอีกด้วย ร้องไห้จนหน้าตาดูไม่ได้อะคิดดู ตาเตอนี่แม่งบวมไปหมด “ไม่เอา ฟ้าไม่กินยา” ยัง...ยังอีกยังจะดื้อด้านอีกเดี๋ยวปัด....แม่งกรอกยาให้เลยนี่ “อย่ามาดื้ออิงฟ้า ฉันบอกให้กินก็กิน” ผมนั่งลงข้างๆ เธอแล้วจัดแจงเอายาออกมาเทลงมือหนึ่งเม็ดแล้วยื่นให้เด็กที่นั่งสะอื้นไห้ไม่หยุด แต่แทนที่จะหยิบยาจากมือผมไปกรอกปากกลับนั่งนิ่งมองเฉยๆ “…” “ไม่กินใช่ไหม งั้นมานี่” ผมคาบยาไว้ที่ปากตัวเองแล้วจับท้ายทอยเธอเอาไว้ จากนั้นก็โน้มตัวลงไปหาปากเธอทันที จัดการส่งยาเข้าไปในปากเธอด้วยปากของผม แล้วปิดปากเธอไว้จนกว่าจะกลืนลงท้อง “อื้อ อ๋ม” ดิ้นขลุกขลักเหมือนไก่โดนเชือดไปได้ พลั่ก! “แค่ก ๆ ๆ อี๋องศามันขมอะ” “กลืนน้ำลายลงไปอย่าอ้วกออกมาเด็ดขาด” ผมชี้หน้าสั่งเสียงเข้ม เด็กขี้แยตรงหน้าผมเลยยอมสยบให้ แต่ไม่วายยังแอบส่งสายตาไม่พอใจมาให้ผมอยู่ดี ผมจึงเชิดหน้ามองกลับไปด้วยสีหน้าดุ ๆ เอาดิ มาทำหน้าบูดหน้าบึ้งกับผมเดี๋ยวจะโดน “นอนลงไปจะได้แปะเจลลดไข้ให้” ผมหยิบเจลลดไข้ขึ้นมาแล้วทำท่าจะแปะมันลงไปบนหน้าผากของเธอแต่นั่นแหละดันเจอสายตาไม่พอใจสักก่อน แต่ก็ใช่ว่าผมจะแคร์ นอกจากผมไม่แคร์แล้วผมยังโป๊ะแผ่นเจลลงบนหน้าผากเธอแรง ๆ ด้วยจนคนที่นอนอยู่ถลึงตาใส่ผม แต่ผมไม่แคร์ไง แถมพอแปะเสร็จผมก็ลุกขึ้นจากโซฟาทันที หมับ! “องศาจะไปไหนคะ” "ไปหยิบผ้าห่มมาให้เธอไง เดี๋ยวก็นอนหนาวตายกันพอดี” “ไปหยิบผ้าห่มจริง ๆ นะ ห้ามหนีกลับนะ” “ฉันมีงานต้องทำอยู่กับเธอทั้งวันไม่ได้หรอกนะอิงฟ้า อีกอย่างจำที่ฉันบอกเมื่อคืนได้ไหม” “องศา...ฟ้าขอแค่วันนี้ได้ไหมคะ แค่วันนี้” ให้มันได้อย่างนี้สิวะ ลูกอ้อนทำหน้าทำตาน่าสงสารเรียกคะแนนน่าสงสารจากผม แล้วแม่งเป็นสิ่งที่ผมโคตรเกลียดเลย แล้วกูผู้ยังมีความเมตตาหลงเหลืออยู่บ้าง ก็ต้องมานั่งเฝ้ายัยเด็กนี้ป่วยเหรอวะ เฮ้อ! “อืม”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม