ภูวริษแยกกับฉัตรญาดาที่หน้าร้านอาหารจากนั้นเขาก็โทรศัพท์นัดให้ภคชนท์ออกมาเจอที่ร้านของกษิเดช ชายหนุ่มเล่าเรื่องที่คุยกับฉัตรญาดาให้เพื่อนฟังมันยิ่งสร้างความสับสนให้กับภคชนท์เอามากๆ
“ตลอดหนึ่งปีที่ฉันอยู่ในสถานพินิจฉันคิดมาตลอดว่าคนที่เขียนจดหมายมาให้กำลังใจฉันคือรวี” ภคชนท์รู้สึกผิดหวังอีกครั้งเพราะเขาคิดมาตลอดว่าถึงแม้ฉัตรรวีจะขาดการติดต่อไปแต่อย่างน้อยในช่วงหนึ่งเธอก็ยังไม่ลืมเขา
“นายคิดไหมว่าคุณญาดาจะโกหก” ภูวริษถามเพื่อนเพราะเขาไม่เคยรู้จักทั้งฉัตรรวีและฉัตรญาดาแบบสนิทสนมมาก่อน
“ญาดาจะโกหกทำไมล่ะ ในเมื่อเธอไม่รู้ว่ากำลังคุยอยู่กับใครนายรู้ไหมภู ถ้าไม่มีจดหมายพวกนั้นฉันก็คงท้อและทิ้งการเรียนไปแล้ว”
“ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้นายจะเอายังไงต่อล่ะ ฉันว่าคนที่นายรู้สึกดีด้วยอาจจะเป็นคุณญาดานะ นายบอกฉันเองนี่ว่าเวลาออกไปไหนก็มักจะไปกันสามคนนะ”
“มันก็ใช่นะแต่คนที่ฉันชอบตอนนั้นก็คือรวีจริงๆ” ภคชนท์นึกย้อนไปเมื่อสิบปีก่อนขณะที่เขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
วันปัจฉิมนิเทศ
วันสุดท้ายแล้วนะไอ้วัชร์ถ้ามึงไม่บอกพี่เขาวันนี้มึงก็ไม่มีโอกาสแล้วนะภูวริษในวัย 17 ปีคะยั้นคะยอให้เพื่อนไปสารภาพความรู้สึกกับรุ่นพี่ที่แอบชอบมานาน
“แต่มีคนเอาดอกไม้มาให้พี่รวีเยอะเลยนะ”
“กลัวอะไรล่ะคนอื่นให้ได้นายก็ให้ได้ นายน่ะเป็นนักบาสของโรงเรียนมีสาวๆ หลายคนแอบชอบนะ นายมั่นใจในตัวเองหน่อยสิเอาดอกไม้กับตุ๊กตาหมีไปให้เขาเลย”
ภคชนท์หรือวีรวัชร์ในวัย 17 ปีสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะเดินตรงไปยังรุ่นพี่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เขาแอบชอบ
“พี่วัชร์เอาดอกไม้มาให้พี่รวีเหรอคะ” ฉัตรญาดาเห็นพี่ชายข้างบ้านเดินถือดอกไม้มาก็รีบทักทาย
“อืม” เขาตอบน้องสาวของฉัตรรวีแล้วเดินตรงไปหาเธอ”
“ยินดีด้วยนะครับพี่รวี” เด็กหนุ่มส่งดอกไม้กับตุ๊กตาหมีตัวโตให้กับรุ่น
“พี่ขอบใจนะ” ฉัตรรวียิ้มแล้วรับดอกไม้กับตุ๊กตามาถือไว้
“ถ่ายรูปคู่กับพี่รวีไหมพี่วัชร์ เดี๋ยวญาดาถ่ายให้” ฉัตรญาดาตะโกนถาม
“ได้ไหมครับพี่รวี” วีรวัชร์หันมาถามเธอด้วยความเกรงใจ
“ได้สิ”
ทั้งสองคนยืนถ่ายรูปด้วยกันก่อนที่คนอื่นจะเข้ามาแสดงความยินดีกับฉัตรรวีต่อทำให้วีรวัชร์ต้องเดินถอยออกมา แต่เขาก็ไม่ไปไหนไกลเพราะอยากจะรอให้ทุกคนกลับไปก่อนและจะเข้าไปคุยกับเธออีกครั้ง
ตอนนี้หลายคนกำลังทยอยกลับบ้านฉัตรญาดากำลังช่วยพี่สาวรวบรวมช่อดอกไม้และของขวัญรวมถึงตุ๊กตาใส่ถุงใบใหญ่
“ญาดาเก็บของไปก่อนนะพี่ขอไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวมา”
“ค่ะพี่รวี”
เมื่อฉัตรรวีเดินแยกออกมาวีรวัชร์ก็สบโอกาสที่จะเข้ามาคุยกับเธอตามลำพัง
“พี่นึกว่ากลับไปแล้ว”
“ยังครับพี่รวีผมมีอะไรจะคุยกับพี่นิดหน่อย”
“ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนรอพี่อยู่ตรงนี้เดี๋ยวกลับมา”
“เอาล่ะจะคุยอะไรเหรอ” ฉัตรรวีถามเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ยืนรออยู่
เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นมีคนอื่นเขาก็รวบรวมความกล้าอีกครั้งก่อนจะพูดออกไป
“ผมชอบพี่ครับ”
“อะไรนะวัชร์”
“ผมบอกว่าผมชอบพี่ ผมรู้ว่าพี่ไม่มีแฟนเรามาคบกันไหม” เขาพูดในสิ่งที่ซ้อมกับตัวเองมาหลายวัน
“พูดจริงเหรอ” ฉัตรรวีตกใจที่เด็กหนุ่มข้างบ้านมาสารภาพรักเพราะเธอกับเขาก็สนิทกันมานานแต่ไม่เคยรู้ความรู้สึกของรุ่นน้องคนนี้มาก่อน
“จริงครับ”
“ทำไมถึงชอบพี่ล่ะ” เธอมองรุ่นน้องและเห็นว่าเขาไม่น่าจะพูดเล่น
“ก็พี่รวีทั้งสวยทั้งเก่งมีใครบ้างเหรอครับที่ไม่ชอบพี่”
คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้ฉัตรรวียิ้ม วีรวัชร์ไม่ใช่คนแรกที่มาพูดกับเธอแบบนี้แต่เธอไม่เคยตอบตกลงคบกับใครเลยเพราะทุ่มเทให้กับการเรียนมาตลอด แต่ในเมื่อตอนนี้เธอเรียนจบแล้วก็เลยอยากจะลองคบใครสักคนดูเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอมหาวิทยาลัยเปิด
ฉัตรรวีคิดว่าการคบกับวีรวัชร์ก็คงไม่มีอะไรเสียหายเพราะเดิมทีก็สนิทสนมกันอยู่แล้ว
“ถ้าอยากจะคบกันจริงก็ห้ามเรียกพี่ตกลงไหมล่ะ”
“พี่รวีจะคบกับผมจริงๆ เหรอครับ”
“นั่นไงยังเรียกพี่อยู่เลย”
“รวีจะคบกับผมจริงๆ เหรอครับ”
“แล้วอยากให้มันเป็นความจริงไหมล่ะ”
“อยากครับอยากที่สุดเลย”
“ถ้างั้นก็ตกลงแต่รวีมีข้อแม้นะ”
“อะไรครับ”
“ระหว่างคบกันเราจะบอกคนอื่นให้รู้ไม่ได้”
“แล้วเราจะบอกคนอื่นได้ตอนไหนล่ะ”
“ก็ตอนที่เราโตกว่านี้ก่อนไง ขืนเราบอกพ่อกับแม่ว่าเราแอบคบกันเขาคงห้ามแล้วยายของวัชร์เองก็คงจะตกใจแน่”
“เอาอย่างนั้นก็ได้”
เมื่อตกลงกันได้แล้ววีรวัชร์ก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่ารุ่นพี่ที่แอบชอบจะตกตกลงง่ายๆ แบบนี้
“พี่วัชร์ยังไม่กลับเหรอ” เสียงหนึ่งดังทักทายเมื่อเขาเดินคู่มากับฉัตรรวี
“อือ แล้วญาดาจะกลับยังไง”
“ก็คงนั่งรถสองแถวนั่นแหละ”
“ของเยอะแยะแบบนี้นั่งรถสองแถวจะสะดวกเหรอให้พี่ไปส่งดีไหมญาดา”
“แล้วจะไปกันยังไงล่ะตั้งสามคนไหนจะของพะรุงพะรังอีก”
“ก็ให้พี่ไปส่งญาดาก่อนแล้วค่อยกลับมารับรวีส่วนของก็ช่วยกันถือไปดีไหมล่ะ”
ฉัตรญาดามองไปทางพี่สาวเมื่อเห็นเธอพยักหน้าก็ถือของเดินตามวีรวัชร์ไปยังลานจอดรถจักรยานยนต์ที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้
“พี่วัชร์ใจดีแปลกๆ แล้วยังเรียกพี่รวีว่ารวีเฉยๆ อีกมีอะไรที่ญาดาไม่รู้หรือเปล่า”
“เปล่านี่”
“ไม่มีอะไรแน่นะ”
“อย่าถามเซ้าซี้เลยน่าญาดา รีบขึ้นมาเถอะพี่ไม่อยากให้รวีรอนาน”
ระยะทางระหว่างบ้านของทั้งสองกับโรงเรียนไม่ได้ไกลมากเท่าไหร่ วีรวัชร์ใช้เวลาไม่นานก็จอดรถส่งฉัตรญาดาที่หน้าบ้านก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ไปรับฉัตรรวีที่โรงเรียนอีกครั้ง
“รอนานไหมไม่นานหรอก”
“หิวหรือเปล่ารวี”
“ทั้งเหนื่อยมากๆ เลยแหละ”
“เราไปหาอะไรกินกันก่อนกลับบ้านดีไหม”
“ไม่ได้หรอกถ้ากลับค่ำเดี๋ยวแม่จะว่าเอา”
“แต่ผมอยากฉลองให้รวี”
“เราไปฉลองกันวันอื่นก็ได้นะวัชร์วันนี้มันค่ำแล้วรวีไม่อยากโดนแม่ดุ”
“เอาอย่างงั้นก็ได้ตกลงว่ารวีรับนัดผมแล้วนะ”
“อืมแต่จะเป็นวันไหนเดี๋ยวรวีจะบอกนะ”
“ผมขอไลน์ของรวีได้ไหมล่ะ”
“ได้สิ”
ทั้งสองแลกไลน์กันก่อนที่ฉัตรรวีจะซ้อนรถจักรยานยนต์ของชายหนุ่มกลับมาที่บ้าน
“ขอบใจมากนะวัชร์”
“คืนนี้ผมโทรหาได้ไหมรวีนอนห้องเดียวกับญาดาหรือเปล่า”
“เปล่าเรานอนกันคนละห้อง”
“ดึกๆ ผมโทรหานะ ผมอยากคุยกับรวี”
“ได้สิ รวีขอเข้าบ้านก่อนนะ ขอบใจมากนะวัชร์” หญิงสาวโบกมือให้เขาก่อนจะเดินเข้าบ้าน
วีรวัชร์จูงรถจักรยานจากหน้าบ้านของหญิงสาวเข้ามาในบ้านของตนเองซึ่งตอนนี้คุณยายกำลังทำกับข้าวรออยู่แล้ว
“กลับค่ำเลยนะวัชร์ไปไหนมาเหรอลูก”
“วันนี้ที่โรงเรียนมีงานปัจฉิมครับยายผมก็เลยอยู่ร่วมงาน”
“แต่ยายเห็นเราขับรถเข้ามาในซอยแล้วครั้งหนึ่งนะ”
“ผมมาส่งญาดาแล้วก็กลับไปรับรวี”
“นี่หนูรวีเธอเรียนจบ ม. 6 แล้วใช่ไหมล่ะ”
“ใช่ครับคุณยาย”
“เธอจะไปเรียนต่อที่ไหนรู้หรือเปล่า”
“ยังไม่รู้เลยครับเห็นว่ากำลังดูอยู่”
“เราเองก็เหลืออีกปีเดียวที่จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนะตั้งใจเรียนหน่อยล่ะ จบแล้วจะได้ไปต่อมหาวิทยาลัยที่ตัวเองตั้งใจไว้”
“ครับคุณยาย ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับยายเดี๋ยวจะออกมากินข้าวด้วย”
“ได้จ้ะวัชร์อาบน้ำเสร็จกับข้าวนี้ก็น่าจะทำเสร็จพอดี”