"ก็นึกว่าผู้หญิงที่ไหนมายืนทำมิวสิกวิดีโออยู่ตรงนี้ที่แท้ก็น้องดอกบัวบูชาพระนี่เอง"
พุดน้ำบุษย์หันขวับไปมองตามเสียงพูด เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบฉีกยิ้มกว้าง มองร่างสูงประกายตาสดใสบ่งบอกถึงความยินดีดีใจที่ได้เจอจนคนถูกมองอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
"พี่ไอ..."
หญิงสาวเอ่ยเรียกเพื่อนสนิทของพี่ชายเสียงใส นอกจากยิ้มให้หลานชายตอนที่วิดีโอคอลคุยกันแล้วยิ้มนี้น่าจะเป็นยิ้มที่สดใสที่สุดในค่ำคืนนี้ของเธอ พุดน้ำบุษย์เอะใจตั้งแต่ถูกเรียกว่า 'ดอกบัวบูชาพระ' แล้วว่าจะต้องเป็นเขา ซึ่งก็ใช่... เพราะคนที่เรียกเธอว่าดอกบัวบูชาพระก็มีแค่เพื่อนสนิทของราชพฤกษ์พี่ชายคนโตของเธอคนเดียว
พี่ไอ... หรือ หม่อมหลวงไอศูรย์ เทวาวัฒน์
ไอศูรย์มองน้องสาวคนเล็กของเพื่อนสนิทที่ตัวเองเคยตามจีบประกายอบอุ่น พุดน้ำบุษย์ยังคงสวยมากและน่ารักมากเหมือนเดิม หญิงสาวยังคงเหมือนภาพในห้วงคำนึง ถ้าจะต่างจากเดิมก็คงเป็นดวงตาคู่สวยที่มีประกายโศกเศร้าไม่ได้สดใสสุกสกาววาววับราวกับแสงแดดกระทบพื้นผิวของท้องทะเลยามสายเหมือนเมื่อหลายปีก่อน
เธอมีความสุขใช่มั้ย?
คือคำถามที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้
รู้ว่าไม่ควร... แต่ก็ห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ให้เป็นห่วงไม่ได้
"กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมบัวไม่รู้เลย" ถ้าในที่นี่ยามค่ำคืนนี้จะเรียกใครสักคนว่าผู้ดีหรือว่าไฮโซชั้นสูงก็คงต้องเป็นคนตรงหน้าเธอนี่แหละที่เหมาะสมคู่ควรกับคำว่าไฮโซมากที่สุด
หม่อมหลวงไอศูรย์...
"พี่กลับมาได้เกือบอาทิตย์แล้วครับ เมื่อวานก็เพิ่งไปดวลวิสกี้ขาวเพรียวๆกับพี่ชายเรามา"
พุดน้ำบุษย์อมยิ้มขำ อยากจะหัวเราะให้ท้องแข็ง แต่พยายามเก็บกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ให้เล็ดลอดออกมา ถ้าใครบอกว่าเป็นไฮโซแล้วต้องจิบแค่ไวน์กับเหล้านอกราคาแพงแล้วล่ะก็ บอกเลยว่ามันไม่จริง...
พุดน้ำบุษย์ขอเถียงสุดใจขาดดิ้นเอาให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว
คุณชายไฮโซตรงหน้าเธอนี่แหละเคยจับขวดเหล้าขาวสี่สิบดีกรียกกระดกเพรียวๆมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ยกบ่อยจนได้รับฉายาคุณชายสี่สิบดีกรี แน่นอนว่าฉายานี้ได้มาไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เพราะยกขวดเหล้าขาวกระดกบ่อย
"อย่าบอกนะคะว่าพี่ไอไปหาพี่พฤกษ์ที่ไซต์งานบางปะกง?"
ตอนนี้ราชพฤกษ์คุมงานอยู่ที่ไซต์งานบางปะกง ซึ่งน่าจะอยู่ที่นั่นอีกนานหลายวัน เผลอๆอาจจะต้องอยู่ยาวเป็นเดือน ถามว่าขับรถไป-กลับกรุงเทพบางปะกงได้ไหม มันก็ได้แหละ ไหวไหม มันก็ไหวแหละ แต่ทว่าพี่ชายผู้จริงจังกับงานยิ่งกว่าอะไรเฉกเช่นพี่ชายของพุดน้ำบุษย์ไม่คิดจะทำ...
เพราะมันเสียเวลา สู้เอาเวลาที่สูญเสียไปกับการเดินทางไปนั่งก่ออิฐผสมปูนช่วยคนงานยังจะมีประโยชน์มากกว่า
พี่ชายเธอพูดมาแบบนั้นนะ แต่ถามว่าทำจริงไหม... นั่นก็อีกเรื่อง
"ทำไงได้ล่ะ ก็พี่ชายเรามันไม่ยอมเข้ากรุงเทพซักทีพี่ก็ต้องบุกไปหาถึงถิ่น ไม่งั้นเดือนนี้ทั้งเดือนก็คงไม่ได้เจอหน้ากัน"
"คิดถึงเพื่อนมากแหละ ดูออก" พุดน้ำบุษย์สัพยอก ใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ฮ่าๆ เราก็รู้ทันพี่ตลอด” ราชนิกุลหนุ่มหัวเราะเสียงดัง เมื่อเห็นหญิงสาวหัวเราะตามก็ยกยิ้มพอใจ เวลาที่หญิงสาวหัวเราะมันน่ามองและก็ดูน่าฟังมาก พุดน้ำบุษย์เหมาะกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ... มากกว่าใบหน้าเศร้าแววตาโศกอย่างที่เธอเผลอแสดงมันออกมาก่อนหน้านี้
ใบหน้าแบบนั้นไม่เหมาะกับเธอสักนิด
ไม่แม้แต่นิดเดียว
“อ่อ... พี่มีของฝากมาให้บัวด้วยนะ เมื่อวานแวะไปไหว้คุณอาทั้งสองก็เลยฝากไว้ที่นั่น”
“ขอบคุณพี่ไอมากนะคะที่นึกถึงน้องสาวคนนี้อยู่เสมอ บัวเกรงใจพี่ไอมากเลย... ว่าแต่ของฝากคืออะไรคะ? กระซิบก่อนได้มั้ยบัวอยากรู้”
“แล้วเมื่อกี้ใครบอกว่าเกรงใจ?”
“เกรงใจจริงๆค่ะ แต่พี่ไอตั้งใจซื้อมาแล้วก็ต้องรับสิคะ ไม่งั้นคนซื้อให้เสียกำลังใจกันพอดี” พุดน้ำบุษย์ยิ้มกว้าง เอียงหน้ามอง ก่อนจะถามเรื่องที่เขาได้มางานเลี้ยงวันนี้ หญิงสาวรู้ดีว่าหม่อมหลวงไอศูรย์วิศวกรขาลุยไม่ปลื้มงานสังคมประเภทนี้สักเท่าไหร่ หลีกได้เป็นหลีก เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง หนีได้เป็นหนี
แต่ถ้างานไหนที่เห็นราชนิกุลหนุ่มไปร่วม ก็หมายความว่างานนั้นจะต้องสำคัญมากจริงๆ
“พี่ไอมางานเป็นเพื่อนท่านชายเหรอคะ?”
“ครับ คนขับรถบ้านพี่ป่วยแพ็คคู่ พี่ไม่อยากให้คุณพ่อขับรถเองก็เลยต้องพามา นี่ก็เพิ่งพาไปส่งไว้ที่โต๊ะอาหมอแล้วก็แอบออกมาเลยปล่อยให้กลุ่มวัยรุ่นหกสิบเขาคุยกัน ตอนแรกก็กะว่าจะซิ่งหนีลงไปนอนรอในรถแล้วเหมือนกันแต่เจอเรายืนทำมิวสิกวิดีโอซะก่อน”
“บัวออกมาคุยโทรศัพท์กับพี่ดอกแก้วค่ะ เห็นดาวกับดวงจันทร์สวยดีก็เลยยืนมอง” ปกติจะมองไม่ค่อยเห็นหรอก สงสัยวันนี้ดวงจันทร์ดวงดาวอยากอยู่เป็นเพื่อนเธอ
“เห็นพฤกษ์พูดอยู่เหมือนกันว่าดอกแก้วพาลูกไปเที่ยวสวนสนุกที่สิงคโปร์”
“ใช่ค่ะ ตอนแรกพี่แก้วก็แพลนเอาไว้ว่าจะไปดิสนีย์ที่ญี่ปุ่นแต่พี่เอื้อดันมีงานด่วนแทรกก็เลยเปลี่ยนมาเที่ยวใกล้ๆอย่างสิงคโปร์แทน ไปถึงเมื่อวานเย็นๆวันนี้ก็พาเจ้าตัวอวบไปขลุกอยู่ที่ยูนิเวอร์แซลทั้งวัน เห็นว่าพรุ่งนี้ก็จะไปอีกรอบแล้วค่อยกลับ สนุกเจ้าตัวอวบเขาแหละ หลานชายบัวเอ็นจอยกับการเที่ยวสวนสนุกมาก”
"บัวล่ะ?”
“คะ?”
“... เอ็นจอยกับชีวิตในตอนนี้รึเปล่า?"
พุดน้ำบุษย์เข้าใจในสิ่งที่ราชนิกุลหนุ่มถาม เข้าใจดีว่าคนถามไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรือว่าคิดละลาบละล้วงอยากจะรู้เรื่องในมุ้งของเธอกับสามี ที่ถามก็เพราะเป็นห่วง ถ้าคนที่รู้จักครอบครัวของเธออย่างดี รู้ตื้นลึกหนาบางกับการแต่งงานระหว่างเธอกับปิยังกูรก็คงอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยเมื่อเห็นว่าอดีตคนรักของสามีก็มางานคืนนี้ด้วย แถมยังนั่งโต๊ะเดียวกันอีกต่างหาก
ไอศูรย์ไม่ได้รู้ลึกถึงรายละเอียดปลีกย่อย แต่ก็รู้ว่าเธอกับปิยังกรูแต่งงานกันเพราะผลประโยชน์ไม่ใช่เพราะความรัก และก็รู้ว่าปิยังกูรมีคนรักที่คบหาดูใจกันมาเกือบสี่ปี ก่อนจะเลิกรากันแล้วมาแต่งงานกับเธอเพราะขัดครอบครัวไม่ได้
"บัวโอเคค่ะ"
ใช่... ตอนนี้เธอยังโอเค
โอเคมากที่ตัวเองใจเย็นไม่ลุกขึ้นมาอาละวาดสามีหรือว่าล้มโต๊ะให้อับอายขายขี้หน้าแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน
"ถ้ายังไม่อยากกลับเข้าไปจะยืนทำมิวสิกวิดีโออยู่ตรงนี้ต่อก็ได้นะ พี่ยินดีสละตัวเองเป็นพระเอกให้"
"เอางั้นเหรอคะ?... แล้วเราต้องเล่นเพลงอะไรดี?” เอียงหน้าถาม น้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แต่ทว่าคำตอบของราชนิกุลหนุ่มกลับทำให้เธอหัวเราะไม่ออก นอกจากหัวเราะไม่ออกสมองก็ยังคิดอะไรไม่ออกเช่นกันว่าควรพูดอะไรต่อ
มันน็อคไปดื้อๆ
"แอบรักเมียเขาเป็นไง?"
"..."
"ฮ่าๆ พี่ล้อเล่นครับ"
พุดน้ำบุษย์อยากจะหัวเราะตาม แต่ทว่าเธอหัวเราะไม่ออกจริงๆ รู้แหละว่าราชนิกุลหนุ่มคิดยังไงรู้สึกยังไง และก็รู้อีกเหมือนกันว่าเธอให้เขาได้แค่ไหน
สถานะ... พี่ชายคือสถานะที่เธอมอบให้เขาตั้งแต่แรก
แม้กระทั่งตอนนี้...
หม่อมหลวงไอศูรย์ก็ยังคงเป็นพี่ชายที่แสนดีสำหรับเธอเสมอ
ส่วนคนถูกยกให้เป็นพี่ชายก็รู้ตัวดี รู้มาตลอดนั่นแหละ แต่ทำยังไงได้ในเมื่อเขายกหัวใจให้เธอไปแล้ว ถ้าการรักใครสักคนแล้วสามารถเลิกรักได้ง่ายๆมันก็คงจะดีกว่านี้... มากเลยแหละ