“พี่โปรดเพิ่งกลับมาจากบริษัทเหรอคะ” เอ่ยถามเมื่อสามีเดินมาถึง ใบหน้าหล่อเหลายังคงเรียบนิ่งเหมือนทุกวัน จะยิ้มให้กันสักนิดก็ไม่มี
รอยยิ้มของเขามีไว้สำหรับผู้หญิงคนนั้นคนเดียวจริงๆ
“อือ”
พุดน้ำบุษย์รอให้สามีพูดต่อ เมื่อเขาไม่พูดเธอก็เลยเป็นฝ่ายพูดเอง...
สามีของเธอช่างเย็นชากับภรรยาได้เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
“ช่วงนี้งานที่บริษัทยุ่งมากเลยเหรอคะ บัวเห็นช่วงนี้พี่โปรดกลับบ้านดึกทุกวัน”
“ก็ยุ่งปกตินั่นแหละ”
อ่อ... ยุ่งปกติ
คำตอบของสามีทำให้พุดน้ำบุษย์รู้สึกเจ็บแปลบ ทั้งหน่วงทั้งคันคะเยอในอกทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรมากกว่าการการพยักหน้าแล้วเดินตามคนที่บอกว่างานยุ่งเข้าไปในบ้านเงียบๆ ความอยากพูดอยากชวนคุยของเธอมันหายไปดื้อๆ
“ไปไหนมา แล้วทำไมเพิ่งกลับ”
เสียงเข้มที่เอ่ยถามทำให้พุดน้ำบุษย์หันไปมอง ก่อนจะเลิกคิ้วสูงขึ้นเพราะไม่คิดว่าสามีจะถาม น้ำเสียงของเขาเข้มคล้ายตำหนิอยู่ในที ดวงตาคมสีนิลที่กำลังมองมาทอประกายไม่พอใจชัดเจนก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นว่างเปล่าเหมือนเดิม
“บัวมีนัดกับเพื่อนค่ะ คุยกันเพลินติดลมไปหน่อยก็เลยกลับดึก” สามทุ่มมันก็ไม่ได้ดึกหรอก บางคนเพิ่งจะขับรถกลับบ้าน บางคนก็ยังนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศด้วยซ้ำ เธอไม่เคยทำงานนอกงานทว่าเรื่องพวกนี้ก็มีให้เห็นกลาดเกลื่อนตามโซเชียลมีเดีย
ส่วนเรื่องที่จะกลับบ้านช้าพุดน้ำบุษย์ก็ส่งข้อความบอกเขาแล้ว ดูจากใบหน้าเรียบนิ่งแววตาดุน้ำเสียงคล้ายไม่พอใจของสามีแล้วก็คงยังไม่ได้เปิดอ่านข้อความที่เธอส่งไป
คนที่ถูกสามีดองไลน์บ่อยในช่วงนี้ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยิ้มขมให้ตัวเอง
“เพื่อนที่ว่านี่คือลูกสาวเสี่ยเจียง?”
“ค่ะ ยัยเจนนี่”
“นอกจากลูกสาวเสี่ยเจียงไม่มีเพื่อนคนอื่นเลยหรือไง?”
"บัวมีเพื่อนหลายคนค่ะ แต่เจนนี่เป็นเพื่อนที่บัวสนิทด้วยมากที่สุด เราสองคนแทบจะโตมาด้วยกันเลยก็ว่าได้" พุดน้ำบุษย์หยุดพูด มองสามีด้วยประกายตานิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆบอกให้รู้ว่าเธอไม่โอเคที่เขาอคติกับเพื่อนของเธอ ภาพลักษณ์จารวีอาจจะดูแรงถึงขั้นติดลบเรื่องที่เพื่อนของเธอเปลี่ยนคนคุยบ่อย แต่ทว่านั่นก็แค่คนคุยยังไม่ใช่แฟน เมื่อคุยแล้วไม่คลิกก็แค่เลิกคุย... ซึ่งมันไม่ผิด
"ถ้าพี่โปรดไม่อคติบัวอยากจะบอกว่าเจนนี่เป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดีมากของบัว บัวรู้ดีว่าเพื่อนเป็นคนยังไง ข่าวที่ออกมาล้วนใส่สีตีไข่เกินจริงทั้งนั้น เพื่อนบัวไม่เคยทำร้ายใครก่อน และเพื่อนบัวก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน"
"อคติงั้นเหรอ? ก็ถ้ามันไม่มีมูลคนเขาจะเอาเรื่องราวจากไหนล่ะมาพูด มาใส่สีตีข่าวอย่างที่เธอว่า" ปิยังกูรถามเสียงเข้มไม่พอใจ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงไม่พูด รู้อะไรมาก็แค่ปล่อยผ่าน แต่ทว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาพุดน้ำบุษย์ตัวติดกับเพื่อนคนนี้มาก ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ บางทีก็หายไปด้วยกันทั้งวัน ที่เขาไม่พอใจที่สุดก็คือเรื่องที่จารวีพาพุดน้ำบุษย์บุกไปจับกิ๊กของแฟนหนุ่มตัวเองที่คอนโดหรูใจกลางเมืองหนึ่งในโครงการทิวาวัฒนกุลกรุ๊ปจนเป็นข่าวใหญ่โตครึกโครมอยู่หลายวัน
เขาต้องทนฟังเรื่องที่เมียตัวเองเป็นวีรสตรีผู้กล้าแห่งกรุงเทพมหานครเป็นเพื่อนแสนดีประเสริฐศรีพาเพื่อนบุกจับกิ๊กแฟนหนุ่มที่เพิ่งคบหากันได้ไม่ถึงเดือนอยู่เป็นสัปดาห์ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่อง...
การรักเพื่อนมันไม่ผิด แต่ต้องรักให้ถูกทาง ไม่ใช่พากันไปสร้างเรื่องสร้างราวให้คนอื่นเขาพูดนินทาสนุกปาก
‘โฮโซสาวคนดังภรรยาคนสวยของรองประธานกรรมการใหญ่ตระกูลดังใช้อภิสิทธิ์เปิดทางให้เพื่อนสนิทบุกเข้าไปจับกิ๊กแฟนหนุ่มลูกชายนักการเมืองคนดังที่เพิ่งคบกันได้ไม่ถึงเดือนถึงในคอนโดหรู’
ปิยังกูรไม่เคยมีอคติกับเพื่อนคนอื่นๆของภรรยา ต่อให้ไม่ชอบหน้ามากแค่ไหนเขาก็ไม่เคยพูด พุดน้ำบุษย์อยากจะคบค้าสมาคมกับใครก็เป็นเรื่องของเธอ เป็นสิทธิ์ของเธอ แต่กับลูกสาวเสี่ยเจียงเขาไม่สนิทใจที่จะพบปะเสวนาด้วยจริงๆ โดยเฉพาะสายตาของเพื่อนเธอที่มองเขาอย่างดูแคลนมุมปากยกยิ้มเย้ยหยันอยู่เป็นนิจเพราะคิดว่าเขาไม่เห็น
"บัวถึงบอกไงคะว่าข่าวพวกนั้นมันเกินจริง คนเขียนก็นั่งเทียนเขียนเองไม่ได้รู้เรื่องจริงๆ"
"แต่เพื่อนเธอก็เรียนจบมาหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นทำงานทำการอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน"
“ที่บอกว่าเรียนจบมาหลายปีก็ยังไม่ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันนี้รวมบัวด้วยหรือเปล่าคะ?” พุดน้ำบุษย์เอียงหน้าถาม รู้สึกเจ็บอยู่เหมือนกันที่ถูกว่ากลายๆ
จะแก้ตัวก็ไม่ได้ เพราะเรื่องที่สามีพูดมันคือความจริง... เธอเองก็ยังไม่ได้ทำงาน
หลังจากที่เรียนจบได้ไม่ถึงเดือนพุดน้ำบุษย์ก็แต่งงานกับปิยังกูร พอแต่งงานก็เป็นแม่บ้านให้สามีอย่างเดียวไม่ได้ทำงานทำการอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอย่างที่เขาว่า ปิยังกูรอาจจะไม่ได้เจาะจงมาที่เธอโดยตรง แต่ทว่ามันก็เข้าเธออยู่ดี
ถ้าเป็นวงการมวยก็ต้องบอกว่าโดนชกด้วยหมัดฮุค แต่ถ้าเป็นวงการฟุตบอลก็ต้องเรียกว่าลูกยิงประตูแบบซัดเต็มข้อ
ปิยังกูรพูดไม่ออกไม่คิดว่าภรรยาสาวจะย้อนกลับมาด้วยประโยคนี้ เขาไม่ได้ว่าเธอแต่ทว่าคำพูดของภรรยาสาวมันคือการหาเรื่องดีๆนี่เอง
"เธอกำลังหาเรื่องพี่งั้นเหรอดอกบัว" คนเป็นสามีถลึงตาดุมองภรรยา รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันทีที่ภรรยายอกย้อนกลับมา
มันแสดงชัดว่าเธอไม่เชื่อที่เขาพูด
"เปล่าค่ะ บัวแค่พูดความจริง ตั้งแต่เรียนจบมาบัวก็ยังไม่เคยทำงานเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกัน... แต่บัวว่าเราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลยดีกว่าค่ะ พี่โปรดทำงานกลับมาเหนื่อยๆอย่าใส่ใจกับเรื่องไร้สาระพวกนี้เลยค่ะ" พุดน้ำบุษย์พูดตัดบท
“รู้เหมือนกันเหรอว่าพี่ทำงานกลับมาเหนื่อยๆ”
“รู้สิคะ” พุดน้ำบุษย์ยิ้มเศร้า กระพริบตาปริบๆเพื่อขับไล่ความรู้สึกบางอย่างก่อนจะถามถึงเรื่องปากท้องของสามีว่ากินอะไรมาหรือยัง ถึงจะน้อยใจก็อดห่วงใยเขาไม่ได้อยู่ดี "พี่โปรดกินข้าวมาแล้วใช่มั้ยคะ? หรือว่ายัง? ถ้ายังไม่ได้กินอะไรมาบัวจะเข้าไปดูในครัวว่าป้าลำเจียกทำอะไรไว้"
"อือ กินมาแล้ว"
คำตอบของปิยังกูรทำให้พุดน้ำบุษย์ยิ้มเศร้า
ไม่น่าถาม ที่บอกว่ากินมาแล้วก็คงไม่พ้นกินกับ... คนรักเก่า
นอกจากอิ่มท้องแล้วก็คงอิ่มอกอิ่มใจน่าดู
พุดน้ำบุษย์พยักหน้าขึ้นลง เบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าเห็นความอ่อนแอ ก่อนจะเดินแยกเอาเค้กที่ซื้อติดมือมาด้วยไปเก็บที่ตู้เย็นในห้องครัว
ที่บ้านหลังนี้นอกจากเธอกับปิยังกูรก็ยังมีป้าลำเจียก พี่หลิน ลุงสน ที่มารดาของสามีให้มาช่วยดูแลบ้านช่องดูแลสวน วันๆพุดน้ำบุษย์แทบไม่ต้องทำอะไรเพราะมีคนช่วยทำแทนหมดแล้ว หน้าที่ของเธอคือการดูแลสามีและความเป็นอยู่ของทุกคนในบ้านอีกที
เมื่อขึ้นไปบนห้องนอนที่อยู่ร่วมกันมาเกือบสี่ปีก็ตั้งใจจะให้สามีอาบน้ำก่อนเพราะวันนี้เธออยากจะนอนแช่น้ำนานหน่อย แต่ทว่าคนที่บอกว่าตัวเองเพิ่งเลิกงานยังคุยโทรศัพท์ติดพัน ประกายความสุขที่พุ่งออกมาจากดวงตาคมกริบสีนิลทำให้พุดน้ำบุษย์เลิกคิ้วมองอย่างสงสัย อยากจะรู้ขึ้นมาทันทีว่าสามีกำลังคุยโทรศัพท์ติดพันอยู่กับใครทำไมถึงได้ดูผ่อนคลายนัก
ที่แน่ๆไม่น่าจะใช่เรื่องงาน
ถ้าเป็นเรื่องงานสามีเธอจะต้องยืนเท้าเอวพูดคุยด้วยใบหน้าเรียบนิ่งค่อนไปทางดุหรือบางทีก็ขมวดคิ้วแทบผูกโบเหมือนเวลาที่คุยกับเธอ ไม่มีหรอกไอ้ท่าทางผ่อนคลายอมยิ้มมุมปากแบบนี้
ใบหน้าผ่อนคลายเปื้อนยิ้มแบบนี้ก็คงกำลังคุยอยู่
กับ...
หมอขวัญดาว... คือชื่อแรกและชื่อเดียวที่เธอนึกออก