MY MAFIA. 15
Vegus talk.
“ถ้าพรุ่งนี้ผมยังเห็นหน้าใครละก็...อย่าหาว่าผมไม่เตือน”
"แก!! ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!" ไอ้วิชัยพูดพร้อมกับชี้หน้าผมอย่างโกรธจัด แถมยังทำท่าทางเหมือนจะพุ่งเข้ามาเอาเรื่องผม
กริ๊ก! ...กึก!
แต่ยังก้าวขาได้ไม่กี่ก้าวมันก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อไอ้หยางที่ยืนอยู่ในห้องนี้ควักปืนออกมาแล้วเล็งไปที่หัวของมัน ทำให้พวกที่อยู่ในห้องนี้หยุดนิ่งและหน้าซีดเผือดกันไปเป็นแถบๆ
"หยาง" ผมเรียกลูกน้องคนสนิทด้วยเสียงที่เรียบนิ่ง
"ครับนาย?" ไอ้หยางขานรับแต่ก็ยังเล็งปืนไปทางที่พวกนั้นยืนอยู่
"จัดการที่เหลือต่อด้วย..."
"รับคำสั่งครับ!" จากนั้นผมก็เดินออกมาจากห้องประชุมนั่นทันที
ผมเดินเข้ามาในห้องทำงานของผมที่อยู่ในบริษัทแห่งนี้ แต่ไม่นานก็มีคนเปิดประตูตามผมเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะถามผมขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับมองผมอย่างไม่พอใจ
"นี่นาย! ที่นายพูดในห้องประชุมเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไง!?"
"ก็หมายความตามที่ฉันพูดไปนั่นแหละ ฉันไม่เห็นว่ามันจะเข้าใจยากตรงไหน" ผมเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่หลังโต๊ะทำงานที่ผมต้องใช้นั่งเป็นประจำระหว่างที่ผมทำงานอยู่ที่นี่ ส่วนยัยต้นหอมก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ฝั่งตรงข้ามผม พร้อมกับมองผมอย่างเอาเรื่องสุดๆ เธอคงจะลืมตัวสินะ ว่าไม่ควรทำตัวเก่งแบบนี้กับผม หึ! แต่ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันนะว่ายัยนี่จะเก่งไปได้สักกี่น้ำ
"ฉันไม่เข้าใจว่านายจะไล่พวกเขาออกทำไม นายไม่รู้เหรอว่าพวกเขามีสำคัญต่อบริษัทนี้มากแค่ไหน"
"ฉันบอกเธอไปแล้วว่าพวกมันเป็นแค่ขยะ" ผมตอบและเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ แต่สายตาก็ยังจ้องไปที่ยัยต้นหอมที่ยืนหัวร้อนอยู่
ขยะก็คือขยะ! ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นของสำคัญได้หรอก
"เวกัส นายช่วยมีเหตุผลหน่อยได้มั้ย แม่ฉันท่านหวังให้นายเข้ามาช่วยบริษัทนะ ไม่ใช่มาทำให้มันแย่กว่าเดิม" ยัยต้นหอมพูดพร้อมกับจ้องหน้าผมอย่างไม่พอใจกับสิ่งที่ผมทำ
“แล้วที่ฉันทำอยู่ มันไม่เรียกว่าช่วยอยู่เหรอ” ผมว่าที่ผมทำไปวันนี้มันก็ช่วยได้เกินครึ่งเลยนะ เกินจนเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์เลยด้วยซ้ำ ที่เหลือก็แค่รอเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็เท่านั้นเอง
“ช่วยงั้นเหรอ?...ช่วยให้มันแย่กว่าเดิมน่ะสิไม่ว่า”
“ถ้าเธอไม่รู้อะไรก็อย่าพูดเลยดีกว่า กลับไปทำงานของเธอได้แล้ว...ฉันรำคาญ!” ผมไล่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าออกไปด้วยความรำคาญ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบริษัทนี้ถึงไม่พัฒนาสักที ก็เพราะมีผู้บริหารไร้สมองแบบนี้ไง
ถ้าจะให้ผมพูดตามตรงเลยก็คือ...ยัยต้นหอมกับแม่ของเธอมีความคิดด้านการบริหารบริษัทเก่งนะครับ ผมต้องยอมรับเลยว่าโครงการบางโครงการที่เธอกับแม่ของเธอเป็นคนคิด มันเป็นโครงการที่ดีมากๆ
...แต่ก็นั่นแหละครับ! แค่บริหารเก่งอย่างเดียวมันคงไม่พอ มันต้องมีเล่ห์เหลี่ยมด้วย อยู่วงการนี้ ต่อให้เราซื่อตรงแค่ไหน ถ้าอีกฝ่ายคิดไม่ซื่อกับเรา...และเราตามไม่ทันเกมของอีกฝ่าย ทุกอย่างก็คือจบ!!
“นายรู้มั้ยว่าสิ่งที่นายทำลงไปวันนี้ มันจะทำให้แม่ฉันเดือดร้อน”
“แม่เธอไม่เดือดร้อนหรอก แต่ถ้ายังปล่อยให้คนพวกนั้นอยู่แม่เธอได้เดือดร้อนจริงๆ แน่” ก็เพราะว่ายัยต้นหอมกับคุณน้า มองขยะพวกนั้นเป็นคนสำคัญไง เลยไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้าตรวจสอบพวกมัน ไม่ใช่ไม่กล้าสิ...ไม่มีความคิดที่จะตรวจสอบพวกมันเลยต่างหาก! ทุกอย่างในบริษัทเลยไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง
“นาย...หมายความว่าไง”
“ไม่เข้าใจ?” ผมว่าที่ผมพูดไปมันก็เคลียร์แล้วนะ นี่เธอไม่มีสมองขนาดที่คิดเองไม่ได้เลยหรือไง
“ใช่! ฉันไม่เข้าใจว่าถ้ามีพวกเขาอยู่แล้วแม่ฉันจะเดือดร้อนยังไง เพราะที่ผ่านมาพวกเขาก็ช่วยพยุงบริษัทนี้มาตั้งนาน ฉันไม่เห็นว่ามันจะเดือดร้อนตรงไหน”
“ก็เพราะ ‘โง่’ แบบนี้ไงถึงได้ตามพวกนั้นไม่ทัน” ผมพูดโดยจงใจเน้นคำว่าโง่ใส่เธอ
“นี่นาย!!”
“เฮ้อ แต่ก็เอาเถอะ! เดี๋ยวฉันจะบอกอะไรให้นะ เพราะฉันเห็นแก่ความโง่ของเธอ ไอ้คนพวกนั้นน่ะมันกำลังวางแผนฮุบบริษัทนี้ของเธอ” พูดจบผมก็โยนแฟ้มข้อมูลการโกงของพวกมันที่ผมหามาได้ ให้ยัยนั่นอ่านทันที จะได้ตาสว่างขึ้น
“!?”
นี่คือเรื่องจริงครับ! เมื่อคืนผมกับไอ้หยางนั่งศึกษาทุกอย่างเกี่ยวกับบริษัทนี้จนดึกจนดื่น มันเลยทำให้ผมได้รู้ว่าที่บริษัทนี้ตกอยู่ในสภาวะที่เกือบจะล้มละลายอยู่แบบนี้ เป็นฝีมือของคนที่อยู่ในบริษัทนี้ทั้งนั้น
ผมก็เลยต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม จริงๆ ผมจะเล่นเกมนี้กับพวกมันก่อนก็ได้ แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ทำ เพราะเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรกับผมเลย สู้รีบจัดการไปให้มันจบๆ ดีกว่า แล้วอีกอย่างงานของผมไม่ได้มีแค่งานนี้งานเดียว
“นะ...นายไปเอาข้อมูลพวกนี้มาจากไหน” ต้นหอมเงยหน้าจากเอกสารตรงหน้าขึ้นมาถามผมด้วยสีหน้าที่เหมือนไม่อยากจะเชื่อข้อมูลที่ผมหามา
“เธอไม่สงสัยเลยเหรอว่าตัวเลขของบริษัทเธอมันแปลกๆ”
“แปลกยังไง? ฉันว่าฉันก็เช็กดีแล้วนะ”
แบบนี้นี้หรือเปล่าวะ ที่เขาบอกว่า...สวยแต่โง่!?
“หึ!...งั้นก็เป็นเพราะเธอโง่เองแล้วล่ะ” โง่ที่ไว้ใจคนพวกนั้นมากเกินไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่ไว้น่ะมันคือคนที่อันตรายที่สุด
“นี่! นายว่าฉันโง่บ่อยไปแล้วนะ”
“หรือว่าไม่จริงล่ะ?” ผมพูดพร้อมกับไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระกับท่าทางไม่พอใจของเธอ
“แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าข้อมูลพวกนี้เป็นเรื่องจริง” เธอถามพร้อมกับชูเอกสารขึ้นอย่างไม่ยอมเชื่อ หึ ทีแบบนี้นี่ทำไมดูฉลาดจังวะ
“ถ้าเธอไม่เชื่อ จะเอาไปตรวจสอบดูก็ได้นะ" ผมพูดแล้วมองหน้าเธออย่างจริงจัง
ยัยนั่นก้มมองเอกสารนั่นอีกครั้งก่อนจะเม้มปากเข้าหากันเหมือนกำลังคิดหนัก "แล้ว...เก้าอี้บริหารที่มันว่างไปตั้งหลายตัวล่ะ จะทำยังไง?"
อ๋อ~ ห่วงว่าบริษัทจะไม่เดินต่อสินะ
"เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง เธอมีหน้าที่ทำงานของตัวเองไปให้ดีที่สุด แล้วก็ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ" ผมวางแผนเรื่องบริษัทของเธอเอาไว้หมดแล้ว พอกำจัดเสี้ยนหนามออกไปได้ ที่เหลือก็แค่เอาคนของผมเข้ามาทำงานแทน แล้วก็วางระบบใหม่ก็แค่นั้นแหละ
"อื้ม! งั้น...ฉันไปทำงานก่อนนะ" เธอพูดพร้อมกับหมุนตัวเตรียมจะออกไป แต่ก็ต้องหันกลับมาอีกครั้งเมื่อผมเรียกเธอเอาไว้ก่อน
"เดี๋ยว!"
"?"
"มานี่"
"ทำไม"
"ฉันบอกให้มาก็มา อย่าถามมาก" ผมบอกเสียงเข้มขึ้นเมื่อเธอไม่ยอมเดินมาตามที่ผมสั่ง
"นายมีอะไร?" เธอค่อยๆ ก้าวเข้ามาพร้อมกับถามผมอย่างระวังตัว
"เดินอ้อมมาใกล้ๆ ฉัน" ผมสั่งเธออีกครั้งเมื่อเธอเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของผม และมันไม่ใช่ที่ที่ผมต้องการ
"จะให้ฉันเข้าไปใกล้ขนาดนั้นทำไม นายต้องการอะไร พูดมาตรงๆ เลยดีกว่า" หึ ได้สิ ในเมื่อเธอกล้าถามผมออกมาตรงๆ ผมก็กล้าที่จะตอบเธอไปตรงๆ เหมือนกัน
"เข้ามาให้ฉัน 'เอา' ไงล่ะ"
"!!!"
บอกตรงๆ ว่าเสื้อที่เธอใส่วันนี้มันเป็นเสื้อคอกว้าง มีหลายครั้งมากที่เธอก้มหรือทำอะไรก็แล้วแต่ มันก็เลยทำให้ผมเห็นร่องหน้าอกสวยๆ ของเธอบ่อยมาก มันเลยทำให้ผมอดใจไม่ไหว
พอผมพูดจบยัยต้นหอมก็มีหน้าตกใจขึ้นมาสุดขีด ทว่าไม่นานเธอก็เปลี่ยนจากตกใจมาเป็นรอยยิ้มที่เหมือนจะ...ร้าย?
ฟิ้ว~ ตุ้บ!
เธอโยนเอกสารที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะทำงานของผม พร้อมกับเดินอ้อมเข้ามาหาผมช้าๆ
"บอกว่าจะ 'เอา' ตั้งแต่แรกก็จบ" เธอพูดพร้อมขยับขึ้นมานั่งคร่อมตักของผมไว้ ท่าทางของเธอตอนนี้มันทำให้ผมค่อนข้างงง ปกติเธอจะต้องต่อต้านผม ไม่ใช่ยอมง่ายๆ แบบนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพอเธอทำแบบนี้แล้ว มันโคตรเร้าใจ จนอยากจะจับเธอมาขย้ำซะตอนนี้!
เธอส่งยิ้มให้ แต่สักพักก็ทำท่าจะลุกออกไปจากตักผม เหมือนว่าเธอเพิ่งนึกอะไรได้ ผมจึงรีบใช้แขนตวัดคว้าเอวเธอเอาไว้ ก่อนที่เธอจะได้ลุกออกไป
หมับ!
"จะไปไหน มาขนาดนี้แล้วคิดว่าจะเปลี่ยนใจทันหรือไง"
"ใจร้อนเหรอ..." ต้นหอมมองหน้าผมพร้อมกับพูดออกมาเสียงเบา ก่อนจะค่อยๆ ก้มหน้าลงมาใกล้ๆ กับใบหน้าของผม แล้วเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
"ฉันแค่...จะไปล็อกประตู"