มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ

1363 คำ
เมื่อได้ฟังข้อมูลทั้งหมดจากฉัตรญาดามาแล้วภคชนท์ก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงตามหาตัวเธอไม่เจอเพราะเธอเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าที่เธอทำแบบนั้นเพราะอยากจะหลบหนีเขาหรือเพราะอยากจะลืมเรื่องราวในอดีตเหมือนกับที่เขาเองก็เปลี่ยนชื่อ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามสิ่งที่หญิงสาวทำกับเขาในอดีตมันไม่เคยลืมเลือนไปจากใจเขาเลย แม้ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าจะแก้แค้นเธอยังไง ภคชนท์ก็อยากจะเจอฉัตรรวีอีกสักครั้ง เขาอยากถามว่าความจริงในอดีตมันเป็นยังไงกันแน่ แต่ครั้งนี้เขาจะใช้สติไตร่ตรองให้มากขึ้นและจะต้องฟังสิ่งที่เธอพูดกับสิ่งที่น้องสาวของเธอพูดว่ามันตรงกันแค่ไหน ถ้าหากจะเลือกเชื่อใครสักคนระหว่างฉัตรรวีและฉัตรญาดาเขาก็คงเลือกที่จะเชื่อฉัตรญาดามากกว่า ไม่ใช่เพราะเขากับเธอใกล้ชิดกันในตอนนี้แต่เพราะที่ผ่านมาในอดีตเขามองว่าฉัตรญาดาไม่เคยมีอะไรโกหกเขาเลยสักครั้ง แต่บางอย่างมันก็ยังคาใจถ้าหากฉัตรรวีคิดจะหลอกใช้เขาแล้วระหว่างที่เขาอยู่ในสถานพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชนทำไมฉัตรรวีถึงยังเขียนจดหมายหาเขา เธอคอยให้กำลังใจปลอบใจและบอกให้เขาสู้บอกให้เขาเรียนจากข้างในนั้นเพื่อที่ออกมาจะได้มีอนาคตที่ดีขึ้น ชายหนุ่มเชื่อฟังคำพูดในจดหมายของเธอทุกถ้อยคำ เขาตั้งใจเรียนและประพฤติตัวเป็นคนดีตลอดหนึ่งปีที่อยู่ในสถานพินิจแต่เรื่องมันก็เลวร้ายลงเมื่อหลังจากเขาอายุครบ 18 ปีก็ถูกย้ายไปยังเรือนจำ จากนั้นเขาและฉัตรรวีก็ไม่ติดต่อกันอีกเลย เขาถามมารดาที่กลับมาร่วมงานศพของคุณยายแต่มารดาบอกว่าครอบครัวนั้นย้ายออกจากบ้านหลังเดิมไปตั้งแต่เกิดเรื่อง มันยิ่งทำให้ภคชนท์แปลกใจมากขึ้นเพราะจดหมายทุกฉบับที่เขาส่งมันก็จ่าหน้าซองไปที่บ้านหลังนั้นและได้รับการตอบกลับมา มีเรื่องราวในอดีตอีกหลายอย่างที่ทำให้ภคชนท์สับสนและไม่รู้ว่าอะไรมันคือเรื่องจริงกันแน่ เขายังเก็บรวบรวมจดหมายทุกฉบับไว้กับตัวเองบางครั้งก็หยิบ มันขึ้นมาอ่านเพราะข้อความเหล่านั้นมันทำให้เขามีกำลังใจในการเรียนมีกำลังใจในการต่อสู้และใช้ชีวิตให้ดีกว่าเดิม หลังจากส่งฉัตรญาดาที่บริษัทแล้วภคชนท์ก็ขับรถมาที่ร้านของกษิเดชซึ่งภูวริษมารออยู่ก่อนแล้ว “หน้าเครียดมาเชียวมีอะไรหรือเปล่า” “ฉันคุยกับญาดาเธอบอกว่าพี่สาวของเธอเปลี่ยนชื่อและนามสกุลไปแล้วและตอนนี้ญาดากับพี่สาวก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย” เขาถอนหายใจก่อนจะนั่งลงเหมือนคนหมดหวัง “นี่นายถามคุณญาดาไปตรงๆ เลยเหรอ นายบอกเธอแล้วเหรอว่านานเป็นใคร” ภูวริษค่อนข้างตกใจเพราะคิดว่ามันคงเร็วไปที่จะเปิดเผยตัวว่าเคยรู้จักกันมาก่อน “เปล่าหรอกเราคุยกันหลายเรื่องแล้วเธอก็พูดถึงบางเรื่องในอดีตให้ฟัง” ภคชนท์เล่าเรื่องที่เขาคุยกับฉัตรญาดาให้เพื่อนฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง เหตุผลที่เขาคุยกับภูวริษทุกเรื่องก็เพราะตอนที่เขาออกจากเรือนจำแล้วย้ายไปอยู่กับมารดาที่อเมริกาเขามีอาการซึมเศร้าและเก็บตัวจนมารดาต้องพาไปพบจิตแพทย์ ชายหนุ่มรักษาอาการซึมเศร้าและจิตแพทย์แนะนำว่าเขาควรมีใครสักคนที่พูดคุยปรึกษาทุกเรื่องและภูวริษก็คือเพื่อนคนเดียวที่ภคชนท์ยังติดต่อด้วยแม้จะเปลี่ยนชื่อนามสกุลและย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วก็ตามแต่ทุกครั้งที่ได้พูดได้ระบายเรื่องต่างๆ ออกมามันทำให้จิตใจเขาสงบมากขึ้น แม้ตอนนี้จะหายขาดจากโรคซึมเศร้าและหยุดทานยามาหลายปีแต่ภคชนท์ก็ยังติดนิสัยเดิมคือเล่าเรื่องทุกอย่างให้กับภูวริษฟัง “แล้วคุณญาดาได้บอกได้ไหมว่าพี่สาวของเธอเปลี่ยนไปชื่ออะไรเราจะได้ช่วยกันหาว่าตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหน” “ฉันไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรไปถามน่ะ เอาไว้รอให้สนิทกว่านี้ค่อยถามก็ได้” “นายจะเอายังไงต่อล่ะจะจ้างเธอทำงานต่อไปไหม” “เธอไม่ผิดอะไรนี่” “ถ้าเจอกับรู้ดีรวีอีกครั้งนายจะจำเธอได้ไหม” “ถ้าเธอไม่ไปทำศัลยกรรมฉันคิดว่าต้องจำได้” “แล้วคิดไว้หรือยังว่าจะทำยังไงกับเธอ” “ก็กำลังคิดอยู่” “ฉันว่ามันผ่านมาเป็นสิบปีแล้วนะชนท์ ลืมได้ก็ควรลืมมันไม่ดีกับตัวนายเองเลยนะ” “แล้วถ้าเป็นนายโดนแบบฉันนายจะลืมไหมล่ะ” เขาถามกลับ “ก็ยากที่จะลืมแต่การแก้แค้นก็ไม่ใช่ทางออก อย่าลืมนะว่าเธอเป็นผู้หญิง” เขาเตือนด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้ว่าภคชนท์เคยป่วยมาแล้วเพราะความเครียด “ไหนว่าผู้หญิง ผู้ชายเท่าเทียมกันไงล่ะ” “มันก็ใช่แต่ฉันนึกไม่ออกว่าจะแก้แค้นยังไง” “อันดับแรกก็ต้องทำให้เธอสนใจฉัน หลงฉันและทำทุกอย่างเพื่อฉันเหมือนที่ฉันทำทุกอย่างเพื่อเธอเมื่อสิบปีก่อน” “ถ้านายไม่ปล่อยวางก็จะไม่มีความสุขเลยนะชนท์” ภูวริษเตือนเพราะไม่อยากเห็นเพื่อนจมอยู่กับความทุกข์ “ความสุขของฉันมันหายไปแล้วตั้งแต่วันที่ฉันตัดสินใจช่วยรวีแล้วล่ะ” น้ำเสียงของภคชนท์เต็มไปด้วยความโกรธแค้น “ฉันรู้ว่ามันทำใจลืมยากฉันก็แค่เป็นห่วงกลัวว่านายจะทำอะไรเธอแล้วต้องกลับเข้าไปอยู่ในนั้นอีก” “ไม่มีทางหรอก ในเมื่อรวีใช้ความรักของฉันมาทำร้ายฉัน ฉันก็จะใช้ความรักทำร้ายเธอบ้าง” “ถ้าเธอมาขอโทษมาอธิบายเหตุผลที่เงียบหายไปล่ะ นายคิดว่าจะยกโทษให้เธอได้ไหม” “ฉันว่ามันสายไปแล้วนะภู เวลามันผ่านไปนานมันทำให้ฉันรู้และเข้าใจดีเลยว่ารวีไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตาเลย เธอก็แค่หลอกใช้แค่นั้นเอง” “มันก็ใช่” “นายรู้มั้ยอะไรที่ฉันให้ทำให้ฉันเสียใจที่สุด” “ก็เรื่องที่นายรับผิดแทนเธอยังไงล่ะ” “เรื่องนั้นก็ใช่แต่มีอีกเรื่องที่ฉันรู้สึกเสียใจและไม่อาจให้อภัยรวีได้” “เรื่องอะไร” “ก่อนฉันจะถูกพาตัวไปอยู่สถานพินิจฉันฝากให้รวีช่วยดูแลยายแต่เธอไม่ทำ” “เธอก็อาจจะดูแลแต่นายอาจไม่รู้ก็ได้นะ” “มันก็ใช่ที่ฉันอาจจะไม่รู้ แต่ในงานศพยายรวีไม่มาเลยสักวัน” “นายรู้ได้ยังไง” “ฉันถามแม่” “แม่ของนายอาจจะไม่รู้จักรวีก็ได้” “ทำไมแม่จะไม่รู้จักล่ะบ้านเราอยู่ติดกันมานานแม่บอกว่ามีแต่ญาดาที่มาช่วยงานทุกวันทั้งที่ตอนนั้นบ้านของรวีไม่มีคนอยู่แล้ว” “ฉันว่าถ้ามีโอกาสนายต้องถามญาดานะว่าระหว่างที่นายไม่อยู่มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง” “นายจะให้ฉันบอกเธอเหรอว่าฉันเป็นใคร” “เปล่าหรอกนายก็แค่สนิทกับเธอให้มากขึ้น ทำให้เธอไว้ใจเธออาจจะเล่าเรื่องในอดีตให้นายฟังเหมือนอย่างที่เธอเล่าเรื่องพี่สาวก็ได้” “ฉันจะลองทำตามดูนะ” “ฉันให้นายหลอกถามจากคุณญาดานะแต่ไม่ใช่ให้นายแก้แค้นที่เธอ” “ญาดากับรวีมันคนละคนกันและฉันก็แยกแยะออก”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม