“อะไรนะ!?” หทัยรัตน์ตกใจยกมือทาบอก ขณะที่กนธียังคงนั่งนิ่ง เอ่ยถามเสียงเรียบ
“ลูกทะเลาะกับตาพีทหรือ”
ดุจมาตาส่ายหน้าช้าๆ เอายด้วยสีหน้าเจ็บแค้น
“หนูเพิ่งรู้ว่าจริงๆ แล้วผู้ชายคนนี้ไม่ดีอย่างที่คิด เขาแค่สร้างภาพอาศัยความสุภาพอ่อนโยนทำให้เราหลงเชื่อ เขาหลอกหนู คบซ้อนกับพี่สินี ที่เขาอยากจะแต่งงานกับหนูก็เพื่อหวังฮุบสมบัติของเรา นำไปใช้ต่อยอดสร้างรากฐานทางการเมืองของครอบครัวเขาเท่านั้น”
“แน่ใจเหรอว่าเป็นความจริง”
เธอไม่โกรธและไม่แปลกที่พ่อแม่อาจไม่เชื่อในทันที ก็ภาพพจน์ที่ผ่านมาของพีรวิชญ์นั้นแข็งแกร่ง แสดงบทสุภาพบุรุษจนซึมซับเข้ากระแสเลือดไปแล้ว จู่ๆ เธอมาบอกว่าว่าที่ลูกเขยของพวกท่านเป็นคนเลว มันยากที่จะยอมรับได้จริงๆ นั่นแหละ
“หนูไม่มีหลักฐานมายืนยันให้คุณพ่อคุณแม่เชื่อ แต่หนูจะหามันให้ได้ ตอนนี้หนูมีเพียงแค่คำพูดกับสองตาที่เห็นว่าคุณพีทกับพี่สินีลักลอบเล่นชู้กันในงานหมั้น หนูจึงตัดสินใจแกล้งเป็นลมล้มงานกลางพิธี เพื่อชะลองานหมั้นออกไปก่อน”
“โธ่เอ๊ยลูกแม่...”
หทัยรัตน์มองลูกสาวด้วยความสงสารจับใจ ยิ่งเห็นดวงตาที่คลอเคล้าไปด้วยความเจ็บปวด ใจคนเป็นแม่ก็แทบจะขาดรอนแทนลูกเสียให้ได้ หล่อนลูกขึ้นไปนั่งข้างๆ ดุจมาตา โอบกอดลูบศีรษะของลูกอย่างอ่อนโยน ต้องการปลอบขวัญให้คลายเศร้า
“หนูไม่เป็นอะไรค่ะคุณแม่” ดุจมาตากอดตอบท่าน หัวใจอุ่นวาบจนน้ำตาเอ่อคลอ ไม่ว่าเธอจะพบเจอกับสิ่งใด จะดีหรือร้าย ก็ยังมีครอบครัวคอยอยู่เคียงข้างกันเสมอ
ฉะนั้นเธอจะไม่ยอมให้พีรวิชญ์มาแตะต้องสิ่งสำคัญล้ำค่าของเธอได้เป็นอันขาด เธอจะปกป้องพวกท่านสุดกำลัง เธอจะทำลายครอบครัวบุญยมาส รวมถึงหนอนบ่อนไส้ที่ร่วมมือกับพวกเขาคิดจะทำลายตระกูลอนันตทรัพย์ด้วยสมองและสองมือของเธอเอง
“ไม่ใช่ว่าพ่อไม่เชื่อลูกนะ แต่พ่อไม่อยากให้ตาลใจร้อนด่วนสรุป เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่ผู้คนในสังคมต่างก็รู้กันมานานแล้ว พ่อกลัวว่าถ้าปุบปับประกาศยกเลิก มันจะส่งผลเสียหลายด้าน ทั้งชื่อเสียงของลูกและผลกระทบกับธุรกิจของเรา ทุกอย่างมันจะกระทบกันเป็นลูกโซ่ในวงกว้าง ลูกเข้าใจมั้ย?”
ดุจมาตาพยักหน้ายอมรับในเหตุและผลที่บิดากล่าวโดยดุษณี
“หนูเข้าใจค่ะ แต่คุณพ่อเชื่อใจได้เลยว่าตาลจะไม่มีวันทำให้ครอบครัวของเราตกต่ำลงแน่ ถ้าจะมีใคร ‘เจ็บ’ ก็ต้องเป็นคนที่ทำร้ายเราเท่านั้นที่จะเจ็บอยู่ฝ่ายเดียว”
“ลูกมีแผนอะไรในใจ” กนธีเอ่ยถาม ลองถ้าลูกสาวเขาพูดอย่างมั่นอกมั่นใจอย่างนี้ แปลว่าดุจมาตาต้องมีวิธีรับมือและตลบหลังคนบ้านบุญยมาสไว้เรียบร้อยแล้ว
“ถึงหนูจะไม่แต่งงานกับคุณพีท แต่งานแต่งจะยังคงมีอยู่ค่ะ”
“ลูกหมายความว่ายังไง แม่งงไปหมดแล้ว”
“หนูจะแต่งงานโดยเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าวค่ะ”
สองสามีภรรยาตกตะลึง อึ้งไปตามๆ กัน ไม่คาดคิดว่าลูกสาวจะมีแผนการที่สุดโต่งอย่างนี้ แค่จะตบหน้าคนบ้านบุญยมาส จำเป็นต้องพาตัวเองไปเสี่ยงขนาดนั้นเชียวหรือ
“พ่อว่ามันเสี่ยงเกินไป พ่อไม่ห้ามถ้าลูกคิดจะทำอะไร แต่ไม่จำเป็นต้องเอาความสุขทั้งชีวิตไปแลกแบบนี้”
“แม่เห็นด้วยกับพ่อ อีกอย่างตาลจะแน่ใจได้ยังไงว่าคนที่ลูกจะแต่งงานด้วยจะไม่เป็นเหมือนพีรวิชญ์”
ผู้เป็นบุพการีพยายามเกลี่ยกล่อมให้เธอล้มเลิกความคิด แต่ดุจมาตายังยืนการหนักแน่น
“มันจำเป็นค่ะ หนูได้ยินพี่สินีกับคุณพีทคุยกันว่าจะหาทางยึดอำนาจการบริหารงานมาจากคุณพ่อให้ได้ คุณพ่อก็ทราบดีว่าคุณลุงโอภาสไม่พอใจ ถึงขั้นเกลียดคุณพ่อที่คุณปู่ยกบริษัทให้ ถ้าพวกเขาจะคบคิดร่วมมือกันเพราะต่างก็ได้ผลประโยชน์ตอบแทน มันก็ไปได้สูงไม่ใช่เหรอคะ”
กนธีไม่โต้เถียง จริงอย่างที่ดุจมาตาพูดทุกคำ โอภาสพี่ชายร่วมอุทรของเขาไม่เคยเห็นด้วยที่พ่อยกกิจการและสมบัติส่วนใหญ่ไว้ในมือลูกชายคนเล็กแทนที่จะเป็นลูกชายคนโต เหตุเพราะโอภาสไร้ความสามารถ ไม่มีวิสัยทัศน์ มีความกล้าแต่ไม่มีสมอง แถมนิสัยใจร้อนบุ่มบ่าม เกรงจะทำให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี หากตัดสินใจให้โอภาสดูแลตระกูล