โปรดแค่ไหน...คุณก็ไม่รัก ตอนที่5
ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเวลานี้เคเซียก็ลากเธอออกมาเดินห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวของเคเซีย ทำให้หล่อนยังไม่ทันได้มีเวลาคิดเลยว่าเธอจะต้องทำหน้าหรือรู้สึกแบบไหนหากต้องเผชิญหน้ากับอาของเพื่อนสนิท เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันค่อนข้างน่าอายสำหรับเธอ และจะถือว่าเรื่องใหญ่ไหม ก็อาจใช่ขึ้นอยู่กับมุมมอง แต่มันจะไม่เป็นเรื่องเป็นราวเลยหากเรื่องที่เกิดขึ้นมีแค่เธอกับเขาที่รับรู้ ทว่าตอนนี้คุณย่าของเคเซียหรือคุณแม่ของอาหมอพุฒิภาคย์ รับรู้ด้วยตาเปล่าของตนเองโดยไม่มีใครมาใส่สีตีไข่เล่า ซึ่งมันก็อาจจะนำพาความยุ่งยากมาให้แก่เธอได้ในภายหลังแน่ๆ
พอคิดถึงตรงหน้าหล่อนก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาเสียดื้อๆ ชานมไข่มุกบราว์ซูการ์แบรนด์ดังถูกวางอยู่ตรงหน้า โดยที่เธอไม่มีใจที่จะคิดหยิบขึ้นมากิน ทั้งๆ ที่เป็นของโปรดเธอแท้ๆ แต่ใครจะอยากกินลง ยังไม่ทันจะยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้น หนึ่งวันพันกว่าเรื่องให้ปวดหัว
“ฉันอยากเอาหัวจุ่มอ่างน้ำแล้วกลั้นใจตายไปเลยเซียล โอ้ยกลุ้ม!”
“เสร็จจากนี่แล้วฉันจะพาไปทำผม ทำหน้า เดี๋ยวเราไปทำกัน วันนี้ฉันจะให้แกแปลงโฉมใหม่หมดตั้งแต่หัวจรดเท้า แบบปัจจุบันทันด่วน แล้วเลิกซะนะไอ้ชุดบ้าๆ บอๆ ที่แกคิดว่าใส่แล้วสวยน่ะ เก็บใส่กรุไม่ก็เอาไว้ใส่นอนเถอะ แล้วยกตู้ใหม่เลยทั้งตู้ เอาให้สวยสะท้านเรียกน้ำตาหมาได้เลยคาเฟย์”
“แต่วันนี้ฉันไม่อยากไปโรงบาลอาแกนี่ ไว้วันอื่นไม่ได้เหรอ” เพราะคาเฟย์ตั้งใจเอาไว้ว่าหลังจากโมดิฟายเพื่อนเธอใหม่ทั้งตัวเสร็จแล้วจะพาไปเย้ยแฟนเก่าที่โรงพยาบาลของพุฒิภาคย์ นั่นหมายความว่าเธออาจจะต้องเจอกับเขาด้วยนี่สิ
“ไม่ได้! ต้องวันนี้นี่ล่ะ ฉันอยากไปดูหน้ามัน โทษฐานที่มันมาทำเพื่อนฉันร้องไห้ ฉันจะทำให้แกสวยจนมันเป็นได้แค่หมามองเครื่องบินเลยคอยดู ส่วนอาภาคย์น่ะไม่เจอวันนี้ พรุ่งนี้แกก็ต้องอยู่ดีคาเฟย์ แกหนีไม่ได้แล้วล่ะ”
กว่าจะแปลงร่างได้สวยสมใจสไตลิสต์ที่ชื่อเคเซีย เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบบ่ายสาม และเพราะกลัวว่าความทุ่มเททั้งหมดที่ทำในวันนี้จะศูนย์เปล่า เธอก็จัดการโทรศัพท์ไปหาคนสนิทของคุณย่าให้เช็คข้อมูลที่ตนเองต้องการ จนรู้แน่ๆ ว่าเป้าหมายในวันนี้อยู่ที่ไหน ส่วนไหน เวลาใด หล่อนก็รีบลากนาฬิริณทร์ไปยังโรงพยาบาลของพุฒิภาคย์
ใช้เวลาไม่นานเพราะระยะทางห่างกันไม่มาก รถเฟอร์รารี่เอฟแปดทริบูโต้สีแดงคันหรูก็ขับเคลื่อนเข้ามาจอดด้านหน้าอาคารที่เป็นตึกสูงอยู่ด้านหลังถัดจากอาคารที่ใช้เป็นห้องฉุกเฉินสำหรับคนไข้เร่งด่วน ซึ่งอาคารสูงดังกล่าวเป็นตึกสำหรับผู้ป่วยใน ความหรูหราของอาคารบอกให้รู้ถึงคุณภาพ และราคารักษาของคนที่มาใช้บริการที่จะต้องจ่าย จะต้องแพงระยับชนิดที่คนทั่วไปอาจจะเข้าไม่ถึง
ร่างเล็กในชุดกระโปรงเดรสสั้นสีสันสดใส ผมสั้นเคลียไหล่สีน้ำตาลคาราเมลก้าวลงจากรถลงมา ก่อนที่ใครอีกคนที่นั่งอีกฝั่งของรถหรูจะก้าวตามลงมาเช่นกัน
นาฬิริณทร์รู้สึกประหม่า และเก้อเขินอยู่ไม่น้อย กับเสื้อผ้าแบบใหม่ที่หล่อนไม่ค่อยคุ้นชิน เดรสรัดรูปเกาะอกสีขาว สั้นเลยเข่าเล็กน้อย สวมรองเท้าส้นสูงรัดส้นสีแดง ผมยาวม้วนดัดลอนเป็นเงาสวย จากการอบไอน้ำและสปาผมมาอย่างดี ผมสีน้ำตาลมอคค่ายามต้องกับแสงแดดยามบ่ายยิ่งส่องประกายขับให้ใบหน้าขาวๆ แลดูสว่างสดใสขึ้นทันตา ยืนสำรวจตนเองด้วยอาการเก้กัง ไม่กล้าขยับเท้าเข้าไปในอาคารสูงที่เป็นเป้าหมายสำหรับเคเซียและเธอเวลานี้
“เข้าไปกันเฟย์”
“กลับเถอะแก ฉันกลัวๆ ยังไงไม่รู้”
“แกกลัวอะไรเฟย์ กลัวเจอหมาโบ้นั่น หรือกลัวเจออาภาคย์ เอาดีๆ ไหนตอบมาสิ”
“กลัวทั้งสองเลยนั่นล่ะ แกก็รู้นี่ว่าสำหรับอาภาคย์น่ะ ฉันแทบอยากจะเอาหัวหมุดหนีแกนโลกไปเลยด้วยซ้ำ”
“อย่ากลัว ห้ามกลัวท่องไว้ สะกดจิตตัวเองเอาไว้ ตอนนี้แกเป็นนิวคาเฟย์แล้วเว้ย สวยขนาดนี้ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นเชื่อฉัน” เคเซียให้คำมั่นด้วยสีหน้าและท่าทางให้เพื่อนสนิทมั่นใจ ก่อนจะฉุดดึงเพื่อนสาวแสนสวยเดินตามเข้าไปในอาคาร
ร้านกาแฟแบรนด์ดังที่เคเซียจับจูงมือเพื่อนเดินเข้ามาในร้าน กวาดสายตามองหาที่นั่งชั่วอึดใจ ก็คิดจะพาเดินไปนั่ง แต่ขาทั้งสองกับชะงักลงทันทีเมื่อสายตากลับไปเห็นใครบางคนกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่กับใครอีกคนที่เธอคุ้นหน้าเป็นอย่างดี จึงรีบหันมาสะกิดบอกคนข้างกายกระซิบเสียงเบา
“นั่นแฟนแกอยู่กับพี่หมอมุก แกเห็นไหม”
“แกรู้จักผู้หญิงคนนั้นด้วยหรอ”
“หึ แกลืมเหรอว่าฉันจะเป็นใคร” หล่อนหันตอบพลางกลอกตามองบนใส่ คล้ายกับเหนื่อยหน่ายใจกับนิสัยของเพื่อนสนิทตนเอง
“เดี๋ยวเราแกล้งซื้อกาแฟแล้วฉันจะพาแกเดินไปนั่งตรงนั้น ใกล้ๆ เลยดีมั่ย” เคเซียกระซิบบอกแผนให้กับอีกฝ่ายรับรู้ร่วมกัน
“มันจะดูจงใจไปมั่ย”
“ก็จงใจน่ะสิ แกอย่าบื้อไปหน่อยเลยเฟย์ ไปกันเถอะ” ว่าแบบไม่จริงจังเท่าไหร่ ก่อนจะฉุดเดินไปยังเคาน์เตอร์สำหรับสั่งเครื่องดื่มสองที่กับขนมเค้กอีกสองชิ้น โดยเธอสั่งให้พนักงานยกไปวางยังโต๊ะที่เธอต้องการนั่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์กดส่งข้อความหาใครบางคนด้วยใบหน้ากรุ่มกริ่ม มีเลศนัย
นาฬิริณทร์ตั้งใจเลือกที่นั่งที่จะหันหลังให้กับคนรักเก่า แต่ถูกเคเซียสกัดความคิดด้วยการบังคับให้เธอนั่งอีกฝั่ง ส่วนเจ้าตัวก็เลือกที่จะนั่งตรงนั้นแทน
หล่อนพรูลมหายใจด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งอึดอัดคับแน่นจนหายใจไม่ทั่วท้อง แทบอยากจะตะโกนออกมาให้ดังๆ ระบายความอัดอั้นตันใจ
สายตาที่คอยลอบมองอีกฝ่าย เห็นอากัปกิริยาที่ฝ่ายนั้นเอื้ออาทร คอยดูแลหยิบขนมป้อน หยิบทิชชู่เช็ดมุมปากให้อย่างอ่อนโยน แววตาหวานซึ้งที่ใช้มองผู้หญิงคนนั้นทำให้เธอถึงกับนึกสะท้อนใจกับสิ่งที่เธอไม่เคยได้รับจากเขาเลยสักครั้ง หรือหากจะมีมันก็น้อยมากจนเธอแทบจะลืมเลือน มือเล็กกำแน่นอย่างลืมตัว ดวงตาพร่าลืมด้วยม่านน้ำที่เอ่อคลอ ก่อนจะค่อยไหลรินอาบแก้มกับภาพสะเทือนใจที่เธอได้เห็น พร้อมกับชุดความคิดที่ว่า เมื่อวานเธอยังเป็นคนรักของเขาอยู่เลย แต่วันนี้กลับกลายเป็นคนแปลกหน้าที่เขาและเธอต่างรู้จักกันดีแค่นั้น
“เห้ย!! นังเฟย์ แกจะร้องไห้ทำไมเนี่ย เช็ดน้ำตาเดี๋ยวนี้ ห้ามอ่อนแอได้ยินมั่ย!” เคเซียสั่งเสียงลอดไรฟัน กระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน นาฬิริณทร์ก้มหน้าลงเล็กน้อยรีบปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะพรูลมหายใจออกมาอีกครั้ง
เวลาผ่านไปไม่ถึงห้านาทีที่อีกฝ่ายเหลือบสายตามามองแบบไม่ตั้งใจ แต่ก็ต้องหยุดสายตาค้างไว้ที่หญิงสาวสวยแปลกหน้าแต่กลับคุ้นตาจนเขาต้องวางสายตามองนิ่งอย่างพิจารณาครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ความคลับคล้ายคลับคลาแต่ก็ยังไม่แน่ใจ ดูละหม้ายเหมือนแต่ก็ไม่ใช่เพราะคนรักเก่าที่เขาเพิ่งสลัดทิ้งไปเมื่อวาน ไม่ได้มีลักษณะท่าทาง และการแต่งการกายสวยสง่า มาดคุณหนูลุคเฉียวจนดูหวานแต่ก็มีความก๋ากั่น แลดูเปรี้ยวสะดุดตาจนต้องมองค้างขนาดนี้
“เซียล!! พี่วินกำลังมองมาที่ฉัน ทำไงดี”
“นั่งเฉยๆ ไม่ต้องทำไร เดี๋ยวฉันมา”
“เดี๋ยวสิ แกจะไปไหน แกจะทิ้งให้ฉันนั่งคนเดียวไม่ได้นะ”
“เออน่า เดี๋ยวมา ถ้ามันมาทักก็ทำเฉยๆ อย่าไปร้องไห้คร่ำครวญง้อมันล่ะ ถ้ารู้นะฉันหักคอแกแน่คาเฟย์” เคเซียชี้หน้าเชิงคาดโทษก่อนจะรีบลุกเดินออกจากร้านไปอย่างเร็ว ทิ้งให้เธอนั่งเก้อเขินอยู่คนเดียวลำพัง โดยมีสายตาของอดีตคนรักเมียงมองอยู่ตลอดเวลาจนต้องแสร้งหยิบแก้วกาแฟมาจิบ คว้าโทรศัพท์มากดเล่นอะไรเรื่อยเปื่อยกลบเกลื่อนอาการสั่นประหม่าของตนเอง