“แวว ไปตามคุณผู้ชายมาที่ห้องนั่งเล่นที” คุณวรวรรณตัดสินใจอุ้มเด็กน้อยเข้าไปในบ้าน เพราะเธอกำลังจะปรึกษาเรื่องนี้กับสามี เธออยากมีบุตรสาวเพิ่มอีกคน แต่ร่างกายของเธออ่อนแอเกินที่จะตั้งครรภ์อีกครั้ง ดังนั้นการรับเด็กสาวเข้ามาเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม มันเติมเต็มสิ่งที่เธอขาดหายมาตลอด ส่วนเรื่องวรภพบุตรชายของเธอ เธอจะเป็นคนอธิบายให้บุตรชายฟังเอง
เมื่อคุณจักรภพสามีของคุณวรวรรณเดินเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น คิ้วของเขาก็ต้องขมวดด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าภรรยาของตนกำลังอุ้มเด็กทารกอยู่
“เด็กนั่นลูกใครเหรอคุณวรรณ” คุณจักรภพถามก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ ภรรยา
“มีคนเอามาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านเรา แถมเป็นเด็กผู้หญิงด้วย ถ้าฉันอยากจะขอคุณรับเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรมคุณจะว่าอะไรมั้ยคะ” คุณวรวรรณกล่าวด้วยความเกรงใจ
“ผมตามใจคุณวรรณอยู่แล้ว ที่จริงคุณไม่ต้องมาขออนุญาตผมก็ได้ คุณอยากมีลูกสาวอยู่แล้วนี่นา” คุณจักรภพกล่าวด้วยความยินดี เขาเชื่อในการตัดสินใจของภรรยาของเขาอยู่แล้ว แล้วเขาก็รู้ว่าคุณวรวรรณอยากมีลูกสาวมานานแล้ว แต่เธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก ทำให้ต้องยุติการตั้งครรภ์ตั้งแต่ที่เธอคลอดวรภพ บุตรชายเพียงคนเดียวของทั้งคู่
“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจฉัน มาดูหน้าแกซิคะ น่ารักไม่หยอกเชียว แล้วฉันตั้งชื่อไว้แล้วนะ หนูน้อยนิรดาของฉัน” คุณวรวรรณกล่าวด้วยความดีใจ เธอยินดีเป็นอย่างมากที่บ้านนี้จะมีเด็กผู้หญิงมาวิ่งเล่น และเธอก็เตรียมบอกเรื่องนี้แก่วรภพบุตรชายของเธอ หลังจากที่เด็กชายกลับมาจากโรงเรียน เธอเชื่อว่าจิตใจที่เมตตาของบุตรชายจะทำให้บุตรชายยอมรับเรื่องนี้ได้
เมื่อถึงเวลาที่บุตรชายเลิกเรียน คุณวรวรรณก็ไปรับบุตรชายที่โรงเรียนด้วยตนเอง ก่อนที่เขาจะพาเด็กชายตัวน้อยในวัยเจ็ดขวบเดินมาที่ห้องนอนที่เพิ่งถูกยกให้เป็นของเด็กหญิงนิรดา
“ตาภพ แม่รับเด็กน้อยคนนี้มาดูแล แล้วก็จะยกให้เป็นน้องของหนู หนูจะว่าอะไรมั้ยครับ” คุณวรวรรณกล่าวด้วยความหวั่นเกรง แต่ด้วยนิสัยของบุตรชายแล้ว เขาไม่น่าจะเป็นคนที่หวงมารดา
“หมายความว่าผมจะมีน้องเหรอครับ” เด็กชายวรภพ กล่าวด้วยความดีใจ เขาอยากมีน้องน้อยๆ มานานแล้ว แต่เขาเคยได้ยินมารดาบอกว่าสุขภาพไม่ดี เด็กน้อยก็เลยไม่เคยถามเลยสักครั้ง
“ใช่จ๊ะ น้องชื่อรดา ชื่อจริงนิรดา ต่อไปนี้ภพต้องดูแลน้องดีๆ นะลูก” คุณวรวรรณกล่าวด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกสุขใจเหลือเกินที่ไม่ได้รับการต่อต้านจากบุตรชาย