มันยังไงกันแน่

1203 คำ
ตอนที่ 2 มันยังไงกันแน่ หลังเลิกงานภคชนม์ก็โทรศัพท์ไปชวนภูวริษเพื่อนสนิทสมัยมัธยมให้ออกมาดื่มด้วยกันร้านอาหารกึ่งผับของกษิเดชรุ่นพี่ที่เขาสนิทด้วยตั้งแต่ก่อนไปเรียนต่างประเทศ เมื่อมาถึงชายหนุ่มก็ตรงไปยังมุมในสุดของร้านซึ่งเป็นที่นั่งประจำของกับเพื่อน “สวัสดีครับพี่เดชวันนี้ลูกค้าเยอะนะครับ” เขาทักทายกษิเดชที่เดินเข้ามาหาทันทีเมื่อเห็นรุ่นน้องเดินเข้ามาในร้าน “ช่วงต้นเดือนก็แบบนี้ คนเยอะกว่าปกติกินอะไรมาหรือยัง” “ยังครับ หิวมากเลย” เมื่อรุ่นน้องพูดแบบนั้นเขาก็เรียกพนักงานมาและสั่งอาหารให้โดยที่ภคชนท์ไม่ต้องบอกว่าจะกินอะไร “นึกยังไงมาคนเดียวหรือไม่มีคนคบแล้ว” กษิเดชแซวรุ่นน้องยังไม่จริงจัง “ก็เกือบไม่มีคนคบแล้วเหมือนกันครับ ดีที่ยังเหลือไอ้หมอภูกับพี่เดชอีกตั้งสองคนนะครับ” “แล้วเพื่อนคนอื่นนี่เขาไม่คบหรือเพราะนายไม่ติดต่อพวกเขากันล่ะ” กษิเดชนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วชวนรุ่นน้องคุย “ผมก็อยากติดต่อนะครับแต่ก็ขี้เกียจอธิบาย ว่าทำไมชีวิตถึงเปลี่ยนไป” “เรื่องของนายจะมีกี่คนกันนะที่รู้ความจริง” เขามองด้วยแววตาที่เห็นใจ “ถึงพวกเขาจะรู้ความจริงมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอกครับพี่เดช ปล่อยให้พวกเขาเข้าใจไปอย่างนั้นก็ดีแล้ว” “นี่คือเหตุผลที่นายเปลี่ยนชื่อและนามสกุลหรือเปล่า” “ก็ประมาณนั้นครับพี่ ถ้าผมยังใช้ชื่อเดิมคนที่เคยรู้จักก็คงมองผมด้วยสายตารังเกียจ คำว่าฆาตกรมันตามหลอกหลอนผมไปตลอด” “พี่สงสารนายนะที่เจอกับความรักแย่ๆ ตั้งแต่ครั้งแรก” “ผมว่าอย่าโทษความรักเลยครับพี่เดช โทษที่ตัวคนมากกว่า” ภูวริษพูดแทรกขึ้นเขารู้เรื่องเราทุกอย่างแตกต่างไปจากคนอื่นเพราะภคชนท์เล่าความจริงให้ฟังตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องขึ้น แต่ตอนนั้นเขาก็ห้ามเพื่อนตัวเองไม่ได้ ถ้ารู้ว่าเรื่องทุกอย่างมันจะเลวร้ายเขาคงต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกกับตำรวจ ภูวริษยังคงโทษว่าเป็นความผิดของตนเองมาจนถึงตอนนี้ “พูดเหมือนเคยมีความรักเลยนะภู” กษิเดชพูดกับเพื่อนรุ่นน้องพลางหัวเราะเพราะตั้งแต่รู้จักกับหมอภูวริษมานานถึงสามปีเขาก็ยังไม่เคยเห็นคุณหมอคนนี้มีแฟนเลยสักคน “สวัสดีครับพี่เดช ถึงผมจะไม่เคยมีความรักแต่ผมก็พอรู้มาบ้าง ว่าแต่พี่เถอะครั้งก่อนที่ผมมาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งตัวติดกับพี่ตลอดแล้ววันนี้เธอไปไหนแล้วล่ะครับ” ภูวริษยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับภคชนท์ “อย่าสนใจเรื่องของพี่เลยน่า พี่ว่าเราสนใจเรื่องของนายชนท์ดีกว่าดูว่าวันนี้จะอารมณ์ดีแปลกๆ กมีข่าวดีอะไรหรือเปล่า” “พี่เดชนี่รู้ทันผมจริงๆ เลยนะ” “ข่าวดีอะไรวะ” ภูวริษก็สนใจอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้เพื่อนดูอารมณ์ดีผิดปกติ “ฉันเจอเธอแล้ว” เขายิ้มเจ้าเล่ห์แววตาเป็นประกาย “เจอใครวะหรือว่านายเจอรวี” ภูวริษเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาทำให้สีหน้าของภคชนม์เปลี่ยนไป นานแล้วที่เขาไม่ได้ยินชื่อนี้ออกจากปากคนอื่นเพราะส่วนใหญ่จะได้ยินชื่อนี้ก้องอยู่ในหัวของตัวเองมาตลอด “ไม่ใช่รวีหรอก” “แล้วเจอใครทำไมถึงดูดีใจจังล่ะพี่ว่าคนที่เจอต้องเป็นคนที่มีความสำคัญมากกับนายแน่ๆ” “เจอน้องสาวของรวี” “อ๋อ เด็กที่คอยตามนายกับรวีนะเหรอ โตขึ้นเยอะแล้วสินะ” “อือ ก็มันผ่านมาสิบปีแล้ว” “แล้วสวยสู้รวีได้ไหมล่ะ” ภูวริษรู้จักคนรักเก่าของเพื่อนดีเพราะหญิงสาวเป็นดาวเด่นของโรงเรียนเธอทั้งสวยและเรียนเก่งอีกทั้งยังเป็นนักกิจกรรมตัวยงไม่มีใครในโรงเรียนที่ไม่รู้จักเธอ “สวยนะแต่สวยคนละแบบ” “แล้วนายได้ถามเธอไหมว่าตอนนี้รวีทำอะไรอยู่ที่ไหนเป็นยังไงบ้าง” “ฉันไม่รู้เหมือนกันว่ะ” “มันยังไงกันแน่ล่ะชนท์พี่งงนะ” กษิเดชที่นั่งฟังอยู่ขมวดคิ้ว “ผมยังไม่ได้คุยกับเธอครับพี่เดช คงต้องรอคุยกันอีกทีวันอังคาร” “นายช่วยเล่าแบบทีเดียวจบเลยได้ไหมวะชนท์ ฉันกับพี่เดชคิดตามจนปวดหัวแล้วนะ” “ที่บอกว่าเจอก็คือวันนี้ฉันรับผู้ช่วยคนใหม่แล้วพอดีว่าหนึ่งในคนที่มาสมัครคือญาดาน้องสาวคงรวีน่ะ” “นายเลยรับน้องสาวของคนรักเก่าเข้าทำงานเหรอ” “อย่าเรียกว่าคนรักเก่าเลยฉันว่ารวีอาจไม่เคยรักฉันและเธอคงเห็นฉันเป็นแค่เด็กสักคนที่เธอเอาไว้เรียกใช้ ส่วนฉันก็คงหลงเธอจนมองไม่ออกว่าที่เธอทำดีด้วยนั้นมันเพราะอะไรกันแน่” “แล้วนายรับน้องสาวของเธอมาทำงานด้วยเพราะอยากได้คนช่วยงานหรือเพราะเธอคือน้องสาวของรวีกันแน่ล่ะ” กษิเดชถามรุ่นน้องด้วยความไม่สบายใจ เขาไม่อยากให้ภคชนท์กลับไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อรวีอีกต่อไปแล้ว “ผมไม่ได้รับเพราะเธอเป็นน้องของรวีหรอกครับ แต่ที่ผมรับเพราะเธอมีคุณสมบัติครบเหมือนกับคนอื่นที่มาสมัครน่ะ” “แต่นายก็เลือกเธอแทนที่จะเลือกคนอื่นฉันว่านายต้องคิดอะไรอยู่แน่ๆ บอกฉันกับพี่เดชมานะว่าจากนี้นายวางแผนจะทำอะไรต่อ” “ฉันยังคิดไม่ออกเลยขอเจอเธอก่อนก็แล้วกัน เผื่อว่าได้คุยกับเธอแล้วจะนึกอะไรออกบ้าง” “นายคิดว่าน้องเขาจะจำนายได้ไหม” “คงไม่หรอกขนาดฉันยังจำเธอไม่ได้เลย ถ้าไม่เห็นชื่อกับนามสกุลคงไม่รู้ว่าเธอเป็นน้องสาวของรวี” “แล้วแน่ใจเหรอว่าใช่น้องของรวีจริงๆ ไม่ใช่ว่าคนอื่นที่มีชื่อกับนามสกุลเหมือนกันหรอกนะ” “ถ้าชื่อกับนามสกุลซ้ำกันก็คงจะพอมีแต่คงเจอได้น้อยมาก แต่ที่ฉันมั่นใจก็เพราะประวัติการศึกษาฉัตรญาดาคนนี้เธอเรียนโรงเรียนเดียวกับเราตั้งแต่ ม. 1 ถึง ม. 6 เลยนะ” “ถ้าเธอนี้เรียนที่เดิมแล้วทำไมบ้านของรวีถึงไม่มีคนอยู่ล่ะ นายว่ามันแปลกใหม่ชนท์ “นั่นสินะ” นี่เป็นคำถามที่ภคชนท์ต้องหาคำตอบให้ได้เขาอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เขาเข้าไปอยู่ในสถานที่ซึ่งยากต่อการรับรู้เรื่องราวจากโลกภายนอก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม